ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 2

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 2 ทูตไต่สวน

เป็นที่รู้กันว่าหน้าที่ของทูตไต่สวนคือการรักษาความเป็นปกติของมิติต่างๆ หากต้องการข้ามมิติ จะต้องมีเหตุผลที่สมควรหรือเป็นไปตามกฎระเบียบที่มีอยู่
และวิธีการข้ามมิติของฝูเจ๋อเป็นวิธีการที่ผิด หากถูกพวกเขาจับได้ก็จะต้องถูก ‘สอบสวน’
นั่นเพราะเขาใช้กระบี่ผ่ามิติ ส่วนมากกรีดผ่ามาในตรอกซอกทางเล็กข้างทางผีที่มีอยู่ เพื่อเป็นทางเชื่อมพาตัวเองมาถึงที่นี่
หากเป็นโลกอื่นคงไม่มีปัญหา อย่างมากก็แค่ถูกทูตไต่สวนตักเตือนหรืออบรมนิดหน่อย ซวยสุดก็ถูกจับขังสิบวันถึงครึ่งเดือนเพื่อเป็นบทเรียน
แต่ที่เรื่องมันแย่ก็เพราะทางผีที่ฝูเจ๋อผ่าเข้ามาคือทางจากยมโลกทะลุผ่านโลกมนุษย์โดยตรง ทางผีข้ามมิติที่ถูกเปิดจะนำปัญหาตามมามากมาย ดังนั้นโทษที่จะได้รับก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ
ฝูเจ๋อไม่รู้ว่าทำไมสิ่งที่ตนทำลงถึงไม่ได้รับการยอดรับ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทางที่ใช้ข้ามมิติมาส่งผลกระทบอย่างไร ก็เพราะไม่เคยมีใครบอกเขานี่นา!
ถึงแม้ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องรับโทษอะไร แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่า เมื่อทูตไต่สวนมา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่!
ที่ผ่านมาฝูเจ๋อหนีไปได้ตลอด ก็มีวันนี้นี่แหละที่ฟ้าไม่เป็นใจ
ฝูเจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อึดอัดใจอย่างที่สุด
“พี่ชาย ภัยร้ายกำลังมาเยือน ท่านก็ปล่อยข้าไปสักครั้งเถอะ! ไว้ครั้งหน้าเราค่อยมาคุยกันใหม่! ดีไหม?”
“อย่ามาหาข้ออ้าง”
ว่าแล้ว! ว่าเจ้าชุดดำต้องคุยไม่รู้เรื่อง!
อันที่จริงเขาไม่คิดอยู่แล้วว่าจะถูกปล่อยไปง่ายๆ เพียงแต่กำลังหาคิดวิธีถ่วงเวลาหลบหนี
เขากำลังสังเกตสถานการณ์รอบตัว ตอนนี้ปีศาจเทาเที่ยกำลังโมโหหิว ถึงแม้มันจะกำลังกินต้มไม้ภูตมาตลอด แต่ใครจะบอกได้ว่าเมื่อไรมันจะหันมากินเขาต่อ
ทูตไต่สวนนั่นก็เถรตรงเสียจนคุยไม่รู้เรื่อง เขาจึงทำได้แค่ถ่วงเวลา
ถ่วงเวลาจนกว่า ‘อวี่กวน’ จะใช้ได้อีกครั้ง
แต่ว่าครั้งก่อนที่ใช้เพิ่งจะผ่านไปสองชั่วยาม[1] จากประสบการณ์อย่างน้อยต้องอีกสามชั่วยามถึงจะใช้มันได้!
ทูตไต่สวนไม่ใช่พวกมีความอดทนเท่าไร ตอนนี้เขาเหวี่ยงโซ่เพื่อจะจับตัวฝูเจ๋อแล้ว หากถูกจับได้ต้องถูกโยนไปขังในมุมไหนสักแห่ง บางทีอาจไม่ได้ออกมาอีกเลย…
ฝูเจ๋อรู้สึกเสียใจอยู่หน่อยๆ คราวหน้าก่อนมาคงต้องดูฤกษ์ยามให้ดีก่อนแล้ว!
เขาลูบคลำยันต์สีชาดในมือที่หลอกเอามาจากนักพรตสามคนนั้น แต่ของดีขนาดนี้ ให้ใช้แบบนี้ทำใจไม่ลงจริงๆ
ในใจคิดไว้เช่นนี้ แต่การเคลื่อนไหวของมือกลับไม่เชื่องช้าสักนิด เขาโยนยันต์สามผืนนี้ออกไป สองผืนแรกโยนไปทางเทาเที่ย ส่วนอีกผืนโยนไปทางทูตไต่สวน
ยันต์สีชาดเป็นยันต์จำพวกยันต์ระเบิด แค่ว่าไม่รุนแรงเท่า แต่เพิ่มประโยชน์ในด้านการพรางตาไว้ด้วย
จากนั้นฝูเจ๋อก็รีบหยิบยันต์ว่องไวออกมาใช้ หนีห่างออกไปอีกระยะหนึ่ง
แม้ว่าจะไม่ใช่ยันต์ระดับสูง ระยะทางที่หนีมาก็ไม่นับว่าไกลมาก แต่ดีที่มีความเร็วมากพอ น่าจะพอให้เขาหนีรอดไปได้
เจ้ายันต์นี่ทำให้ได้พักหายใจประมาณสองเฮือก แต่แล้วเขาก็รู้สึกเย็บวาบขึ้นด้านหลัง ครั้นหันไปก็เจอกับคมเคียวกำลังฟาดมาที่หน้าเขา!
นั่นเป็นเคียวของทูตไต่สวน มันมีสีดำสนิทดูน่าสะพรึงกลัว ที่ด้ามมีโซ่ที่สามารถพันธนาการสิ่งต่างๆ เอาไว้ ถ้าถูกฟันเข้ารับรองว่าเละ!
ฝูเจ๋อคิดในใจ ‘คราวหน้าก่อนออกจากบ้านคงต้องดูฤกษ์ยามก่อนจริงๆ แล้วล่ะ’
ดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีโอกาสขโมยดื่มเหล้าของลิ่วต้าวจื่ออีกแล้ว
‘เคร้ง’ เสียงอาวุธหนาหนักกระทบกัน
เสียงที่แปลกหูแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันดังลอยมา “จื่อตู เจ้าใจอ่อนไปนะ ใช้ไม่ได้เลย”
เคียวทางด้านหลังไม่ได้ไล่ตามเขามา ชายชุดดำที่ชายเสื้อมีลายสีทองกำลังประจัญหน้ากับชายชุดดำคนแรกที่กำลังจะหมดความอดทน
“หุบปาก! ข้าจะเป็นอย่างไรเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าข้า” ชายชุดดำพูดด้วยความโกรธ
“หึๆ หากไม่ใช่ข้าช่วยเจ้าไว้ ด้วยนิสัยอย่างเจ้า ป่านนี้ถูกทางตระกูลเพ่งเล็งนานแล้ว ข้าว่านะ เจ้าเลิกเป็นทูตไต่สวนแล้วหันไปเป็นพวกกู้ภัยน่าจะดีกว่า ฮ่าๆๆ”
ชายชุดดำขอบทองใส่หมวกใบใหญ่ปิดบังหน้าตาจนมองไม่เห็นใบหน้า จากเสียงหัวเราะพอจะฟังออกว่าอยู่ช่วงวัยรุ่นกำลังเสียงแตก
อีกฝ่ายโต้ตอบ “อวิ๋นเซิง เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องยุ่ง ถ้าว่างมากก็กลับไปช่วยผู้เฒ่าอวิ๋นไป บางทีอาจจะได้ไปที่ที่น่าสนใจกับเขาบ้าง”
ชายชุดดำขอบทองหยุดหัวเราะในที่สุด “หุบปาก หยุดพูดถึงตาแก่นั่นได้หรือไม่… เฮ้อ คิดถึงเจ้าตอนเด็กๆ เสียจริง เอาล่ะๆ ข้ากลัวเจ้าแล้ว เลิกบ่นเสียที ข้าไปก็ได้ เจ้านี่มัน…”
ดูเหมือนว่า ‘ผู้เฒ่าอวิ๋น’ จะทำให้ชายชุดดำขอบทองหวาดกลัว เขาบ่นอยู่พักใหญ่ค่อยหันตัวหายวับไปกับตา
ฝูเจ๋อคิดในใจ ‘ว่องไวไร้ที่ติ เอาไปสิบคะแนนเต็ม!’
เคียวที่พุ่งใส่ฝูเจ๋อเมื่อครู่คือเคียวของชายชุดดำขลิบทอง แต่ถูกชายชุดดำขวางเอาไว้ แน่นอนว่าฝูเจ๋อไม่ใสซื่อจนคิดไปว่าทูตไต่สวนชุดดำยอมปล่อยตนเองแล้ว แต่ที่ทำเช่นนี้คงเพราะกลัวว่าจะถูกแย่งผลงานต่างหาก
ฝูเจ๋อรู้สึกว่าตนยังคงตกอยู่ในอันตราย
วันนี้ตอนออกจากบ้านทำไมไม่ดูฤกษ์ยามมานะ! ทำไมไม่ไหว้บรรพบุรุษมาก่อนด้วย!!
แม้แต่ยันต์ว่องไวก็หนีไม่พ้นเจ้าพวกนี้ หรือว่าจะยอมให้จับ? แล้วค่อยใช้อวี่กวนหนีออกมา?
‘ไม่ได้ๆ’ ฝูเจ๋อสลัดความคิดห่วยๆ ออกจากหัว
อย่าไปเอาแน่นอนอะไรกับอวี่กวนเลย บอกไม่ได้หรอกว่ามันจะพาไปโผล่ที่ไหน
ที่ผ่านมาอาศัยยันต์ของลิ่วต้าวจื่อทั้งนั้น คำนวณเวลากับสถานที่ไว้ก่อนถึงไปถูกที่
ถ้าไปโผล่ที่แปลกๆ หาทางออกไม่เจอ มิต้องกลายเป็น ‘ผีไม่มีญาติ’ ไปเลยหรือ
ว่าแล้วฝูเจ๋อก็นั่งลงกับพื้นมองดูทูตไต่สวนผู้นั้น
แทบจะจ้องจนคนผู้นั้นรู้สึกอักอ่วน เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย ขณะที่ฝูเจ๋อกำลังเงี่ยหูฟังว่าพี่ชายท่านนี้กำลังจะพูดอะไรนั้น…
ก็ถูกทูตไต่สวนผู้นั้นผลักหน้าอก จากนั้นฝูเจ๋อก็ยืมแรงนี้ทะยานออกไปไกล!
‘เจ้าทำอะไร!’
‘เอ๋ ไม่เจ็บเท่าไรนี่นา’
หลังจากแรงที่หน้าอกสลายไป ฝูเจ๋อก็ทะยานมาไกลกว่าเจ็ดจั้งแล้ว ก่อนที่ปากจะทิ่มดินอย่างน่าอนาจ เขาก็ตีลังกากลางอากาศก่อนจะลงมายืนนิ่งบนพื้น
โชคดีที่ด้านหลังไม่มีต้นไม้ มิเช่นนั้นถึงไม่ถูกปีศาจกินก็คงฟาดกับต้นไม้ตาย
ฝูเจ๋อเพิ่งลืมตาขึ้นก็พบว่าสถานการณ์เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป เขารีบถอยหลังออกไปอีกสองก้าวและคลึงหน้าอกตัวเองที่ไม่เจ็บเท่าไร
ตอนนี้มันสถานการณ์อะไรเนี่ย?
เขาเห็นชายชุดดำถูกทำร้าย ธนูเงินเสียบทะลุหลังโผล่มาทางอกซ้าย ลูกธนูสีเงินบนหน้าอกเด่นชัดมาก ทำให้คนที่เห็นรู้สึกใจหายไปด้วย
ที่ประหลาดคือบาดแผลของชายชุดดำไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด มีแค่หัวธนูนั้นที่เปล่งประกายอ่อนๆ เป็นครั้งคราว เห็นชัดว่าเป็นอาวุธวิเศษที่ถูกลงอาคม ธนูดอกนี้ถึงกับทำให้ชายชุดดำทรุดตัวคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น
ชายชุดดำที่ยามนี้ถูกธนูเสียบทะลุอกพบว่าพลังวิญญาณกำลังไหลออกจากร่างอย่างรวดเร็ว เขาก้มลงมองหัวลูกธนูและขบคิดว่าเป็นผู้ใดมาแก้แค้นอีก…
เขาเกิดมาก็มีคุณลักษณะพิเศษอยู่แล้ว คนที่ทำให้เขาผู้ซึ่งแม้แต่พลังแหวกมิติก็ทำอะไรไม่ได้บาดเจ็บได้ขนาดนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน…
ดวงตาซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หมวกคลุมหน้าของทูตไต่สวนแดงก่ำ แววตาเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ คล้ายอยากเห็นคนที่ลอบทำร้ายตน
‘คน’ ที่ทำร้ายเขาอยู่ท่ามกลางหมอกขาว ทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกได้ว่าทั่วร่าง ‘เขา’ เปี่ยมไปด้วยไอสังหาร
“เจ้า…เป็นใคร?” แต่ละคำที่เอ่ยออกมา ทูตไต่สวนรู้สึกเจ็บปวดราวกับใจถูกมีดกรีดแทง ความเจ็บปวดสาหัสแทบจะทำให้เขาสิ้นสติ ต้องรีบหนีไปก่อนที่จะไม่มีแรงหนี!
เสียงหัวเราะที่แยกแยะไม่ออกว่าชายหรือหญิงดังออกมาจากหมอกขาว เสียงนั้นแผ่วลอยอย่างยิ่ง ล่องลอยไปมาจนแทบทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสายหมอก
มนต์ระดับสูง!
ฝูเจ๋อถึงกับกลืนน้ำลาย นี่มันดินแดนของ ‘ยอดมนุษย์’ ชัดๆ แม้แต่คู่มือยังฝีมือยอดเยี่ยมขนาดนี้! เขาได้แต่มองดูอยู่ข้างๆ ไม่กล้าส่งเสียงสักนิด
เทพเซียนเขาจะตีกันแล้ว!
ตัวกระจอกอย่างข้า ถ้าตอนนี้มีเหล้าสักหน่อยก็เหมาะให้นั่งดูความครึกครื้นเลย
คนในหมอกพูดขึ้น “พวกใกล้ตายไม่จำเป็นต้องรู้! นี่คือสิ่งที่ตระกูลอวิ๋นของพวกเจ้าติดค้างตระกูลข้า! หากไม่ทำเช่นนี้ก็ยากจะดับแค้นในใจข้าได้!”
ดุเดือด เฉียบขาด เมื่อฟังให้ดีจะรับรู้ได้ถึงความเศร้าและความสิ้นหวังที่ยากจับสังเกต
กฎระเบียบของพวกทูตไต่สวนเคยสร้างความขุ่นเคืองให้คนจำนวนไม่น้อย การไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนโทษยิ่งทำให้พวกเขามีศัตรูนับไม่ถ้วน
ดังนั้นการที่มีคนมาทวงแค้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
และตระกูลพวกเขาก็แต่งชุดดำกันทุกคน ดังนั้น…เจอใครก็แก้แค้นได้กับคนนั้น
พอคิดแบบนี้แล้วก็น่าสงสาร วันหนึ่งอาจจะเป็นแพะรับบาปก็เป็นได้
ฝูเจ๋อนั่งมองทั้งสองต่อสู้กันจนเพลิน คิดนู่นนี่เรื่อยเปื่อย ดังนั้นจึงยามมีเงาดำเงาหนึ่งพุ่งมาทางเขา เขาถึงเพิ่งรู้สึกได้ถึงความตายที่พุ่งเข้าใส่
‘ซวยแล้ว ข้าไม่ควรนั่งดูความคึกคัก แถมยังดูจนลืมระวังตัว! เทพเซียนต่อสู้กัน คนธรรมดาอย่าหันดู คำโบราณว่าไว้ไม่มีผิด!
ท่านปู่! ทำไมท่านไม่พาข้าออกท่องเที่ยวด้วยนะ!
หลานท่านตอนนี้แย่แล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นอีกฟากฝั่งแม่น้ำลืมเลือน[2]เลยนะ! ได้ยินว่าที่นั่นมีสาวน้อยขายน้ำชาอยู่ด้วย!’
เงาดำนั้นคือทูตไต่สวนที่ถูกคนในหมอกจู่โจมใส่จนกระเด็นมาทางฝูเจ๋อ ดูเหมือนว่า ‘เขา’ จะสังเกตเห็นนานแล้วว่ามีคนอยู่ตรงนี้ แค่ไม่สนใจจะต่อกรด้วยก็เท่านั้น
ทูตไต่สวนไม่อยากทำร้ายคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แม้ว่าฝูเจ๋อจะมีความผิดติดตัว แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา จะให้เขามารับเคราะห์ด้วยไม่ได้
ทูตไต่สวนได้แต่มอง ‘เขา’ จู่โจมตนจนตัวลอย…
ฝูเจ๋อหัวใจแทบหยุดเต้น แรงกระแทกรุนแรงขนาดนี้สามารถบดเขาจนตัวแหลกได้เลย! และศพต้องอุจาดตาแน่!
ในมือเขากุมดาบขึ้นสนิมไว้เล่มหนึ่ง…’อวี่กวน’ ในใจภาวนาให้เจ้าเพื่อนยากสร้างปาฏิหารย์ช่วยตนไว้ได้
ในพริบตาที่ชายชุดดำกำลังจะกระแทกตัวเขา คลื่นแสงที่ฝูเจ๋อคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้น…’ทางเข้าประตูมิติ’
รอดแล้ว! อวี่กวน ข้ารักเจ้า!
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ทำไมทางเข้ามันดูแปลกๆ?
หรือว่าทูตไต่สวนเป็นคนเปิดมันขึ้นมา!
“ท่านปู่!”
“เรียกถึงปู่ทวดก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก รีบเข้าไปซะ!” ทูตไต่สวนพูดด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงและหมดหนทางต่อต้าน ฝูเจ๋อหลับตายอมรับความจริงตรงหน้า
‘จบแล้ว ตอนนี้ถึงอยากไปเจอมัจจุราชก็ไม่มีโอกาสแล้ว… อย่างน้อยถ้าได้เจอ ยังของานตำแหน่งเล็กๆ ในนรกทำได้ ได้รู้จักรสชาติชีวิตไปอีกแบบ อ้อ แล้วถ้าทำงานดีๆ บางทียังจะได้กลับชาติไปเกิดในตระกูลดีๆ อีกด้วย!
เกลียดเจ้าทูตนี่จริงๆ จะตายอยู่แล้วยังจะลากข้าไปอีก! เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่อีกไหม!
ถ้าถูกจับกุม วิญญาณก็ต้องถูกจองจำ ไม่ต้องคิดเรื่องจะได้ไปเกิดใหม่ แค่จะลอยไปไหนมาไหนยังทำไม่ได้เลย
ทำอย่างไรดี? หรือว่าจะขอร้อง? บีบน้ำตา? หรือว่าใช้กำลังข่มขู่ดี?
ช่างมันแล้ว ตอนนี้จะปล่อยเสื้อคลุมของทูตไต่สวนไม่ได้ เอาเป็นว่าผ่านประตูมิติไปด้วยกันก่อนค่อยว่ากันอีกที!’
ฝูเจ๋อกอดเอวทูตไต่สวนไว้แน่น พยายามคงสติของตนไว้ ทว่าประตูมิติที่บิดเบี้ยวไปมาไม่มั่นคง ดูดเอาทั้งสองคนหมุนติ้วจนหมดสติไป…
—————————————————————-
[1] ชั่วยาม เป็นหน่วยนับเวลาของจีน เท่ากับเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
[2] แม่น้ำลืมเลือน (วั่งชวน) ชาวจีนเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่อยู่ในปรภพใต้สะพานอนิจจัง (ไน่เหอ) ก่อนวิญญาณไปเกิดใหม่ต้องดื่มน้ำในแม่น้ำลืมเลือนตัดขาดจากชาติปัจจุบันเพื่อไปเกิดในชาติถัดไป

คอมเมนต์

Chapter List