ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 5

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 5 ซือเหลียง อู๋เลี่ยง

บ้านของฝูเจ๋อที่อยู่บนเขาไม่เล็กไม่ใหญ่หากจะเดินไปที่นั่นก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม
บนเขาลูกนั้นไม่มีบ้านหลังอื่น ไม่มีแม้แต่ป่าไม้และสัตว์อสูร เป็นเขาหัวโล้น มีแค่ต้นไม้แก่แก่ บิดๆ เบี้ยวๆ ที่อยู่ไกลออกไป
ฝูเจ๋อเหยียบอยู่บนอวี่กวน เหาะออกมาจากกลางเขา
ฝูเจ๋อฝึกฝนเวทมนตร์ และก็เป็นนักบวชด้วย
สำหรับเขาแล้ว ที่เป็นนักบวชก็ไม่ได้ต้องการแค่ที่จะเป็นเซียน แน่นอนส่วนการฝึกเวทมนต์คาถาก็เป็นไปตามธรรมชาติในเมื่อมีโอกาสก็ลองฝึกดู
ฝึกไปฝึกมาก็เป็นขึ้นมาเอง
เขาชอบชีวิตที่เป็นอิสระ ดังนั้นการเป็นนักบวชเขาจึงไม่ชอบนัก เพียงแต่ว่าก็ไม่ได้รู้สึกแย่ ก็เลยเป็นนักบวชไปด้วยเลย
“ดีที่มีวิชากระบี่บิน ไม่เช่นนั้นกว่าจะออกจากบ้านทีข้าต้องตายแน่” ชายหนุ่มหน้าตามีความสุขยืนอยู่บนกระบี่ขึ้นสนิมสวมชุดสีดำล่องลอยอยู่ในสายลม
เพียงชั่วอึดใจก็มาถึงถนนสายนรก เขาหยุดลงที่ทางเข้า
เพราะในถนนสายนรกห้ามทำการบิน
เขาเก็บกระบี่ขึ้น ผิวปากเดินเข้าประตูทางเข้าและก็เหมือนกับทุกครั้งเขาหยอดเหรียญทอง 1 เหรียญลงในกล่องสีเงินโดยที่ไม่เงยหน้ามอง
การจะเข้าไปสู่ถนนสายนรกจำเป็นจะต้องมีค่าผ่านประตูค่าทางเข้าเป็นเงินจำนวนสองเหรียญทองโดยที่จะมีเจ้าหน้าที่จากยมโลกคอยยืนตรวจอยู่
วันนี้ถือว่าโชคดี เราไม่ต้องเข้าแถวยาวสงสัยจะไปยุ่งกันเรื่องวันปล่อยผี
ฝูเจ๋อกับหวังต้าโถวคนเฝ้าประตูคุ้นเคยกันดี มักจะหยอกล้อกันตามปกติ เขามักจะเอาสิ่งของจากโลกมนุษย์ติดลงมาให้เขาด้วยเสมอ ก็เลยลดค่าเข้าให้เขาหนึ่งเหรียญทอง
ผ้ายันต์สีขาวถูกปิดอยู่เต็มประตู ทำให้เสาสีดำที่ข้างประตูดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
นอกจากนั้นที่กำแพงรอบๆ ก็ยังมีแผ่นยันต์แขวนเต็มไปหมด แต่ว่าก็น้อยกว่าแผ่นยันต์บนประตู และมีควันสีดำพวยพุ่งอยู่รอบรอบแผ่นยันต์ ถ้าดูให้ดีจะเห็นว่าแผ่นยันต์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลง
ผีเฝ้าประตูปาดเหงื่อบนหน้า ในใจคิดว่าวันนี้โชคดี เพราะชายหนุ่มไม่ได้ทักทายอย่างเคย
เขาแอบเหลือบไปมองหัวหน้าผีสองตน ใบหน้าที่เคร่งขรึมทำเอาเขาตัวสั่น “วันนี้ท่านหัวหน้าทั้งสองมาตรวจงาน ข้ายังไม่อยากตกงานเพราะเจ้าเด็กนั่นนะ”
เขากรอกตามองและตัดสินใจโยนความผิดนี้ไปให้เด็กนั่น
“ใต้เท้าทั้งสองอย่าเพิ่งโกรธนะขอรับ เจ้าเด็กนั่นชื่อหลินชวน เขาชอบโยนเหรียญ 1 เหรียญลงไปเป็นค่าผ่านทาง แต่ข้าก็จะให้เค้าโยนเหรียญเพิ่มจึงจะให้เข้าไปได้ แต่ผ่านไปนานเข้ากลับกลายเป็นว่าเขาคุ้นเคยกับการโยนทีละเหรียญ วันนี้ข้าน้อยเห็นท่านทั้งสองดูสง่างามและเปี่ยมเมตตาดุจแม่น้ำ…”
“หยุด! เลิกพูดไรสาระแล้วเล่ามา” หัวหน้าผีพูดตัดบท
” ข้าก็เลย…ก็เลย…ลืมห้ามเขา ข้าน้อยสมควรตาย…”
ตำแหน่งผีเฝ้าประตูทางสายนรกทำเงินได้ดีและก็สบาย ทั้งยมโลกดูเหมือนจะมีตำแหน่งที่สบายกว่านี้ไม่กี่ตำแหน่ง
ค่าผ่านทางสองเหรียญทองนอกจากเจ้าหน้าที่ในยมโลกและแขกชั้นสูงที่ไม่ต้องจ่ายนอกนั้นทุกคนต้องจ่ายค่าผ่านทาง
หากตั้งใจทำก็จะรู้วิธีหาเงินทางอ้อม แต่วันนี้ดันซวยมาถูกหัวหน้าจับได้…
หวังต้าโถว สงสัยเจ้าจะแย่เสียแล้ว
ใต้เท้าทั้งสองที่เขาเอ่ยถึงหนึ่งในนั้นเป็นสตรีที่หน้าตางดงาม นางดูไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพียงแต่ขมวดคิ้วนางมองไปที่ถนนสายนรกและพูดขึ้นว่า ” ไม่รู้ว่าครั้งนี้ภารกิจจะลุล่วงไหม”
“ซือเหลียง น้องหญิงวางใจเถิด อย่างไรเสียก็ต้องมีหนทาง ทางไม่ดีก็เปลี่ยนทางเดิน อย่างไรก็ต้องสำเร็จ ยังมีพี่อยู่อีกคนนะ ” ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าทีที่เคร่งขรึมกลับมาดูอ่อนโยน
หากว่ามองข้ามผิวที่ซีดเผือดของชายหนุ่มหญิงสาวผู้นี้ถือว่าพวกเขามีรูปร่างหน้าตางดงามเลยทีเดียว
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่ม “อย่ามาทำน้ำเสียงแบบนั้นกับข้านะอู๋เลี่ยง เมื่อไหร่จะเปลี่ยนนิสัยเสียทีรีบไปกันเถอะอย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”
อู๋เลี่ยงมองกลับและเบ้ปาก เขาส่ายหัว ถูกนางพูดว่าบ่อยเข้า พี่ชายคนนี้ก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันนะ
ชายหนุ่มหันไปพูดกับหวังต้าโถว ” ไปมอบตัวซะ”
หวังต้าโถวได้ยินคำสั่งจากหัวหน้า แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดีเอาไว้แต่ก็ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาลืมแม้กระทั่งการน้อมส่งหัวหน้า ได้แต่ยืนอึ้งมองดูหัวหน้าทั้งสองเดินเข้าสู่ถนนสายนรก
ทางที่เดินไปคือฝั่งตะวันออกของถนน
ทั้งสองเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง
” ใต้เท้าทั้งสองโปรดหยุดก่อน!” ผีเฝ้าประตูไม่รู้ว่าวิ่งตามมาตอนไหน
หวังต้าโถว เดิมชื่อหวังหง แรกเริ่มเดิมทีเป็นแค่ยามเฝ้าถนนแต่บังเอิญได้ช่วยชีวิตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของถนนสายนี้จึงได้เลื่อนตำแหน่ง เค้าเป็นคนประจบเก่ง ภายในระยะเวลาแค่ 100 ปีเศษก็ได้มาทำหน้าที่เป็นผีเฝ้าประตูทางเข้าถนนสายนรก
สายตาของเขาแหลมคมนัก
เขามองดูใต้เท้าทั้งสองเลี้ยวไปที่ซอยเล็กๆ ทางฝั่งตะวันออกของถนนสายนรก
พวกเขาจะไปทำอะไรกัน?
ซอยเล็กๆ แบบนั้นมีอะไรให้ท่านทั้งสองต้องเข้าไป?
“ไอ้หยา ข้าลืมไปเลย” เขาตบเข่าเสียงดังฉาด นั่นมันซอยเจวี๋ยยินเจีย!
หวังต้าโถวเขาพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต เร็วจนแทบวิญญาณของเขาจะแตกกระจาย เมื่อหยุดลงก็ไม่ได้สนใจอะไรรีบรายงานขึ้นว่า
“หลินชวนเป็นแขกประจำของลิ่วต้าวจื่อในซอยนั้น พวกท่านต้องการพบลิ่วต้าวจื่อหรือขอรับ?”
อู๋เลี่ยงหรี่ตามองด้วยความสงสัย
แต่นั่นก็หมายความว่าเขาเดาถูก
แม้ว่าจะถูกเรียกขัดจังหวะ แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย
อู๋เหลียงไม่เอาผิดหวังหง เพียงแต่สงสัยว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“เจ้ารู้?”
“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยรู้จักเขา เพราะเป็นผู้มีชื่อในที่แห่งนี้ เขาเป็นคนที่มีฝีมือ อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องไปอยู่ในซอยเล็กๆ แบบนั้นด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ถึงได้ไปอยู่ที่ร้านซอมซ่อ แล้วเขาก็ยังมักจะทำให้ลูกค้าโกรธจนเดินออกจากร้านเสมอ ตำแหน่งที่ตั้งของร้านก็ไม่ดีกิจการก็เลยเงียบเหงาทางทิศที่ใต้เท้าทั้งสองกำลังจะเดินไปเป็นร้านของเขาชื่อว่า ‘จิ้งยินเก๋อ’ ข้าน้อยจึงเดาว่าพวกท่านจะไปหาเขาใช่ไหมขอรับ?”
ไม่รู้ว่าลิ่วต้าวจื่อมี ความเป็นมาอย่างไรแต่ระดับหัวหน้าทั้งสองจะไปหาเขาถึงที่ แสดงว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดา
“ไม่ทราบว่าใต้เท้าทั้งสองต้องการให้ข้าน้อยช่วยเหลืออะไรหรือไม่ขอรับ?” หวังหงถามขึ้น
“เจ้าสนิทกับหลินชวนหรือ?” อู๋เลี่ยงถามกลับ
คำถามนี้ทำให้เขาหนักใจถ้าบอกว่าไม่สนิทใต้เท้าทั้งสองก็จะคิดว่าเขาไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าบอกว่าสนิท เรื่องค่าผ่านทางจะทำอย่างไร?
“ก็เพราะเรื่องค่าผ่านทางนั่นแหละขอรับ ข้าน้อยก็เลยจำเขาได้ แล้ววันนี้เขาก็กำลังจะทำให้ข้าน้อยตกงาน ยังไงเขาก็ต้องเห็นแก่ข้าน้อยบ้าง อีกอย่าง เขาเป็นแขกประจำของลิ่วต้าวจื่อ แสดงว่าเขาต้องสนิทกันพอสมควร”
อู๋เลี่ยงก็คิดตามว่าน่าจะเป็นไปได้ จึงอดทนฟังอีกฝ่ายสาธยาย เขาหันไปมองทีท่าของซือเหลียงที่ไม่ปฏิเสธ จึงให้หวังหงนำทางไป
……
ฝูเจ๋อกำลังนั่งยองๆ มองดูลิ่วต้าวจื่อซ่อมแซมของวิเศษ
ความจริงแล้ว ถึงเขาจะไม่มีธุระเรื่องแผ่นยันต์เขาทั้งสองก็สนิทสนมกันอยู่แล้ว เราเป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายปี
ใช้คำว่าเพื่อนบ้านแต่จริงๆ อยู่กันไกล พอสมควร
ลิ่วต้าวจื่อขอแค่เขาไม่ขวางการทำงาน ก็อนุญาตให้เขาดูได้
“หลินชวน ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!” เสียงผู้ชายตะโกนจากนอกร้านดังจนลิ่วต้าวจื่อแทบจะทำค้อนหล่นจากมือ
เมื่อเห็นว่าลิ่วต้าวจื่อกำลังจะระเบิดอารมณ์เพราะถูกขัดจังหวะการทำงาน เขาก็รีบหนีออกมาจากที่นั่นและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้
เสียงที่เรียกเขาไม่คุ้นหู แถมยังฟังยโสยิ่งนัก
ฝูเจ๋อขมวดคิ้ว ตอนนี้ชักจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียแล้ว!
เมื่อออกมาจากร้าน ฝูเจ๋อก็เห็นหวังตาโถวกับชายหญิงคู่หนึ่ง
สองคนนั้น สวมชุดเจ้าหน้าที่สีดำที่แขนเสื้อมีลวดลายสีม่วงเข้ม เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนจะมาหาเรื่อง
ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ค่อยเข้าใจลำดับชั้นของเจ้าหน้าที่แต่ก็รู้ว่าสองคนนี้ต้องอยู่ในระดับสูงกว่าหวังต้าโถว ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของสำนักพญายมส่งมา
ฝ่ายผู้หญิงหวีผมรวบเป็นหางม้า ดวงตาสดใสจ้องมาที่เขา ส่วนฝ่ายผู้ชายหน้าตาไร้อารมณ์ แต่ก็ดูออกว่า ‘เขากำลังไม่สบอารมณ์’
สังเกตจากลมหายใจก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นคนในยมโลก ต่างจากตัวเขา
“หลินชวน มานี่หน่อย มาคุยกันหน่อยสิ” หวังหงแสดงท่าทีสนิทชิดเชื้อ เขาเปลี่ยนหน้าได้เร็วยิ่งกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือเสียอีก
‘หลินชวน’ เป็นชื่อที่ฝูเจ๋อใช้ในยุทธภพ การจะใช้ชื่อแซ่ที่แท้จริงไม่ค่อยดีนัก เพราะหากไปเจอกับศัตรูก็อาจจะนำพาไปสู่การขุดหลุมศพบรรพบุรุษขึ้นมาทำลายอะไรทำนองนั้น แต่ว่าเขาเองไม่มีหลุมศพบรรพบุรุษ แล้วก็ไม่มีบรรพบุรุษด้วย
ครั้นจะใช้ชื่อ ‘ฝูเจ๋อ’ ก็เกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ต้นสกุล
และนั่นก็เป็นแซ่ของท่านปู่
เป็นชื่อของคนที่ช่วยชีวิตเขา
เลี้ยงดูเขาและให้ที่อยู่อาศัยเขา
พาขึ้นมาอาศัยอยู่บนภูเขา สร้างเขตอาคมป้องกันภยันตรายให้เขามี ‘บ้าน’ อยู่ที่นี่
ท่านปู่จากไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับมา
นานแล้วที่ไม่มีคนเรียกเขาว่าหลินชวน เมื่อได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง ก็ทำให้เขาหวนคิดถึงความทรงจำส่วนลึกที่สุดของจิตใจ
เมื่อเห็นว่าหลินชวนกำลังอยู่ในภวังค์ หวังหงก็จับไปที่บ่าและพูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน
“ไอ้หนู วันนี้เจ้าเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือทำเอาพี่ชายของเจ้าตกงาน ชดใช้ข้าด้วยนะ”
ฝูเจ๋อขมวดคิ้ว เขาไปสนิทกับหวังหงตั้งแต่เมื่อไร?
อย่างมากเขาก็แค่เอาอาวุธวิเศษที่เขาใช้ประโยชน์ไม่ได้มาฝาก เพื่อแลกกับค่าผ่านทางที่ถูกลง
พี่ชาย?
จะอ้วกนะ…
เขาพยายามสลัดมืออีกฝ่ายออก หวังหงไม่กล้าต่อกรด้วย จึงเอามือลง
ฝูเจ๋อหันตัวจะเดินจากไป เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น
“น้องหลินชวน ช้าก่อน ไม่ทราบว่าจะรบกวนไปคุยกันที่เป่าซ่านโหลวได้หรือไม่?”
‘เป่าซ่านโหลว’ คนเป็นๆ จะไปที่นั่นได้อย่างไร?!
เป่าซ่านโหลวตั้งอยู่ใจกลางถนนสายนรก อาหารของที่นั่นเลิศรส ติดที่ว่ามีไว้ให้ผีกิน เขาจะไปที่นั่นทำไม!
ฝูเจ๋อไม่ค่อยพอใจ ครุ่นคิดว่าคนพวกนี้มาหาตนทำไม หรือว่าจะกลับเข้าไปหลบในร้านดี?
อู๋เลี่ยงอยากจะทุบเจ้าหลินชวนเสียจริง มีไม่กี่คนที่สามารถทำให้น้องหญิงของเขาเอ่ยปากเชิญชวนได้ หลินชวนผู้นี้ สงสัยจะต้องหาทางสั่งสอน
พี่ชายที่แสนดีอย่างอู๋เลี่ยงยืนจ้องเขม็งและลูบหมัดที่กำไว้ไปมา
ฝูเจ๋อไม่พูดอะไร ‘ไม่ตอบรับก็เลยจะใช้กำลังบังคับอย่างนั้นสินะ?’
—————————————————————-

คอมเมนต์

Chapter List