ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 3

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 3 ในแดนฟ้าปิด

ฝูเจ๋อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนทับอยู่บนตัวทูตไต่สวน ใช้ท่าทางที่ไม่ค่อยงามสักเท่าไรกอดตัวผู้อื่นอยู่
ชุดคลุมตัวใหญ่ของอีกฝ่ายคลุมปิดเจ้าตัวไว้จนมิด แม้แต่หน้าก็ไม่เคยโผล่ออกมาให้เห็น แม้ฝูเจ๋อจะไม่รู้ว่าชุดนี้ทำจากผ้าชนิดใด แต่รู้สึกว่าสัมผัสละมุนมือ ทั้งไม่ลื่นเหมือนผ้าแพรต่วน แต่ก็ไม่แข็งสากมือ แถมยังมีลวดลายนูนรางๆ บนเนื้อผ้าอีกด้วย
ฝูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น ยื่นมือจับหมวกคลุมของทูตไต่สวนโดยไม่รู้ตัว อยากจะรู้เสียจริงว่าหน้าตาทูตไต่สวนที่คอยไล่จับผู้อื่นเป็นอย่างไร งดงามเหนือสามัญ คร่ำเคร่งโบราณ หรือว่าโหดร้ายน่ากลัวราวผีห่ากันแน่
มือเขาจับบนปีกหมวก พยายามจะเปิดออกแต่มันไม่ขยับสักนิด ต่อให้ออกแรงเพิ่มจนเจ็บนิ้วก็ยังเปิดออกไม่ได้แม้แต่น้อย
ความเจ็บปวดบนมือทำให้เขาได้สติ หลังจากถามตัวเองว่านี่ตนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ก็ตกใจจนกระโดดผลุงขึ้นมา มองดูอีกฝ่ายที่ยังไร้สติ
เฮ้อ เขาคงไม่รู้หรอกนะว่าหมวกถูกเปิด แม้ว่าจะเปิดไม่สำเร็จก็ตาม
แม้ว่าทูตไต่สวนยังคงนอนนิ่งเป็นศพ ฝูเจ๋อก็ยังหนีห่างจากร่างเขาไปมากกว่าสามจั้งตามสัญชาติญาณ หลังจากยืนมั่นแล้วก็มองกลับไป ชายชุดดำยังคงนอนไม่ไหวติง
ฝูเจ๋อเอามือไพล่หลัง เดินวนสำรวจชายชุดดำสองสามรอบ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ดูท่าจะหมดสติจริงๆ?
“นี่ เจ้ายังสบายดีไหม?”
ไม่ขยับ
“พี่ชายไต่สวน เสื้อผ้าเจ้าไฟไหม้แล้ว!”
ยังคงไม่ขยับ
ฝูเจ๋อยังไม่วางใจ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอันตราย
“โอ้ ลูกพี่หน้าตาหล่อจัง!”
“เสียงเจ้ายังดูเด็กอยู่เลย ข้าเรียกเจ้าว่าน้องชาย เจ้าไม่ถือสาใช่ไหม”
“สลบจริงใช่ไหม?”
“ถ้าอย่างนั้น…เจ้าลุกขึ้นมาก่อน เราค่อยมาคุยกัน”
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีกฝ่ายยังแน่นิ่งไม่ไหวติง ฝูเจ๋อได้ทีระบายความอัดอั้นของตน
‘หึๆ ใครใช้ให้เจ้ามาหาเรื่องข้าเอง เลยถูกศัตรูทำร้ายเลย เป็นไงล่ะ อยากจะจับข้าไม่พอ ยังพาข้ามาตกที่นั่งลำบากไปกับเจ้าด้วย
ตอนนี้เรียกให้สวรรค์ช่วยก็คงไม่มีใครมาช่วย เรียกปู่ ปู่ก็ไม่ช่วย มันน่าโมโหนัก!
หากไม่ระบายออกมา ข้าคงอกแตกตาย
แต่ว่า… สภาพเจ้าชุดดำดูท่าไม่ค่อยจะดีเท่าไร’
หลังจากความดีใจที่รอดพ้นความตายมาได้ผ่านไป ฝูเจ๋อก็รู้สึกอึดอัดหน่อยๆ เขาพบว่าตนเองก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ละเรื่องจะเอามาปะปนกันไม่ได้ จริงอยู่ว่าเขาทำไม่ถูกที่จะมาจับตน แต่เขาก็ช่วยตนจากฝีมือคนในหมอกขาว ก็ถือว่าหายกัน
แต่…พูดกันจริงๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะทูตไต่สวนไปติดหนี้แค้นใครไว้ คนในหมอกขาวก็คงไม่มาทำอะไรตน สรุปแล้วเขาก็ผิดอยู่ดี
“เหอะ ข้าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างพอ ไม่ถือสาเจ้าก็ได้!”
พอคิดถึงคนในหมอก ฝูเจ๋อก็นึกได้ว่าชายชุดดำถูกทำร้ายตรงตำแหน่งใกล้หัวใจ…
‘ไม่ใช่ว่าตายแล้วนะ?!
ครั้งก่อนเคยได้ยินเพื่อนที่เป็นนักพรตพูดว่า หากทูตไต่สวนตาย จิตอาฆาตของเขาจะติดตามฆาตกร วนเวียนอยู่รอบตัวเขา ไม่มีวันสลาย จนกว่าอีกฝ่ายจะตาย…
แต่หากเขาตายไป ก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่นา’
คิดมาถึงตรงนี้ ฝูเจ๋อก็วางใจลงเล็กน้อย
‘ลองไปหาสมุนไพรมาช่วยดูก่อนดีกว่า ลองดูเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าจนปัญญาจริงๆ ก็ถือว่าทำดีที่สุดในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแล้ว’
ณ ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่ปากถ้ำแห่งหนึ่ง ภายนอกถ้ำมีเพียงพื้นดินสีเทากว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีอะไรเลย ตัวถ้ำดูท่าจะลึกมาก ฝูเจ๋อจึงไม่ได้เดินลึกเข้าไป เขารู้สึกว่าสถานที่กันดารเช่นนี้ไม่น่ามีสัตว์ร้ายอะไร ผนังถ้ำเป็นหินสีน้ำตาลแดง ไม่มีอะไรโดดเด่น
เป็นที่ที่ธรรมดามาก ธรรมดาเสียจนไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดเลยนอกจากเขาสองคน
ที่นี่…ทำไมดูเหมือน ‘แดนฟ้าปิด’ ที่ล่ำลือกัน…
เมื่อมองนอกถ้ำอีกครั้ง พื้นสีเทานอกถ้ำนั่นคือ ‘แดนฟ้าปิด’ ซึ่งเป็นกรงขังที่แน่นหนาที่สุดชัดๆ!
“…” ฝูเจ๋อหมดคำพูดแล้ว…
เขาสำรวจรอบๆ หลายครั้งแต่ไม่พบอะไรเลย อย่าว่าแต่ต้นหญ้า แม้แต่ก้อนหินสักก้อนยังไม่มี
ฝูเจ๋อกลับมาที่หน้าถ้ำ สายตามองไปที่พื้นและเห็นย่ามฟ้าดินของตนตกอยู่ตรงนั้น เขาเก็บย่ามและอวี่กวนขึ้นมา แล้วดูภายในย่ามฟ้าดินที่ว่างเปล่าไปมากกว่าครึ่ง รู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง
นั่นคือผลสำเร็วจากการต้มตุ๋นเอาเป็นเอาตายเกือบสามเดือนที่ผ่านมาของเขานะ! แต่ตอนนี้มันหายไปหมด คิดแล้วหัวใจแทบสลาย
ไม่ได้การ ต้องหาอะไรจากชายชุดดำติดไม้ติดมือมาบ้าง เอามาชดเชยของที่สูญไป
คิดดังนั้นเขาก็เข้าไปใกล้ทูตไต่สวน แต่เพราะความน่ากลัวของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่กล้ากำเริบเกินไป ได้แต่ไปนั่งยองๆ ห่างออกมาจากทูตไต่สวน
หลังสำรวจดูสักพักฝูเจ๋อก็รู้สึกลำบากใจอีก
เพราะชุดคลุมยาวสีดำที่เขาใส่ดูเหมือนจะรัดกุมแน่นหนา ด้วยฝีมืออย่างฝูเจ๋อไม่มีทางปลดออกได้
เดิมคิดจะแอบดูว่าทูตไต่สวนมีตาที่สามจริงอย่างที่ผู้คนร่ำลือกันหรือไม่ เพราะพวกเขาสามารถจับโจรได้เชี่ยวชาญนัก แต่พอเห็นเสื้อผ้าที่รัดไว้จนยากจะปลดออกก็ทำให้ฝูเจ๋อล้มเลิกความคิดไป
แล้วจะทำอย่างไรดี?
จะนั่งรอที่นี่จนเขาฟื้น? หรือว่าจะใช้อวี่กวนหนีไปดี?
คงไม่ดีทั้งสองอย่าง!
เขารู้ดีว่า เจ้าอวี่กวนของเขาเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
เกิดไปเปิดประตูมิติที่หน้าถ้ำราชาปีศาจตนใดเข้าจะทำอย่างไร เพราะที่แบบนั้นมักจะมีของวิเศษ…
เจ้ากระบี่นี่มันรักของมีค่าจะตาย เขาจะทำอะไรได้อีกเล่า?
…ไม่เพียงแต่ทำอะไรมันไม่ได้ ยังต้องคอยเอาใจมันด้วย ใครใช้ให้พกมัน ‘ท่องเที่ยวยุทธภพ’ ล่ะ…
เครียดโว้ย!
ในขณะที่ฝูเจ๋อกำลังใช้ความคิดว่าจะออกไปจากที่นั่นอย่างไรดี ชายที่สลบไปก็เริ่มขยับเขยื้อน
เขาดูท่าทางทรมาน พลิกตัวไปได้เพียงครึ่งเดียวก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว นอนกลับลงไปเช่นเดิม
แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่โอดครวญสักนิด
‘เยี่ยมจริงๆ บาดเจ็บขนาดนี้ยังไม่ตาย น่าเลื่อมใสนัก’ ฝูเจ๋อได้แต่คิดเช่นนี้
ทูตไต่สวนขยับเพียงเล็กน้อย ฝูเจ๋อกลับตาไวเห็นรอยเลือดใต้ร่างเขา เลือดสีแดงเข้มบนชุดดำไหลมาจากบาดแผลไปจนถึงใต้ร่าง แผ่ขยายเต็มหลังของเขา แต่เพราะชุดคลุดตัวกว้างนั้นเป็นสีเข้มทำให้มองออกได้ยาก
ธนูที่ปักอกไม่อยู่แล้ว คงเพราะเขาถอนออกไปตอนที่ได้สติ
“สุดยอดพลังภายใน ลูกผู้ชายตัวจริง!” ฝูเจ๋ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม
ฝูเจ๋อเริ่มรู้สึกนับถือทูตไต่สวนที่น่ารังเกียจคนนี้เสียแล้ว แม้ว่าจะถูกคนผู้นี้ไล่จับทั้งยังขังตนไว้ที่นี่ แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับบาดเจ็บ จนมาหมดสติรอคนมาฆ่า
น่าสงสารจริงๆ
คิดได้ดังนั้น คนที่นอนอยู่บนพื้นก็เหมือนไม่น่ารังเกียจขนาดนั้นแล้ว
ตอนนี้ทูตไต่สวนยังบาดเจ็บเลือดไหลไม่หยุด ถ้าไม่ช่วยเขา ขืนเขาตายไป คุณชายฝูเจ๋อผู้เจ้าสำราญอย่างตนก็ต้องถูกขังอยู่ที่นี่ไปทั้งชาติน่ะสิ
‘เฮ้อ ถูกเจ้าจับแล้วยังต้องมาช่วยเจ้าอีก ข้านี่เป็นคนดีเสียจริง! โลกนี้คงมีข้าคนเดียวที่ดีขนาดนี้’
ฝูเจ๋อยื่นมือไปจับชุดดำตามจิตใต้สำนึก คิดจะฉีกมันออกเพื่อทำแผลให้ แต่ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าชุดนี้เขาถอดไม่ออก
จะทำอย่างไรดี
ใส่เสื้ออยู่แบบนี้ จะทำแผลให้ได้อย่างไร
เขาวางสิ่งของในมือลง ถลกแขนเสื้อเตรียมจะดูว่าจะถอดชุดอีกฝ่ายอย่างไร เขาไม่เชื่อว่าจะเอามันออกไม่ได้
‘เคร้ง’ เสียงอวี่กวนกระทบกับพื้น
อวี่กวนคือ ‘กระบี่’ หน้าตาธรรมดาเล่มหนึ่ง ดูภายนอกเป็นเพียงเหล็กเน่าทองแดงผุขึ้นสนิมชิ้นหนึ่ง ที่พอจะดูออกบ้างว่าเป็นกระบี่ แต่สำหรับฝูเจ๋อ มันคือสิ่งสำคัญ
แม้ว่ามันจะดูธรรมดามากจนแทบจะไม่ต่างจากก้อนหินริมทาง
แต่เจ้า ‘เหล็กไร้ค่า’ ในสายตาคนอื่น กลับเป็นเพื่อนเขามา 7 ปีแล้ว ฝูเจ๋อดีใจที่คนอื่นไม่รู้ข้อดีของอวี่กวน เพราะถ้าคนอื่นรู้ว่าอวี่กวนสามารถผ่ามิติไปยังที่ต่างๆ ได้ คงต้องมาแย่งมันไปแน่
อ้อ อวี่กวนยังสามารถหาสมบัติได้ด้วย ใครที่อยากเป็นเศรษฐีมั่งมีต้องชอบมันแน่
แต่เพราะรูปลักษณ์ของมัน ทำให้คนคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ ฮึ! พวกนั้นไม่รู้จักของดี เขาก็จะไม่บอกพวกนั้นหรอกของชิ้นนี้มีดียังไง!
ฝูเจ๋อมองดูตัวกระบี่ของอวี่กวนที่มีสนิมสีแดงดำปกคลุมไปทั่วจนไม่เห็นรูปร่างที่แท้จริง ลิ่วต้าวจื่อเคยบอกว่า อย่าเพิ่งจัดการสนิมพวกนี้จนกว่าจะหาสิ่งที่เหมาะสมกับมันได้ ทั้งยังบอกอีกว่า สิ่งที่จะมาทำให้มันทรงอานุภาพเป็นสิ่งพิเศษอย่างยิ่ง แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้จัก
ฝูเจ๋อหัวแล่นทันใด ไม่แน่ว่าอวี่กวนอาจจะตัดชุดของทูตไต่สวนออกได้
เขาลองใช้ปลายกระบี่แตะชุดสีดำ ไม่มีความผิดปกติใดๆ ราวกับไร้ซึ่งการรั้งห้าม ทว่าขณะที่ฝูเจ๋อจะปลดชุดต่อ อวี่กวนกลับดูเหมือนไม่เต็มใจ
ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าอวี่กวนที่ดูธรรมดาๆ มีจิตศาสตราซ่อนอยู่
“เพื่อนยาก ข้ากำลังช่วยคนนะ เจ้าจะมัวมาเหนียมอายทำไม? อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงไปหน่อยเลย”
อวี่กวนยังคงไม่ยอมขยับ
ฝูเจ๋อเริ่มลังเล เพราะถ้าเพื่อนยากมีอารมณ์แล้ว เอาผีร้อยตนมาลากก็ไม่ไป…
ช่างเถอะๆ แล้วแต่ฟ้าลิขิตละกัน
ก่อนฝูเจ๋อจะชักมือกลับ ปลายกระบี่ก็เกี่ยวอะไรบางอย่างมาจากชุดคลุมดำ ลอยมาทางร่างฝูเจ๋อ
เขายื่นมือไปรับและพบว่ามันคือย่ามใบหนึ่ง
“…” ฝูเจ๋อพูดไม่ออก
ไม่ช่วยคนแล้วยังจะขโมยของเขาอีก! ชื่อเสียงเขาป่นปี้เพราะเจ้ากระบี่กวนประสาทนี่หมดแล้ว…
ย่ามหนักเสียด้วยสิ น่าจะมีของเยอะพอควร
ช่างมัน ทำตามอวี่กวนแล้วกัน ไหนๆ ก็เอามาแล้ว จะยังไงก็คืนไปไม่ได้
เขาใช้ปลายกระบี่เขียนเป็นยันต์ที่ปากย่าม เพื่อทำลายจิตที่หลงเหลือของเจ้าของเดิม
บุกฟ้าดำดิน วางแผนหลอกล่อ อวี่กวนถนัดนัก
ภายในย่ามไม่มีอะไรพิเศษ คิดว่าในตัวทูตไต่สวนน่าจะมีของระดับสูงกว่านี้อยู่ ส่วนย่ามนี้แค่ใช้เก็บใส่ของเบ็ดเตล็ดทั่วไป
ฝูเจ๋อไม่คิดว่าตัวเองเป็นพวก ‘ตาไร้แวว’ เพราะเขาเจออะไรมานักต่อนักแล้ว
บวกกับพลังวิญญาณของสิ่งของพวกนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าของพื้นๆ พวกนี้มีอะไรแตกต่างไป
ฝูเจ๋อเทของในย่ามลงพื้น เจอยันต์ต่อสู้และยันต์ประเภทเสริมส่งสิบกว่าแผ่น จอกเหล้ากระเบื้องสามจอก และกริชอีกหนึ่งเล่ม
กริชมีขนาดไม่ใหญ่ ยาวพอๆ กับมือของฝูเจ๋อ ที่ด้ามมีลายสลักพระจันทร์สีเงิน ไม่มีอัญมณีมีค่าประดับ ดูธรรมดาๆ ไม่รู้ว่ามันใช้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ลองเอากลับให้ลิ่วต้าวจื่อดูก่อน
ส่วนจอกเหล้าอีกสามจอกก็ไม่รู้มีไว้ทำอะไร เอากลับไปฝากลิ่วต้าวจื่อละกัน ถือเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือกันมาโดยตลอด
แม้ว่าฝูเจ๋อจะไม่ค่อยชอบใจของเหล่านี้ แต่เขาไม่เชื่อว่าของบนตัวของทูตไต่สวนจะเป็นของธรรมดา ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ
เขาเอาของทั้งหมดใส่ในย่ามของตนเอง แล้วเอาย่ามของอีกฝ่ายไปคืนที่
วุ่นวายอยู่พักใหญ่ แม้จะยังช่วยคนไม่ได้แต่ก็ได้ของมาบ้าง ถือว่าคุ้มแล้ว
อีกอย่างยันต์พวกนั้นไม่มีค่าอะไร ทูตไต่สวนคงไม่ใส่ใจอะไรหรอก
ฝูเจ๋อนั่งพิงหิน มองดูพื้นสีเทาภายนอกถ้ำอย่างเหม่อลอยหน่อยๆ ส่วนอวี่กวนดูกำลังง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง…
ฝูเจ๋อไม่ได้สนใจมัน เพราะรู้ว่ามันคงไม่ทำร้ายทูตไต่สวนเป็นแน่ อย่างมากก็แค่ขโมยของวิเศษ แต่ก็คงไม่ใช่ของดีอะไรมากมาย ไม่ใช่เพราะอวี่กวนมีหลักการอะไรหรอก แต่เพราะความสามารถมีจำกัด ของวิเศษชั้นสูงมีจิตศาสตรา ไม่มีทางปล่อยให้ถูกขโมยโดยง่าย มิเช่นนั้นเจ้านี่เจอใครก็คงปล้นจนหมดตัวไปเสียทุกคนแล้วล่ะ
ก็ไม่รู้ว่าความงกของกระบี่นี่เลียนแบบมาจากใคร ทั้งที่ตัวเขาออกจะรักคุณธรรม…อะแฮ่ม แค่ว่าตอนนี้ขัดสนไปหน่อย…
รอให้ออกไปจากที่นี่ได้ก่อน จะไปหาลิ่วต้าวจื่อขอยันต์เคลื่อนย้ายสักหน่อย ค่อยมาจัดการกับของวิเศษ จะได้เป็นการ ‘ตอบแทน’ อวี่กวนกับลิ่วต้าวจื่อ แล้วก็เลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองด้วย
เฮ้อ นี่มันดวงคนขยันชัดๆ
ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ หญ้าสักต้นก็ไม่มี แม้แต่ที่แม่น้ำลืมเลือนในยมโลกอย่างน้อยก็ยังมีดอกปี่อั้น[1]ขึ้นอยู่ริมฝั่งบ้าง
เขาไม่เข้าใจว่าทูตไต่สวนตั้งใจทำอะไร ทำไมต้องพาเขามาด้วย คงไม่ใช่เพราะต้องการหลบคนในหมอกขาวนั่นกระมัง?
นั่งไปสักพัก ฝูเจ๋อก็รู้สึกหิวขึ้นมา หลังลองสำรวจดูเสบียงอีกรอบ ก็มั่นใจว่าน่าจะอยู่ไปได้อีกสักพัก
“อวี่กวน เจ้าว่าถ้าไม่มียันต์เคลื่อนย้าย เจ้าจะพาข้าไปที่ไหนได้บ้าง? ไม่สิ ที่ข้ายังมีอีกแผ่น แต่ตำแหน่งของที่นี่ไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปไหวไหม?”
แม้ว่าอวี่กวนจะเป็นแค่กระบี่เล่มหนึ่ง แต่ฝูเจ๋อก็ชอบระบายให้มันฟัง และมันก็ดูท่าจะฟังเข้าใจเสียด้วย
หลังทานอาหารและงีบสักพัก ฝูเจ๋อเตรียมจะออกสำรวจดูว่าที่นี่มีอะไรที่พอบอกตำแหน่งที่ตั้งได้บ้าง เขาปัดฝุ่นบนตัวออก มองหาอวี่กวน แล้วก็ต้องตกตะลึง
อวี่กวนเปล่งแสงสีฟ้าเป็นประกาย เด่นชัดสะดุดตาอย่างมากในถ้ำที่ค่อนข้างมืดสลัว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เรื่องสำคัญคือตอนนี้ปลายกระบี่อวี่กวนเสียบอยู่ที่หน้าอกทูตไต่สวน! เลือดสีแดงเข้มเริ่มแข็งตัวเล็กน้อย เมื่ออยู่บนชุดสีดำทำให้ไม่สะดุดตา ทว่าปลายกระบี่อวี่กวนชุ่มไปด้วยเลือด เมื่อสะท้อนบนประกายแสงสีฟ้าของตัวกระบี่ทำให้เด่นชัดเป็นพิเศษ
?!
ฝูเจ๋อตกใจ
ภาพตรงหน้านี้มันอะไรกัน หรือว่าเขาจะตาฝาด…
ใช่ ต้องเป็นเพราะไปกระทบของวิเศษบางอย่างของทูตไต่สวนทำให้เขาเห็นภาพลวงตา…
ใช่ ต้องใช่แน่ๆ…
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาอยากจะสลบไปเสียตรงนั้น
ฝูเจ๋อที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าไหวพริบ ตอนนี้กลับเหมือนคนโง่งมไปแล้ว
อวี่กวนอยู่ในท่านั้นประมาณหนึ่งก้านธูป[2] ก่อนจะบินกลับมาที่ข้างเอวของฝูเจ๋อ
แรงสะเทือนที่ข้างเอวได้บอกฝูเจ๋อแล้วว่าเรื่องเมื่อกี้เป็นความจริง เจ้าเพื่อนยากยังอุ่นๆ อยู่เลย ปวดใจสุดๆ!
ฝูเจ๋อแหกปากตะโกน “เจ้าเพื่อนยาก! อย่าทำร้ายกันสิ!”
แม้ว่าทูตไต่สวนจะไม่ได้ฝีมือร้ายการมาก อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับไร้คู่ต่อสู้ แต่ที่คนอื่นไม่อยากต่อสู้กับเขา ก็เพราะว่าถ้าทำร้ายทูตไต่สวนคนใดคนหนึ่ง พวกเขาจะตามมาอีกเป็นพรวน
พวกเขาทำงานกันเป็นกลุ่ม และมีความสมัครสมานสามัคคีดีมาก ถ้าเจอใครที่ทำผิดหลักการของพวกเขาก็จะกำจัดขุดรากถอนโคน และหากเจอศัตรูมาล้างแค้นก็จะออกมาลงไม้ลงมือ แน่นอนว่าแค้นนี้ต้องชำระ
และเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาแต่งกายเหมือนกันหมด พวกศัตรูที่ตามล้างแค้นเมื่อเจอคนไหนก็จะฆ่าคนนั้น จึงมีผู้บริสุทธิ์ต้องตายเพราะศัตรูของผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าเพื่อชื่อเสียงหรือเพื่อ ‘ความสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่ง’ ท่าทีที่มีต่อศัตรูล้วนแล้วแต่เหมือนกัน เหมือนดั่ง ‘มีศัตรูร่วมกัน’
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเจ้าของเสียงไม่หญิงไม่ชายที่เห็นชัดๆ ว่ามีฝีมือเหนือกว่าทูตไต่สวนยังต้องหลบในหมอกขาว
และตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ มีเขาเพียงสองคน…
ถ้าบอกว่าเขาไม่ได้ทำ ใครจะเชื่อ?
ตอนนี้ฝูเจ๋ออยากจะสอบปากคำอวี่กวนเป็นที่สุด ‘เพื่อนยาก เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าเจ้าทำเขาตาย รู้ไหมว่าข้าจะต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง!
—————————————————————-
[1] ดอกปี่อั้น (Red Spider Lily) ตามความเชื่อของจีนแม่น้ำปรภพจะแบ่งสองฟากฝั่งระหว่างคนเป็นและคนตายออกจากกัน บนฝั่งของคนตายจะมีทุ่งดอกปี่อั้นบานอยู่ทั่ว ผู้ที่จะข้ามมาฝั่งนี้ได้มีเพียงคนตายเท่านั้น ดังนั้นจึงมีอีกชื่อว่าดอกไม้คนตาย
[2] หนึ่งก้านธูป เป็นคำเรียกเวลาโดยประมาณของคนจีนโบราณ บางตำราว่าประมาณครึ่งชั่วโมง บางตำราว่าหนึ่งชั่วโมง

คอมเมนต์

Chapter List