ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 10

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 10 กลับมาเกิดใหม่

รากไม้เถาวัลย์พันแน่นขึ้นและคายไอพิษออกมา ไอพิษแทรกซึมผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย ทำให้พิษที่เข้าไปในร่างกระจายเข้าสู่กระแสเลือด
ฝูเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกสัตว์อสูรฉีกเป็นชิ้นๆ
เขาหมดสติไปนานมาก แต่ฟื้นขึ้นมาเพราะความหิว
การหลับไปนาน แม้แต่จะลืมตาขึ้นก็ทำได้ลำบาก
ฝูเจ๋อฟื้นแล้ว พยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างกายเจ็บปวดและอ่อนเปลี้ย เขาจึงละทิ้งความคิดนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงลืมตาที่สลึมสลือขึ้นมาได้
เดิมคิดว่าลืมตามาคงเจอวิญญาณสัตว์อสูรอยู่ตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเงาสีขาว เป็นร่างของคน เมื่อเขาฟื้นขึ้น เงาคนผู้นั้นก็เดินเข้ามา
เงา…เงาคน?!
ฝูเจ๋อตกใจจนเบิกตาโพลง หรือว่าคนผู้นี้คือคนที่อาย่วนบอกว่าเป็นคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับเขา?
“เจ้า…คือ?” เขารู้สึกว่าตอนนี้เสียงเขาแหบแห้งมาก
คนผู้นั้นยื่นแก้วน้ำให้เขาและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้าได้รับบาดเจ็บ ดื่มน้ำก่อน แล้วกินอะไรสักหน่อย วางใจเถอะ ข้าไม่ได้คิดร้าย เพื่อนของเจ้าก็ยังอยู่ดี”
“อ้อ”
หลังจากกินอาหารและดื่มน้ำเข้าไป ฝูเจ๋อก็รู้สึกดีขึ้นมากราวกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ฝูเจ๋อถือขนมในมือและถามขึ้น “พี่ชาย นี่คืออะไร? ไม่ใช่ของในยมโลกแน่ๆ มันอร่อยจริงๆนะ ข้าเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก”
ก่อนหน้านี้ เขาเคยถามคำถามแบบนี้ จึงทำให้คนนึกว่าเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงของยมโลก เพราะเขามีร่างกายที่ต่างจากวิญญาณคนตาย จึงทำให้คนคิดไปแบบนั้น
คนเบื้องหน้าสะดุ้งเมื่อถูกเรียกว่า ‘พี่ชาย’ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่
เขามองฝูเจ๋อสักพักและพูดขึ้น
“ข้าชื่อเจียงจู้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ข้าตกลงมาที่นี่ และอย่างที่เจ้าเห็น ข้าเป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิต”
เจียงจู้? ที่แท้เขาชื่อเจียงจู้นี่เอง
ฝูเจ๋อยิ้ม “สวัสดี พี่เจียงจู้ ข้าชื่อฝู…หลินชวน”
“เออ จริงสิ ท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าเจ้านี่มันเรียกว่าอะไร!” ฝูเจ๋อแกล้งโง่ ชูขนมกุ้ยฮวาถามขึ้น
“มันคือขนมบนโลกมนุษย์” เจียงจู้แอบขำ
เขาจะแกล้งโง่ไปอีกนานไหม?
ฝูเจ๋อตอบ “ที่แท้บนโลกก็มีขนมอร่อยๆ แบบนี้ด้วย ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย พี่เจียง ถ้ามีโอกาสก็พาข้าไปเที่ยวบ้างนะ”
เจียงจู้ทำเป็นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงละคร “ถ้ามีโอกาส ข้าจะพาพี่หลินชวนไปนะ แต่ว่าตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในที่ที่…”
ฝูเจ๋อยิ้มปลอบใจ “ที่แบบนี้หรือ มากับพี่ เดี๋ยวพี่พาเจ้าออกไปเอง”
ต่อให้เจียงจู้เป็นคนมีความฉลาดทางอารมณ์ดีเยี่ยม ก็คงต้องงงกับปฏิกิริยาของเขา
ทำไมไม่เหมือนที่คิดไว้เลย…
เมื่อได้สติก็ถามขึ้น “ท่านมีวิธีออกไปหรือ? ดูสมองข้าสิ พี่หลินชวนเข้ามาได้ ก็ต้องมีวิธีออกไปได้สิ”
ฝูเจ๋อพยักหน้า “อืม มีวิธีสิ พาข้าออกไปดูเจ้างูก่อน”
เจียงจู้มองดูฝูเจ๋อลุกขึ้นเดินออกไป เขาก็เดินตาม
เจียงจู้ซ่อนแววตาบางอย่างไว้
แม้ว่ามีหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขารู้ดี ชาติก่อนฝูเจ๋อทำเพื่อคนพวกนั้นมากมาย แต่กลับถูกให้ร้ายกลายเป็นคนไม่ดี สู้ทำดีผูกมิตรกับเขาไว้ไม่ดีกว่าหรือ
อีกอย่างฝูเจ๋อก็คงไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นแล้ว แค่คอยดูตามอารมณ์เขาก็พอ เจียงจู้คิดได้ดังนี้ก็รู้สึกดีใจ
เจียงจู้คลับคล้ายคลับคลา เหมือนว่าพวกเขาเคยเจอกันมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ในตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นการเจอกันครั้งแรก และฝูเจ๋อคงจำได้ ในตอนนั้นจึงช่วยชีวิตเขาเอาไว้
เจียงจู้เกิดในสกุลอวิ๋น เด็กๆ ในสกุลนี้จะต้องอ่านตำรามากมายเพื่อให้เชี่ยวชาญในทุกด้าน เรียนรู้อดีตจนถึงปัจจุบัน เรื่องประหลาดพิสดารก็ต้องเข้าใจ บางครั้งการเสียสละก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นประจำของคนในสกุลนี้
เจียงจู้ก้มลงมองมือตนเอง ปีนี้เขาอายุ 17 ปี ส่วนฝูเจ๋ออายุ 16 ปี
เขา…กำลังย้อนเวลามา?
บนพื้นที่ที่ชื่อว่า ‘โม่หยวน’ มีนักพรต มีจอมเวท มีมนุษย์ มีอสูร มีชนชั้นสูงและมีสำนักต่างๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า ยังมีสกุลลับมากมายที่คอยปกป้องที่แห่งนี้ให้สงบสุขอยู่ ในบรรดาสกุลเหล่านั้นมีสกุลสำคัญสองสกุล คือสกุลไป๋แห่งอิ๋งโจวและสกุลอวิ๋นแห่งอู่หลิง
สกุลไป๋ดูแลกาลเวลา ส่วนสกุลอวิ๋นดูแลมิติต่างๆ การเคลื่อนไปของกาลเวลาไม่ค่อยจะมีใครทำอะไรมันได้ สกุลไป๋จึงไปซ่อนตัวอยู่บนทะเลไม่ปรากฏตัวให้คนเห็น แต่สำหรับมิติต่างๆ มักจะเกิดปัญหา สกุลอวิ๋นจึงจำเป็นต้องฝึกฝนคนในสกุลเป็นทูตไต่สวน
ในตอนนี้ เขาย้อนเวลากลับมาเมื่อหกปีก่อน…เกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่? สกุลไป๋จึงต้องยื่นมือออกมาจัดการ?
ถ้าเช่นนั้น มีกี่คนที่ย้อนเวลากลับมา?
เจียงจู้รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญ คิดในใจว่าต้องกลับไปปรึกษากับประมุขของตระกูล แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้…
เจียงจู้มองดูฝูเจ๋อในตอนนี้ แม้จะผอมแห้งแต่ก็อารมณ์ดี ในชาติก่อน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถูกคนบนโลกรังเกียจและลอบฆ่า บางทีครั้งนี้อาจจะช่วยเขาไว้ได้ก็ได้
เจียงจู้ไม่ลืมบุญคุณ และในเมื่อโชคชะตากำหนดมาแล้ว เขาจะคอยระวังคนรอบตัวฝูเจ๋อให้ดี เพราะอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วปีศาจตนใดกันแน่ที่คิดทำร้ายคนดีอย่างเขา
แล้วก็ยังมีคนที่ลอบทำร้ายเขาในชาติก่อนอีก…
ที่น่าขันก็คือจนบัดนี้เขาก็ไม่รู้เป็นใคร ครั้งหน้ากลับไป คงต้องจัดการให้เรียบร้อย
……
ตอนนี้ทั้งคู่มาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ในถ้ำมีทางแยกมากมาย ด้านบนพอมีรอยแยกให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาได้บ้าง เจียงจู้วางอาย่วนไว้ทางซ้ายของถ้ำ
อาย่วนเป็นวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บ คงไม่หายในทันที จะฟื้นได้หรือไม่นี่ก็เป็นปัญหา ไม่รู้ว่าเจียงจู้ใช้ของวิเศษอะไร บาดแผลบนตัวอาย่วนหายไปไม่มีอีกแล้ว
ฝูเจ๋อกล่าวขอบคุณเจียงจู้
ฝูเจ๋อพยายามเขย่าตัวอาย่วน แต่เขาก็ไม่ฟื้น จึงตัดสินใจอยู่ที่เดิม
ฝูเจ๋อนั่งลงบนหินก้อนใหญ่ เจียงจู้ก็นั่งอยู่ข้างๆ
เงียบได้ไม่นาน ฝูเจ๋อก็เริ่มพูดอีก “นี่ เจียงจู้ ออกไปได้เจ้าจะไปไหนต่อ? กลับไปบนโลกไหม?”
เจียงจู้พูดขึ้น “ยังไม่กลับทันที”
ฝูเจ๋อถาม “แล้วเจ้าจะไปไหน?”
เจียงจู้ตอบ “ก็ไปมาในยมโลกนี่แหละ”
ฝูเจ๋อพูดขึ้น “ไปกับข้าไหม ข้ามีเรื่องสนุกให้ทำพอดี ไปลองดูกัน บางทีอาจจะเจออะไรดี หรือถ้าออกมาดี อาจจะได้งานในยมโลกทำด้วยนะ”
เจียงจู้นั่งนิ่ง คนที่รู้จักเขาดีจะรู้ว่าอาการนี้คือเขากำลังโกรธ “เจ้ารู้จักกับคนตำหนักพญายม?”
ฝูเจ๋อกลืนขนมกุ้ยฮวาคำสุดท้าย “อืม เพราะว่าพวกเขามีเรื่องขอร้องเพื่อนข้า ก็เลยได้รู้จักกัน”
เจียงจู้ไม่ได้พูดตอบ เพียงแค่คลายหมัดขวาในแขนเสื้อที่กำแน่นลง
ฝูเจ๋อพูด “จริงสิ เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นบ้างไหม? หรือว่า มีของวิเศษอะไรบ้าง?”
เจียงจู้ก้มหน้า ทำท่าทางครุ่นคิด
“ไม่มี ข้ามาที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว ไม่เคยได้ยินเรื่องแปลกประหลาดอะไร”
ฝูเจ๋อถามต่อ “ถ้าเช่นนั้นรากไม้พวกนั้นกับวิญญาณสัตว์อสูรไม่ถือว่าแปลกหรือ? มันไม่น่าจะโจมตีพร้อมกันนะ”
หากเป็นสิ่งปกติในยมโลก เขาคงไม่ต้องอยู่ในสภาพเช่นนั้น เจ้าวิญญาณสัตว์อสูรระดับสูงสี่ตัวนี่มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย
“รากไม้กับวิญญาณสัตว์อสูรไม่ใช่มีทั่วไปในยมโลกหรือ?”
เจียงจู้พูดแล้วก็ชะงักหยุด แต่ก็พูดต่อจนจบ ฝูเจ๋อสงสัยว่าเขาอาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่คิดจะบอกเขา?
มาคิดให้ดี การที่เขาช่วยตนออกมาง่ายๆ แสดงว่าเขาต้องมีของวิเศษหรือวิชาติดตัว แต่ในเมื่อไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ไม่เห็นเป็นไร
ขอแค่ไม่ทำร้ายคนก็พอ
คนที่ว่าก็หมายถึงฝูเจ๋อ อ้อ ยังมีอาย่วนเจ้างูที่ตอนนี้อยู่บนเรือกับเขาอีกตัว
“ไม่ปกติสิ ข้าอยู่ยมโลกมาสิบกว่าปี เพิ่งเคยเจอมากันทีเดียวสี่ตัว หรือเจ้าคิดว่าข้าไม่เอาไหน? แค่รากไม้พันก็ออกมาไม่ได้?”
แต่เรื่องจริงมันก็เป็นแบบนั้น…
เจียงจู้พยักหน้าแบบขอไปที
“ข้าพบสัตว์ประหลาดแต่เล็ก ก็เลยคิดว่าสิ่งที่เจ้าเจอมาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เจ้าว่าแปลก เพราะเจอทั้งสองสิ่งพร้อมกัน หรือว่า…มันจะข้ามมิติมา?”
ฝูเจ๋อได้ยินดังนั้นก็รีบพูดตอบ “เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้เป็นคนพูดนะ ข้ามมิติมาไหมข้าก็ไม่รู้ด้วย แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่ส่วนหลักของยมโลก ถ้าจะมีอะไรแปลกๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ดูเจ้าสิ พูดกลับไปกลับมา เดี๋ยวแปลกเดี๋ยวไม่แปลก ยังเรื่องข้ามมิติอะไรนั่นอีก เจ้าไม่ใช่ทูตไต่สวน จะห่วงเรื่องนี้ทำไม”
ฝูเจ๋อแม้จะพูดตรงไปหน่อย แต่ก็มีเหตุผล
เพราะหากทูตไต่สวนจับได้ว่าข้ามมิติมา ปกติก็จะถูกจับไปลงโทษ ไม่มีทางหนีพ้น
ฝูเจ๋อที่มักข้ามมิติไปมา ก็เลยไม่ชอบให้ใครพูดถึงเรื่องพรรค์นี้ด้วย
เจียงจู้หัวเราะในใจ เขาไม่โกรธไม่เถียง แต่นั่งก้มหน้าใช้ความคิด
ฝูเจ๋อไปมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เจอคนมาทุกประเภท แต่ไม่เคยเจอคนมารยาทดีเช่นนี้ ไม่ว่าจะว่าอะไรไปก็ไม่โต้ตอบ
เขายังสวมชุดสีขาว ต่างไปจากยมโลกที่แม้จะไม่ใช่มีแต่สีดำ แต่ก็เป็นสีโทนเดียวกัน ไม่ว่าจะผีหรือจอมเวทก็ใส่สีเข้มหมด เป็นเพราะว่าในยมโลกเต็มไปด้วยไอจันทรา เสื้อผ้าก็หมองคล้ำง่าย อีกอย่างก็เพื่อป้องกันตัว
เพิ่งจะเคยเห็นคนใส่ชุดขาวเป็นเป้าสายตาครั้งแรก
หากไปเดินอยู่ถนนสายนรก ก็คงตลกน่าดู
ฝูเจ๋อคิดขึ้นมาเองแล้วก็พยายามกลั้นหัวเราะ
เจียงจู้ถาม “พี่หลินชวนดีใจอะไร?”
ดีใจที่ไหนเล่า
ฝูเจ๋อพูดปัด “ไม่มีอะไร แค่คิดว่า…”
พูดยังไม่จบดี หางตาก็เห็นอาย่วนกำลังขยับตัว
หลังจากอาย่วนฟื้นขึ้นมาก็ปวดเมื่อยไปหมด ตั้งแต่ตายมา เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย
ฝูเจ๋อยิ้ม “เจ้าตัวน้อยฟื้นแล้ว”
อาย่วนเป็นงูเหลือมตัวหนึ่ง ตอนที่เขาตายกำลังจะโตเต็มที่ ตัวยาวประมาณเมตรกว่า
ฝูเจ๋อยังคงนึกถึงขวดยาของท่านปู่ เขาไม่อยากให้อาย่วนเป็นอะไรไป จึงยอมเปิดย่ามหยินหยางคว้ายินหลิงจือที่จะช่วยให้อาการดีขึ้นออกมาส่งให้อาย่วน
“ยินหลิงจือ? เจ้าเจอมันแล้วหรือ? เจอลำตัวของอาฉี่ด้วยไหม!!”
ฝูเจ๋อพูดขึ้น “ลำตัวอะไรเล่า เจ้านี่ข้าเจอมันตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้ว ไม่ใช่ของของที่นี่ ไม่เชื่อเจ้าก็ถามเขาดูสิ”
ฝูเจ๋อชี้ไปที่เจียงจู้
ไม่รู้ว่าทำไมอาย่วนมองไปที่เจียงจู้ที่ยิ้มแย้มอยู่ในชุดสีขาวแล้วถึงรู้สึกกลัว กลัวจนตัวสั่น ทั้งที่เจียงจู้มีท่าทีสุภาพและดูมีการศึกษา แต่อาย่วนก็กลับกลัวเขามาก
แค่เจียงจู้ขานรับ “อืม” ก็ทำเอาอาย่วนตกใจจนหมอบลงไป
ฝูเจ๋อหัวเราะชอบใจ “เจ้างู ทำไมอ่อนแอแบบนี้! ฮ่าๆๆ เจียงจู้น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?”
เจียงจู้ก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไร
อาย่วนคิดในใจ ‘อาฉี่ ชายชุดขาวคนนี้น่ากลัวมาก ทำอย่างไรดี ช่วยข้าด้วย!’
อาย่วนตัวแข็งอยู่พักหนึ่งก็คิดได้ว่า ตายเป็นผีแล้วยังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก ไม่สิ ก่อนตายก็ไม่เคยกลัวอะไรนะ
ยังดีที่ฝูเจ๋อหาเรื่องขึ้นมาพูดต่อ
“ในถ้ำนี้น่าเบื่อ เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า ไปหาลำตัวของอาฉี่ เผื่อจะเจอของวิเศษด้วย เจียงจู้ ไปกับพวกเรานะ เจ้าคุ้นเคยกับที่นี่ดี พอพวกเราหาของเจอแล้วจะได้ออกไปด้วยกัน”
อาย่วนราวถูกปลดแอก รีบเลื้อยออกไปก่อนใคร
ฝูเจ๋อกำลังจะเดินไปก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองไม่รู้จักทาง จึงอ้อมไปข้างหลังเจียงจู้และชี้นิ้วไปทางที่อาย่วนเลื้อยไป เป็นการบอกให้เขานำทาง
ภายใต้การนำทางของเจียงจู้ ไม่นานก็ออกมาจากถ้ำได้
มันช่างต่างจากที่ฝูเจ๋อคิดเอาไว้ ที่นี่ไม่มีควันพิษไม่มีรากไม้ใดๆ มันมีสภาพปกติ
หน้าปากถ้ำมีต้นหญ้าสีเขียว ไม่ไกลออกไปมีลำธารที่มีเสียงน้ำไหล เป็นเสียงที่สดชื่นหาฟังไม่ได้ในยมโลก
ฝูเจ๋อพูดอย่างสงสัย “เสียงนี้…”
เจียงจู้อธิบาย “ในบันทึกบอกไว้ว่า ที่ที่เดียวในยมโลกที่มีเสียงน้ำไหลคือธารฉ่านหมิง แสดงว่าเราใกล้ถึงที่นั่นแล้ว”
ฝูเจ๋อเอ๋ยปากถาม “ทำไมข้าไม่เคยรู้จักที่นั่นมาก่อน?”
เขาไม่เคยได้ยิน อาจเพราะที่นี่ไม่มีของวิเศษ ไม่ก็ที่นี่อันตรายเกินไปจนไม่อยู่ในตัวเลือก
เจียงจู้ตอบ “ธารฉ่านหมิงจัดอยู่ในกึ่งเขตหวงห้าม เจ้าไม่รู้ก็ไม่แปลก”
ฝูเจ๋อพูดขึ้น “เดี๋ยวก่อน เขตหวงห้ามคืออะไร? อธิบายหน่อยสิ”
เจียงจู้ตอบ “ขออภัยที่ข้าพูดไม่ได้”
ทำให้อยากแล้วจากไป เกลียดคนพรรค์นี้นัก!
เจียงจู้พูดต่อ “พูดถึงสถานที่แปลก ยังมีอีกที่ เจ้ามากับข้าสิ”
เจียงจู้พาฝูเจ๋อเดินขึ้นไปตามธารฉ่านหมิงราวห้ากิโลเมตร เห็นชัดว่าต้นไม้ใบหญ้าต่างจากที่เดิม ไม่มีต้นไม้ต้นหญ้าสีเขียวเล็กๆ มีแต่ต้นไม้แห้ง บรรยากาศอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก
เมื่อหันไปมองเจียงจู้ในชุดสีขาว เขายังคงแววตาสดใส เดินกระฉับกระเฉงว่องไว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
ฝูเจ๋อรู้สึกว่าเข้ามาถึงเขตอันตรายแล้ว สัญชาตญาณของเขาทำงาน แง้มย่ามหยินหยางไว้ครึ่งหนึ่ง มือขวาชักกระบี่อวี่กวนมาไว้ในมือ เจียงจู้เป็นเหมือนเกราะกำบังอยู่ด้านหน้า
ซึ่งเขาเองก็ดีใจที่ได้ทำเช่นนั้น
ในตอนนี้ บนพื้นดินมีเสียงประหลาด คล้ายว่าจะมีอะไรผุดขึ้นมาจากตรงนั้น…
—————————————————————-

คอมเมนต์

Chapter List