กระบี่พิชิตกาเมศ ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 : เล่นอาวุธลับของนักฆ่า NC
ตอนที่ 5 : เล่นอาวุธลับของนักฆ่า
“หึ ก็แค่ลูกไม้หลอกเด็กของพวกบ้านนอก” เด็กหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีเขียวพ่นลมออกจากจมูกก่อนจะพุ่งร่างเข้ามาหาผม นิ้วมือทั้งห้าของเขากำหมัดแน่น ปล่อยกำปั้นตรงมาที่หน้าอกของผมทันที
ฟ่าว!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วทำให้เกิดเสียงหมัดฝ่าอากาศดังขึ้น ใบหน้าของเราห่างกันไม่กี่เซนติเมตรแต่ผมไม่ยอมโดนหรอก ขาซ้ายของผมฉีกออกไปด้านข้างตั้งแต่ที่เขาจะพุ่งเข้ามาแล้ว
ผมโคจรลมปราณลงไปหมุนที่ปลายเท้าซ้ายแล้วสะบัดตัวไปอยู่ข้างหลังของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองกางออกเป็นกรงเล็บแหลมจากลมปราณสีส้มจ่ออยู่บริเวณลำคอของอีกฝ่าย
เปิดใช้งานทักษะ – กรงเล็บพยัคฆ์ทมิฬ A
เปิดใช้งานทักษะ – เท้าเก้ามายา A
“ข้าถามเจ้าแล้วว่าพลังเพียงเท่านี้นะหรือ จะสามารถสั่งสอนข้าได้งั้นรึ?” ผมกระซิบที่ข้างใบหูของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้กรงเล็บจากลมปราณกดที่ลำคออีกฝ่ายจนเลือดสีแดงไหลซิบๆ ออกมา
ผู้คนที่อยู่รอบประตูของสำนักถึงกับหยุดหายใจมองด้วยความตกตะลึงเมื่อเจอกับภาพตรงหน้า คงไม่มีใครคิดหรอกว่าไอ้คนที่แต่งตัวด้วยชุดผ้าฝ้ายถูกๆ อย่างผมจะเอาชนะลูกกระจ๊อกของคุณหนูสุดหล่อได้อย่างง่ายดาย
“ป…ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นท่านพ่อของข้าได้ตัดหัวเจ้าทิ้งแน่!!”
‘อ้าว ไอ้นี่หาเรื่องเอง กากเอง แพ้เอง แล้วเอาพ่อมาขู่อีกนี่เอ็งเป็นเด็กประถมหรือไงวะ!?’
ฟังจากน้ำเสียงสั่นเครือของอีกฝ่ายคงกลัวผมอยู่ไม่น้อยเลย แต่ขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ฝ่ามือนิ่มๆก็เข้ามากำรอบข้อมือผมไว้ก่อน
“พอเถิด เขามิใช่คู่มือของเจ้าหรอก” เสียงนุ่มทุ้มดังออกมาพร้อมกับกลิ่นดอกท้อที่หอมสดชื่น ผมเอากล้ามเนื้อที่หดเกร็งเพราะเตรียมต่อสู้ของผมผ่อนคลายลงทันที มือที่กำรอบคอของอีกฝ่ายไว้ก็เขวี้ยงร่างอีกฝ่ายทิ้งไปเหมือนขยะชิ้นหนึ่งทันที
“ขออภัยที่ทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าท่านชายลี่หยางด้วย ข้าเพียงแต่ต้องการป้องกันตัวเท่านั้น” ผมเผลอมองหน้าเค้าอย่างเสียอาการก่อนจะขอโทษขอโพยออกไป จริงๆ แล้วผมต้องขอบคุณเค้าเสียด้วยซ้ำเพราะทันทีที่ไอ้ลูกกระจ๊อกนี่พุ่งเข้ามา คุณชายก็พุ่งตามมาติดๆ คงคิดจะมาช่วยผมนั่นแหละแต่มันผิดคาดไปหน่อยเพราะคนที่โดนอัดดันเป็นไอ้ลูกกระจ๊อกแทน
“ไม่ต้องถือสาเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก เจ้ามีนามว่าอะไรรึ?”
“ข้ามีนามว่าเฟยเทียนขอรับ” ผมคำนับแบบนอบน้อม สายตายังคงจับจ้องไปยังแก้มที่ดูอ่อนนุ่มหน้าสัมผัส เมื่อดูใกล้ๆแล้วคนข้างหน้าน่าจะอายุน้อยกว่าผมราวปีสองปีด้วยซ้ำ
“ท่านชาย!! ได้โปรดจัดการมันให้ข้าด้วยขอรับ มันบังอาโจมตีข้าทีเผลอ” สภาพหล่อเหลาของเด็กหนุ่มในชุดเขียวดูเยินจนแทบจำไม่ได้เพราะฝุ่นที่ปกคลุมทั้งตัวของเขาพวกกับใบหน้าสีแดงที่โกรธจัดชี้นิ้วมาทางผมแล้วทำเอาเราแทบ
“ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย? เพียงเพราะเจ้าทำตัวประจบประแจงข้าแล้วข้าจะเป็นพวกเดียวกับเจ้างั้นรึ? ชื่อของเจ้าข้ายังมิอาจจำได้เลย” หลังจากกล่าววาจาเผ็ดร้อนออกไปก็ทำเอาอีกคนโกรธจนหน้าดำเชียว
‘อ้าวคุณพี่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกันเรอะ?’
“ข้าจะจำสิ่งที่เจ้ากล่าวไว้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เมื่อพูดจบเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินหันหลังหนีไปเลย
‘ว่าแต่ ไอหมอนี่มันชื่ออะไรนะ?’
“ผู้ใดที่มีป้ายแนะนำ มาลงทะเบียนทางนี้ หากพวกเจ้าทำคะแนนได้ดีพวกเจ้าจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ภายในทันที แต่หากเจ้าไม่มีป้ายแนะนำ เจ้าจะสามารถรับการทดสอบได้เพียงศิษย์ภายนอกเท่านั้น!!!” หลังจากที่จอมยุทธ์ร่างใหญ่ประกาศกร้าวอยู่บนกำแพงสำนักนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังสนั่น
ผู้คนนับร้อยนับพันที่เคยกระจายอยู่รอบๆเมืองบัดนี้ได้มากระจุกอยู่บริเวณหน้าประตูสำนักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นไม่หยุด ผมรีบเดินไปจุดลงทะเบียนและรับป้ายหมายเลขประจำตัวไว้
“หากพวกเจ้าทั้งหลายพร้อมแล้วจงคล้องป้ายหมายเลขแล้วเดินตามข้ามา” เสียงของจอมยุทธ์ตัวโตคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง
.
.
.
พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปในขณะที่ลานกว้างขนาดใหญ่ของสำนักเหลือผู้เข้าทดสอบเพียงหนึ่งในสี่ของผู้เข้าทดสอบตอนแรกสภาพแต่ละคนสะบักสะบอมไม่แพ้กัน
ผมปาดเหงื่อแล้วมองไปที่ร่างที่ดูนุ่มนิ่มซึ่งนั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลี่หยาง หลังจากการทดสอบด่านแรกเราก็ช่วยเหลือกันมาตลอด บอกไม่ถูกว่าทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนรู้จักกับไอ้เด็กนี่มานาน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อเช้าด้วยซ้ำ
“หากไม่ได้ท่านช่วยไว้ข้าคงต้องกลับบ้านไปตั้งแต่ทดสอบด่านที่สองเป็นแน่”
“ท่านเทิ่นอะไรกัน ข้าและเจ้าเราฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน หลังจากนี้ถือว่าเราเป็นสหายกันแล้ว” ลี่หยางพูดแล้วยิ้มออกมาจนตาหยีใบหน้าที่ทั้งหล่อเหลาและน่ารักอยู่แล้วกลับน่ารักขึ้นไปอีก
‘ทำไมเด็กหนุ่มอย่างเจ้าถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ ลี่หยาง?’
“ฮ่าๆ ขอบคุณที่รับคนอย่างข้าเป็นสหายขอรับ” ผมรีบตอบรับออกไปแก้เก้อ เพราะในขณะนั้นดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเองจะสังเกตได้ว่าผมจ้องมองเขามากเกินไปแล้ว
“ไปพักผ่อนฟื้นฟูลมปราณกันเถอะ พรุ่งนี้จักต้องทดสอบรอบสุดท้ายอีก หากร่างกายไม่พร้อมเราคงมิอาจเอาชนะใครได้” ใช่แล้ว พรุ่งนี้เป็นการทดสอบต่อสู้ตัวต่อตัวนั่นเอง สำหรับผมที่มีปราณแหร่งอรุณรุ่งอยู่ไม่ใช่เรื่องยากเลยในการฟื้นฟูตัวเองให้สมบูรณ์ก่อนการแข่ง
“เจ้านำไปก่อนเลยอีกประเดี๋ยวข้าตามไป ข้าจะนำอาหารที่ทางสำนักแจกจ่ายไปเผื่อเจ้าด้วย”
“เช่นนั้นรึ งั้นก็ได้ แล้วเจอกัน” ลี่หยางเดินนำไปในอาคารใหญ่พร้อมกับจอมยุทธ์ฝึกหัดอีกหลายคน ใจจริงแล้วผมอยากเดินไปด้วยกันมากกว่า แต่ที่ผมต้องแยกตัวออกมาแบบนี้เพราะผมมีเหตุผลบางอย่าง
หลังจากที่เดินอ้อมอาคารทางไปโรงอาหารของสำนักได้สักพัก ผมก็หยุดลงแล้วมองไปยังทางเดินว่างเปล่าด้านหน้า
“จะไม่โผล่ออกมาจริงๆ รึข้าอุตส่าห์เดินมายังที่ลับตาคนเพื่อให้เจ้าลงมือได้ง่ายขึ้น”
เกร้ง!!!
ทันทีที่ผมพูดจบกรงเล็บโลหะก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า มันพุ่งตรงมาที่ลำคอของผมอย่างรวดเร็ว ผมยกท่อนแขนขึ้นมากันได้ทันท่วงที โชคยังดีที่ได้ปลอกแขนโลหะซึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อช่วยกันไว้ได้พอดี
“หึหึ ใจกล้าไม่เบาหนิ รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าตามเจ้ามา” เป็นไปตามที่คิดจริงๆ ด้วย ไอหนุ่มชุดเขียวนี่มันอาฆาตแรงจริงๆ
“ตั้งนานแล้ว ไอ้คนที่ตกรอบไปแล้วเช่นเจ้า มาทำอะไรที่นี่ จะแก้แค้นข้ารึไง?” ผมกัดฟันพูดออกไปเพราะกรงเล็บโลหะของอีกฝ่ายมันทั้งแหลมคมและหนักจนปลายของมันปาดเนื้อตรงคอของผมไปหน่อยนึงแล้ว
“หึ แกไม่รู้รึไงคนตกรอบแบบพวกข้านะ มีรอบแก้ตัวด้วย”
“แก้ตัว?”
“ใช่ ขอแค่แย่งชิงป้ายของคนที่สอบผ่านมาได้พวกข้าก็จะเข้าสำนักได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องทดสอบรอบต่อไปยังไงละ ผู้คุมสอบยังบอกอีกว่าต่อให้ฆ่าเจ้าก็มิมีการลงโทษใดๆเพราะถือว่าเจ้าอ่อนแอเอง” ผมแสร้งทำหน้าซีดให้อีกฝ่ายตายใจ เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มเยาะเย้ยเหยียดหยามผมอย่างสะใจ ในตอนที่เขาเผลอลดการป้องกันลงอย่างไม่รู้ตัว ผมจึงรีบง้างหมัดต่อยเข้าไปเต็มอก
ผลั่ก!!!
“อั๊ก!! จ….เจ้า!!!” ร่างของเด็กหนุ่มกระเด็นออกไปราวสิบเมตร โลหิตสีแดงเข้มไหลย้อยออกจากปากของอีกฝ่าย
“สิ่งใดที่ทำให้ผูซึ่งตกรอบไปแล้วเช่นเจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้?” ผมพูดออกมาด้วยความมั่นใจ แต่แล้วทันใดนั้นเอง แขนขาของผมก็ชาจนขยับไม่ได้
“น…นี่มันอะไรกัน!?”
“แฮ่ก….แฮ่ก…. อ..ออกฤทธิ์แล้วสินะ สิ่งนี้ยังไงละที่ทำให้ข้ามั่นใจว่าจะชนะเจ้าได้ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไงที่เผชิญหน้ากับผู้ที่ข้าเคยปราชัยมาแล้วตรงๆ เรื่องแบบนี้ต้องมีตัวช่วยเสียหน่อย หึหึ ยาพิษนี้ตระกูลของข้าผสมมาเองกับมือเจ้าอย่าได้หวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดอีกต่อไป ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะแบบเหี้ยมเกรียมดังออกไม่หยุด ตาขีดเดียวกับคิ้วที่โก่งขึ้น ใครมาเห็นก็รู้ว่าตัวโกงแน่นอนยิ่งหัวเราะแบบนี้อีกดูยังไงก็ทรงโจรชัดๆ
“ลาก่อน ไอ้บ้านนอก ป้ายของเจ้าหนะ ข้าจะดูแลแทนเอง!!” เด็กหนุ่มง้างกรงเล็บขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่ลำคอของผม แต่แล้วทันใดนั้นเองปราณอรุณรุ่งก็ทำงานขึ้นเองโดยที่ผมไม่ต้องสั่ง พิษมากมายที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดถูกชำระล้างออกโดนพลัน ทันทีที่ผมขยับนิ้วมือได้ นิ้วทั้งสองก็เคลื่อนเข้าหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
จึ่ก!!
เปิดใช้งานทักษะ – ดัชนียอดชาย
ทักษะเปิดใช้งาน (Active) ระดับ S
‘ดัชนียอดชาย’
พลังโจมตี : 10
ความต้องการ : นิ้วที่แข็งแรง
คำอธิบายทักษะ :
1.ผู้ใช้ทักษะจะสามารถมองเห็นจุดอ่อนจุดลมปราณได้
2.ผู้ใช้ทักษะจะสามารถใช้ดัชนีที่เคลือบด้วยลมปราณพุ่งเข้าสะกัดการเคลื่อนไหวได้
ข้อจำกัด : ไม่สามารถใช้กับสตรีเพศได้
คูลดาวน์ : –
“อั๊ก!!!! ห…เหตุใด จ…เจ้าถึง!?” อีกฝ่ายมองหน้าอกตัวเองที่โดนนิ้วชี้กับนิ้วกลางจิ้มอยู่อย่างตกใจ ผมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายตกตะลึงได้นาน ผมใช้นิ้วมือจิ้มไปยังจุดต่างๆ เพื่อสกัดทั้งลมปราณและความเคลื่อนไหวทำเอาอีกฝ่ายที่ยืนค้างขยับตัวไม่ได้หล่นตุ้บราวกับตุ๊กตาผ้าที่ไร้คนชักใย
“ขออภัยด้วย ข้าลืมบอกเจ้าไปเหมือนกันว่าร่างกายของข้านะ ต้านทานพิษได้ทุกชนิดยังไงละ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะใส่คนหน้าที่จ้องจะเอาชีวิตผมอย่างสะใจก่อนจะลากมันเข้าไปในห้องเก็บของที่ไร้ผู้คน
‘อยู่ตรงนี้ไปก่อนนะ รอข้าเสร็จธุระเมื่อใดบั้นท้ายของข้าจะทะลวงมันเอง ฮ่าๆๆๆ’
.
.
.
พระจันทร์ยามค่ำคืนในโลกใบใหม่ของผมมันช่างดูสวยงามเหลือเกินทั้งกลมโตและขาวนวลยิ่งกว่าโลกใบที่ผมจากมาเสียอีก ผมมองใบหน้าที่กำลังหลับปุ๋ยของลี่หยางก่อนจะลุกไปยังห้องเก็บของที่ผมทิ้งอะไรบางอย่างไว้
“อื้อๆๆๆๆ” เมื่อผมเข้าไปในห้องเก็บของ เจ้าหนุ่มชุดเขียวก็ร้องเสียงดังในลำคอ ทั้งยังถลึงตาใส่เรากับว่าจะฆ่าผมด้วยการถลึงตาได้งั้นแหละ
“หากเจ้ายังเสียงดังแบบนี้ ข้าอาจต้องฆ่าเจ้าทิ้งจริงๆนะ เจ้าคนแปลกหน้า” ผมเดินเข้าไปหาร่างที่ถูกห้อยเอาไว้กับขื่อของโรงเก็บของ เป้าที่นูนเด่นออกมาแสดงให้เห็นว่าอาวุธลับที่อยู่ในกางเกงของมันคงไม่ธรรมดาเชียวละ
“แต่ก่อนอื่นข้าคงต้องตรวจหาอาวุธลับของเจ้าก่อนสินะ” สายตาของไอ้หนุ่มนั่นตกใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่สนใจสายตานั่นก่อนจะปลดกางเกงหรูของอีกฝ่าย แต่มันช่างปลดยากปลดเย็นเสียเหลือเกิดน ผมจึงใช้พลังลมปราณฉีกเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกจนหมด
ร่างสีขาวเปลือยเปล่าห้อยอยู่ตรงหน้าผมอย่างยั่วยวน กล้ามเนื้อตามตัวแน่นไปหมด คงเป็นเพราะฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวกายขาวเนียนดึงดูดสายตาได้มากขนาดนี้ กระเปาะตรงกลางลำตัวก็นูนเด่นออกมาจากผ้าเตี่ยวซะเหลือเกิน ผมอดใจไม่ไหวคว้าส่วนนูนเด่นบีบเล่นเสียเต็มแรง
หมับ !!!!!
อื้อ!!!!!!
“โห ใหญ่เหมือนกันนะเนี้ย” ผมบีบคลึงท่อนลำนั้นจนตอนนี้มันแข็งแน่นเต็มฝ่ามือผม ท่อนลำอุ่นๆกระดกตอบรับฝ่ามือของคนแปลกหน้าอย่างผม ปลายสีเนื้อบานทะโร่เด่นเสียจนผมต้องใช้ปลายเล็บสะกิดกับส่วนปลายของท่อนลำนั้นเบาๆ
อ๊ะซ์ !?
เสียงครางฮือกับใบหน้าตื่นตระหนกจ้องลงมาอย่างตกตะลึง ผมคิดว่าอีกฝ่ายคงสับสนแล้วละว่าผมจะทำอะไรกันแน่
“ไม่ต้องห่วงนะ ร่างกายของเจ้า ข้าจะเล่นมันให้สนุกเลย คนแปลกหน้า หึหึ” ผมแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายเล่นเอาคนที่ถูกห้อยลงมาอยู่สะดุ้งขึ้นทันที มันมองมาที่ผมด้วยแววตาที่หวาดกลัว
“หากเจ้าจะโทษผู้ใดก็โทษตัวเองเสียเถอะ ที่บังอาจมาลอบสังหารคนอย่างข้า!!!”
‘บั้นท้ายเล็กๆแต่แน่นหนึบแบบนี้มีรึที่ข้าจะปล่อยไปเปล่าๆ ฮ่าๆๆ’
คอมเมนต์