ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 1

Reader Settings

Size :
A-16A+

ภาค 1 เด็กหนุ่มรูปงาม บทที่ 1 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

นับแต่โบราณกาล มนุษย์โลกและยมโลกมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันแนบแน่น คนบนโลกมนุษย์สามารถบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นเซียนได้ ในยมโลกก็มีวิธีบำเพ็ญสำหรับกายภูตเช่นกัน แม้ว่าผีจะไม่อาจสำเร็จเป็นเซียน แต่ก็สามารถบำเพ็ญจนมีฤทธิ์ได้
กายภูตที่บำเพ็ญเพียร สามารถใช้วิธีการลับเพื่อให้สัมฤทธิ์ผล บ้างสามารถกลับขึ้นไปอยู่บนโลก บ้างก็กลับชาติไปเกิดเป็นคนเหนือคน
ในบรรดาชนเหล่านั้น ก็ยังมีผู้ที่ไม่ปรารถนากลับขึ้นไปอาศัยบนโลกมนุษย์ ค่อยๆ สั่งสมบ่มเพาะจนมีร่างใหม่ที่เรียกว่า…กายนรก ซึ่งกายนรกที่ว่านี้เทียบได้กับคนเป็นๆ ในยมโลก มีเลือดเนื้อ สามารถสืบพันธุ์ ผู้มีกายเช่นนี้มีพลังฤทธิ์สูงส่งและมีจำนวนน้อย ดังนั้นจึงมักได้เป็นเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงในยมโลก
เดิมที ยมโลกถูกเรียกว่าโลกวิญญาณ มีมัจจุราชเป็นผู้ปกครอง แต่ต่อมา…กลับพ่ายแพ้ให้แก่พญายม
(“หุบปากซะ!” มัจจุราชเอ่ย)
จากนั้นโลกวิญญาณก็ค่อยๆ ตกเป็นของพญายม นับแต่ที่มัจจุราชถูก…จนน่าสังเวช เขาก็ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของพญายม โลกวิญญาณจึงถูกขนานนามว่ายมโลกแทน
กล่าวถึงยมโลก จะไม่เอ่ยถึงพญายมผู้มีชื่อเสียงลือลั่นไปทั้งหกภพภูมิคงไม่ได้ เขาเพิ่งมีอายุไม่กี่ร้อยปี และว่ากันว่ารูปงามมากเสียด้วย
(“อืม…โหดขนาดนั้น ใครจะกล้ามองหน้าล่ะ”)
พญายมมีชื่อว่าหมิงเฟิงจี้ เรื่องราวของเขาขอไม่กล่าวถึงชั่วคราว แค่เพราะทุกครั้งที่เอ่ยถึงบรรดาเชื้อพระวงศ์ของยมโลก แม้แต่เหล่าผีเก่าแก่ประวัติความเป็นมาลึกล้ำยังกลัวจนตัวสั่น ไม่ใช่เพราะท่านพญายมน่ากลัว หากแต่เป็นน้องชายของเขา ผู้ที่มีนิสัยเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลยต่างหาก
ที่มุมมืดบนถนนสายนรกมีผีเฒ่าอายุหลายร้อยปีตนหนึ่งคอยพูดเตือนผีที่เพิ่งมาใหม่ “อย่าไปเผลอทำให้เหยียนจู่โกรธเข้าล่ะ ทางที่ดีหนีไปให้ไกล! ว่ากันว่าท่านผู้นี้มีหลายจิตอยู่ในร่าง นิสัยก็เลยผีเข้าผีออก โหดร้ายผิดปกติ อยากรู้ไหมว่าท่านเป็นใคร ข้าจะบอกพวกเจ้าเอาบุญ ผู้ที่ควบคุมความเป็นความตายของมนุษย์โลกคือมัจจุราช ส่วนมัจจุราชของยมโลกก็คือเหยียนจู่ท่านนี้แหละ! ข้าไม่พูดมากล่ะ เอาเป็นว่าอย่าไปเผลอทำอะไรให้ท่านไม่พอใจก็แล้วกัน…”
ผีสาวที่เดินผ่านมาหัวเราะชอบใจ “ท่านปู่ซุนอย่าไปหลอกพวกผีใหม่สิเจ้าคะ” นางพูดเสียงเบาลง “เหยียนจู่หายสาบสูญไป 69 ปีแล้ว จะกลับมาได้อย่างไรกัน ผีใหม่พวกนี้ไม่มีทางได้เจอหรอก” พูดจบก็พลิ้วร่างลอยจากไป
ปู่ซุนคิดในใจ ‘แค่ 69 ปีนับเป็นอะไรได้’ ทว่าครั้นเห็นทีท่ากลัวผีอย่างกับตัวเองยังไม่ตาย จนได้ฟังผีสาวปลอบใจจึงดูหายกลัวของพวกผีหน้าใหม่ ปู่ซุนก็ถึงกับหมดคำพูด
69 ปีที่แล้ว ไม่รู้พระอนุชาของพญายมไปโดนอะไรกระตุ้นมา อยู่ๆ ก็เปลี่ยนตัวเอง จากที่เคยบ้าอำนาจบ้าพลังก็กลับมาสุภาพเรียบร้อย ทำเอาผีใหญ่ผีน้อยพากันตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
‘ใครที่บังอาจไม่ดูตาม้าตาเรือมาทำให้เหยียนจู่กริ้ว ข้าน้อยจะจัดการให้ท่านเอง!’
ครั้นคำพูดนี้ดังขึ้น เหยียนจู่ก็หันขวับมามองด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ ผีน้อยตนนั้นเห็นก็ดีใจว่าเจ้านายคนเดิมกลับมาแล้ว และก็มีพวกตาไร้แววมาขัดใจเจ้านายจริง!
หลังจากนั้น…สามวิญญาณเจ็ดจิตของผีน้อยตนนั้นก็แยกเป็นชิ้นๆ โยนลงไปในนรกขุมที่สิบแปด ดวงจิตแหลกสลาย ไม่มีโอกาสกลับไปเกิดหรือบำเพ็ญอีก…
ปู่ซุนมีเพิงเล็กๆ ตั้งอยู่ริมถนนสายนรก เอาไว้สำหรับให้ผีใหม่พักเหนื่อย เขาอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว และไม่ยอมไปเกิดใหม่ จึงเป็นประจักษ์พยานที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในยมโลกมาโดยตลอด
หลังจากที่คุยโม้กับบรรดาผีใหม่เสร็จ เขาก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดสีดำ ที่เอวคาดกระบี่ยาวขึ้นสนิม กำลังสาวเท้าเข้ามาหาเขา
ความจริงแล้ว การบำเพ็ญระหว่างสองโลกมีวิธีการต่างกันแต่ให้ผลเหมือนกัน กล่าวคือ มนุษย์สามารถอาศัยอาวุธวิเศษหรือวิธีพิเศษ อาศัยค่ายกลพิเศษมายังยมโลกได้ ผีก็ทำได้เช่นกัน
และเด็กหนุ่มคนนั้น ก็คือคนเป็นๆ บนโลกที่ยังมีชีวิตอยู่
ดังนั้นปู่ซุนที่อยู่มานานจึงไม่ตกใจอะไร เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเห็น มีอะไรน่าแปลกกัน
ถ้าจะพูดกันจริงๆ ว่าเห็นเขาครั้งแรกเมื่อไร นับดูแล้วก็ประมาณ 11-12 ปีได้
“ท่านปู่ ข้าไปก่อนนะ” เด็กหนุ่มชุดดำยิ้มให้ปู่ซุน
“ไปเถอะ ระวังตัวด้วยนะ กลับบ้านมาแล้วก็แวะมานั่งคุยกับปู่บ้างนะ”
เด็กหนุ่มชุดดำพยักหน้าและเดินไปตามถนนสายนรก
ดังเช่นเคย เขาหยิบยันต์และถือกระบี่ที่เอว ตั้งมือ แล้วร่างเขาก็หายวับไปในทันที
……
โครม! ไม่ไกลนัก สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์กำลังบันดาลโทสะ สิ่งของชิ้นใหญ่กระแทกพื้นจนฝุ่นกระจาย ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าขนาดสองคนโอบล้มลงแล้ว และกลายเป็นอาหารของเจ้าสัตว์ประหลาด รวมไปถึงห้องส้วมที่อยู่บริเวณนั้นด้วย
ไม่ไกลจากตรงนั้นมีเด็กหนุ่มรูปงามสีหน้าสงบนิ่ง นัยน์ตาลุ่มลึก ในส่วนลึกของดวงตาเจือแววระแวดระวัง แต่เมื่อมองอย่างละเอียดกลับเหลือแต่เพียงความสนุก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับปีศาจขนาดยักษ์ ก็เลยตะลึงอยู่พักใหญ่
ในใจคิดว่า ‘เจ้านี่มันเป็นเปรตกลับชาติมาเกิดหรือไง…ทำไมกินเก่งนักล่ะ!’
“เทาเที่ย[1]สวาปาม?! สวรรค์! น้องหลินชวน พวกเราเจอปัญหาหนักเข้าแล้ว!” ชายกลางคนในชุดนักพรตสีดำที่อยู่ข้างๆ ไม่ไกลตะโกนออกมา
พรรคพวกที่อยู่ข้างๆ ได้ยินชื่อสัตว์ประหลาดตนนี้เข้าก็แทบอยากให้ตนเองมีสักแปดขาสิบขา จะได้วิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด
แค่ชื่อเทาเที่ยก็ทำเอาคนขี้หดตดหายกันพอแล้ว นี่ยังมีคำว่าสวาปามต่อท้าย ความน่ากลัวจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ ถ้าเป็นปีศาจชนิดอื่นยังพอไหว แต่มาเจอปีศาจเทาเที่ย…ไม่อยากเข้าใกล้เลยจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนังด้านเนื้อหนาฟันแทงไม่เข้า ยังกินทุกอย่างที่ขวางหน้า อาวุธวิเศษระดับไหนเมื่อมาเจอมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะสุดท้ายก็จะถูกเขมือบลงท้อง เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึง
ทว่าเด็กหนุ่มอายุราว 15-16 ปี ผิวขาวผ่องใส่ชุดพอดีตัวสีดำผู้นั้น สองมือกอดอกพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “ก็แค่เทาเที่ยไม่ใช่หรือ ได้แต่กินเท่านั้น เอายันต์จัดการมันสิ ตกใจอะไรกันนักหนา หรือบื้อกันไปหมดแล้ว?”
ก่อนหน้านี้ชายวัยกลางคนกำลังถลึงตาที่ไม่โตนักของเขาสำรวจเทาเที่ยสวาปามไปพลาง แล้วดูว่ามีทางหนีทีไล่อย่างไรบ้าง ครั้นได้ยินคำถามของเด็กหนุ่ม ในใจก็ส่งเสียงหยันอย่างอดไม่อยู่ว่า ‘เด็กเมื่อวานซืน’
แต่เห็นแก่ที่เมื่อครู่พอนับได้ว่าเขาช่วยเหลือตนไว้ สุดท้ายจึงตัดสินใจเอ่ยเตือนขึ้นมา
“คงไม่รู้สินะ ข้าท่องยุทธภพมาหลายปี เจ้าตัวนี้มันร้ายกาจมาก! ฝีมืออย่างเราอย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย เจ้านี่มันไวต่อคลื่นวิญญาณ มีแค่ดวงตาของมันที่ใช้การไม่ค่อยได้ ตอนนี้มันกำลังกินอาหารอยู่ทางนั้นไม่เห็นพวกเรา รีบหนีกันไปจะดีที่สุด ถ้าเจ้าใช้ยันต์จะทำให้มันรู้ตัวอย่างแน่นอน พวกเราไปล่ะ คราวหน้าข้าจะเลี้ยงเหล้าเจ้าเอง…”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งค่อยพูดต่อ “อย่าหาว่าพวกเราไม่เตือนเจ้า ในปากมันมีแรงดึงดูดมหาศาล ถ้ามันหันศีรษะมาเมื่อไร ถึงเจ้าอยากหนีก็หนีไม่ทันแล้ว!”
ยังพูดไม่ทันจบ สามคนที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มก็อันตราธานหายไป
เด็กหนุ่มเหลือบมองพื้นที่ว่างเปล่าข้างกาย สามคนนั้นฝีเท้าไว้เสียจริง ไม่รู้ว่าใช้ยันต์ว่องไวหรือยันต์เคลื่อนย้ายหนีไปกันแน่?
เขาเงยหน้าดูเจ้าปีศาจตรงข้ามที่กำลังกินอย่างเปี่ยมสุข คิ้วงามขมวดเล็กน้อย ดวงตานิ่งไม่ไหวติง มือซ้ายอยู่ที่เอว มือขวายันต้นไม้ใหญ่ข้างตัว เหมือนกำลังคิดว่าจะหนีอย่างไรดี
ไม่รู้ว่าจะฆ่าเจ้านี่ให้ตายได้หรือไม่ ทำไมถึงไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อน? เทาเที่ย ปีศาจสมัยบรรพกาลไม่ใช่ว่าถูกจองจำไว้แล้วหรือ ทำไมถึงมาโผล่อยู่นี่ได้ อีกอย่างดูท่าเหมือนจะมีเจ้าของด้วย?
น้องหลินชวนที่ชายวัยกลางคนเรียก มีชื่อจริงว่า ‘ฝูเจ๋อ’ อายุ 15 ปี บ้านอยู่บนเขาแห่งหนึ่งในยมโลก ปลูกบ้านเองกับมือ อ้อ ต้องบอกด้วยว่า ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ หนุ่มหล่อคนนี้เป็นคนจริงๆ คนเป็นๆ แล้วก็ไม่ใช่ภูตผีปีศาจด้วย
ส่วนที่ว่าทำไมคนเป็นๆ ถึงมาอยู่ในยมโลกได้ ทั้งยังนานขนาดนี้ ฝูเจ๋อบอกแค่ว่า เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย แต่ว่ากันว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน
ส่วนมากคนเป็นๆ ที่มาถึงยมโลกต้องฝึกฝนพลังวิเศษถึงจะสามารถเคลื่อนไหวในยมโลกได้ชั่วระยะหนึ่ง คนอย่างฝูเจ๋อที่ไม่สนใจอะไรและสามารถอาศัยอยู่ในยมโลกได้ นับว่ามีน้อยมาก
ส่วนฝูเจ๋อในตอนนี้ ดูท่าจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว
‘ช้าก่อน เมื่อกี้พี่ชายท่านนั้นเพิ่งบอกไปว่าอย่าใช้ยันต์ เพราะมันจะรู้ตัวไม่ใช่หรือ…’
‘แต่เมื่อกี้พวกนั้นก็ใช้ยันต์หนีไปนี่นา…’
‘เฮ้ย! ทำไมทำกันได้แบบนี้!’
เทาเที่ยสวาปามตัวนั้นเห็นชัดว่ารู้สึกถึงลมหายใจมนุษย์แล้ว
โศกนาฏกรรมมาถึงตัวแล้วฝูเจ๋อ เขาถูกเทาเที่ยสังเกตเห็นแล้ว และดูเหมือนมันจะสนใจเขา ‘มากเป็นพิเศษ’ ด้วย
ในขณะที่สมองยังไม่ตอบสนองดี ร่างกายเขาก็ตัดสินใจออกไปแล้ว หลังจากคืนสติ เขาก็วิ่งหนีออกมาหลายสิบจั้ง[2]แล้ว
ลมพายุหมุนที่อยู่ด้านหลังมาจากช่องปากของเทาเที่ย มันดูดดึงชายเสื้อผ้าเขาอย่างต่อเนื่อง พายุหมุนนี้ทำให้ความเร็วในการวิ่งลดลงไปด้วยอย่างเห็นได้ชัด
เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การ เขาเองก็ไม่ชอบการหนี ดังนั้นเขาจึงเริ่มขว้างอาวุธวิเศษ ผ้ายันต์ หินภูตต่างๆ ใส่เทาเที่ย…
ปรากฎว่า…ไม่ได้ผลอะไรเลย ของพวกนั้นไม่ต่างอะไรกับของหวานหลังอาหาร ถูกมันกินเรียบ…
กินเสร็จยังสูดปากเหมือนยังกินไม่อิ่มอีก…
หมดกันชีวิตและทรัพย์สินของเขา…
เป็นเหมือนที่พี่ชายท่านนั้นพูด จะต่อกรกับ ‘เจ้าดื้อ’ นี่ สู้ไม่ต่อกรด้วยยังดีเสียกว่า
ฝูเจ๋อไม่อยากจะเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว เขาวิ่งจนขาจะขาดแล้ว ใครก็ได้ช่วยเขาที!
ไหนว่าเพื่อนกันตลอดไปไม่ทิ้งกันไง?!
พอคิดถึง ‘เสบียง’ ที่โยนเข้าไปในปากเจ้านั่น ใจก็อยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตา ครานี้ทรัพย์สินในบ้านที่สะสมมาก็ไม่มีเหลือแล้ว
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างจนปัญญา รู้แบบนี้แต่แรกก็คงไม่มาที่นี่หรอก
แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ได้ยินคำขอร้องของเขา
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ในขณะที่กำลังคับขันจะเป็นจะตายก็ต้องมาเจอเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัว อยู่ดีไม่ว่าดี ดันมาเจอคนที่เขาไม่อยากพบที่สุด…
“เจ้าคนลักลอบเข้าเมือง มากับข้า!” น้ำเสียงเย็นเฉียบดังขึ้นจากปากทูตไต่สวน ฝูเจ๋อใจเต้นระรัว
ตอนนี้ฝูเจ๋อร้องไห้ไม่ออกแล้วจริงๆ
—————————————————————-
[1] เทาเที่ย เป็นสัตว์ในตำนานจีนที่มีมาแต่โบราณกาล ความหมายของชื่อคือ ‘ความตะกละตะกลาม’ เป็นอสูรกายที่สื่อถึงความตะกละ ความละโมบ ไม่รู้จักพอ มีรูปร่างเป็นมังกรผสมกับหมาป่า
[2] จั้ง คือหน่วยมาตราวัดของจีน มีระยะประมาณ 3.33 เมตร
——————————————————————–

คอมเมนต์

Chapter List