ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 7

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 7 เพื่อนเก่ามาเยือน

ปกติแล้วจิ้งยินเก๋อไม่ค่อยจะมีคนมาเท่าไร นานๆ ทีจะมีลูกค้าเป็นจอมเวทหรือผีไร้ญาติผ่านมาเท่านั้น เพราะพวกเขาต่างเห็นว่าที่นี่ดูหงอยเหงา จะซ่อมอาวุธวิเศษหรือทำอะไรค่าใช้จ่ายคงไม่แพงนัก
ยังมีวิญญาณบางจำพวกที่บำเพ็ญจนเหมือนกับคนปกติ บ้างก็สามารถไปมาได้ระหว่างสองโลก แต่ห้ามสร้างความเดือดร้อนระหว่างสองโลก มิเช่นนั้นอาจจะมีสิทธิ์ตกนรกขุมที่ 18 ก็ได้
หน้าร้านมันช่างเงียบเหงานัก…แต่ฝูเจ๋อก็ไม่ได้สนใจนักหรอก
เขาคิดไว้ดีแล้วว่าต้องไปโบราณสถานรกร้างแน่นอน หากเจ้าหน้าที่ของยมโลกสองคนนั้นไปด้วยก็จะช่วยเขาป้องกันเวทมนตร์โจมตีหมอกพิษได้
หากเขามีเวลาไม่มาก ก็ขอเพิ่มสิ่งตอบแทนหน่อย ก็คงจะไม่ขาดทุน
แม้ว่าพวกเขาจะรับปากว่าจะให้งานทำ แต่ยมโลกที่ลึกลับซับซ้อนแบบนี้ ใครจะรู้ได้ว่าเขาจะให้ไปทำหน้าที่อะไร หากทำแล้วไม่ชอบก็ต้องเตรียมแผนสำรองไว้ให้ตนเอง
ฝูเจ๋อนั่งพาดขาอยู่บนเก้าอี้ที่ด้านหลังตู้ ฮัมเพลง ‘ลำนำขับผี’ ที่จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากไหน ตาก็มองไปที่กองดินหน้าร้าน
แล้วมันก็เริ่มขยับได้
ฝูเจ๋อขยี้ตา ปรากฏเงาคนขึ้นมาลางๆ หลังงอ ผมขาว เหมือนกับผู้เฒ่าที่สิ้นอายุขัย
มีแขกมาก็ต้องต้อนรับไว้ก่อน จะซื้อขายกันหรือไม่ค่อยให้ลิ่วต้าวจื่อตัดสินใจเอาเอง
ฝูเจ๋อเดินออกไปทักทาย
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามีอะไรให้รับใช้ขอรับ? ต้องการยันต์ ซ่อมอาวุธหรือตามหาคนขอรับ?
ผู้เฒ่าพยายามยืดหลังตรง แต่ก็ได้แค่นิดเดียว เสียงที่แหบพร่าดังขึ้น “ที่นี่รับตามหาคนด้วยหรือ? เพิ่งจะเคยได้ยิน”
ฝูเจ๋อยิ้มอ่อน
ผู้เฒ่าเห็นว่าหนุ่มน้อยคงจะไม่อธิบายอะไร จึงพูดต่อ “ข้ามาซ่อมอาวุธ แต่ดูเหมือนช่างซ่อมจะไม่อยู่สินะ เอาไว้ข้าค่อยมาใหม่”
พูดจบก็หันหลังกลับ
แต่ก็บังเอิญว่าช่างซ่อมอาวุธกลับมาพอดี
ลิ่วต้าวจื่อกลับมาด้วยสีหน้าปกติ ฝูเจ๋อไปสะกิดผู้เฒ่า
“อ้าว ช่างกลับมาพอดีเลย คุณลูกค้ามาเร็วสู้มาพอดีไม่ได้นะขอรับ ฮ่าๆๆ”
ผู้เฒ่าเบิกตาโพลง ไม่คิดว่าหนุ่มน้อยผู้นี้จะจับกายวิญญาณของเขาได้
คทาวิญญาณอันใหญ่อยู่ที่นี่ ลิ่วต้าวจื่อยังมาไม่ถึงก็สัมผัสได้แล้ว
เขาสังเกตผู้เฒ่า แม้ว่าวิญญาณจะอ่อนแรงแต่ก็ไม่ถึงขั้นกำลังจะสลายไป ไม่เหมือนกับโดนอาวุธหรือใครทำร้ายมา ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ไม่มีไอชั่วร้ายใดๆ ปะปน
แขกของที่นี่ มีที่มาทั้งนั้น
เช่นกระบี่สั้นที่เต็มไปด้วยร่องรอยการรบก่อนหน้านี้ ก็เพราะอยู่กับเจ้านายที่มากประสบการณ์ จึงต้องตกถึงมือลิ่วต้าวจื่อ ว่ากันว่าตัวเจ้าของที่ถูกลิ่วต้าวจื่อซักถามความเป็นมา เกือบจะต้องบอกแม้กระทั่งว่าพกถุงเท้ามากี่คู่
แน่นอนว่า ไม่ใช่เขาจะยอมฟังเรื่องของทุกคน
แต่สำหรับผู้เฒ่าท่านนี้ ไม่ต้องพูดอะไร ลิ่วต้าวจื่อก็เชิญเขามานั่งคุยด้านในเรียบร้อยแล้ว
ได้เข้ามานั่งด้านใน แสดงว่าความปรารถนาของผู้เฒ่าน่าจะมีหวัง ลิ่วต้าวจื่อคงไม่ปฏิเสธ
หล้งจากที่เข้ามาด้านใน ฝูเจ๋อรีบยกเก้าอี้มาให้ผู้เฒ่านั่ง แน่นอนว่าเก้าอี้ในยมโลกไม่เหมือนบนโลกมนุษย์ วิญญาณก็สามารถนั่งได้
ฝูเจ๋อหาที่นั่งหูผึ่งรอฟัง ปกติถ้าไม่ต้องออกไปไหน เขาก็จะมาช่วยงานที่นี่ วันดีคืนดีลิ่วต้าวจื่อก็จะโยนยันต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ให้เขาด้วย
แต่ยังไม่ทันจะเริ่มเรื่อง ก็ถูกเขาไล่ออกมาเสียแล้ว
กว่าที่ฝูเจ๋อจะรู้ตัว ลิ่วต้าวจื่อก็ปิดประตูใส่หน้าเรียบร้อย
“…” เกิดอะไรขึ้น?
ฝูเจ๋อยังไม่ทันโวยวาย ลิ่วต้าวจื่อก็ตะโกนออกมาว่า
“เจ้าไปหาสองคนนั้น ให้พวกเขาพาเจ้าไปเก็บผลอู่ซั่วด้วยกัน เก็บมาเยอะๆ ข้าจะได้เอาไว้หมักเหล้า”
ฝูเจ๋อตะโกนกลับเข้าไป “ให้ข้าอยู่ฟังจนจบก่อนไม่ได้หรือไง? แค่ฟังประเดี๋ยวเดียวเอง!”
“เจ้าโง่ ลืมไปแล้วหรือว่าพรุ่งนี้วันอะไร? อีกไม่กี่ชั่วยามพวกเขาก็จะกลับมาแล้ว เจ้ายังไม่รีบไปถามพวกเขาอีกว่าจะไปที่ไหน! ไปทำอะไร! แล้วก็เรื่องไปโบราณสถานรกร้างด้วย!”
ฝูเจ๋อเห็นภาพลิ่วต้าวจื่อในหัวขึ้นมาทันที ตาเบิกโพลงหนวดกระดิก แม้ว่าเขาจะไม่มีหนวดก็ตาม
“ไม่ให้ฟังก็บอกตรงๆ ข้าไปก็ได้”
“ไอ้เด็กบ้า รอกลับมาก่อนข้าจะจัดการกับเจ้า” ลิ่วต้าวจื่อกำหมัดทุบผนังเสียงดัง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอัดฝูเจ๋อเสียตอนนี้เลย
ผู้เฒ่าเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าก็จะมีมุมนี้ด้วย…”
“อย่าเรียกใต้เท้า เรียกข้าว่าลิ่วต้าวจื่อเถอะ”
ผู้เฒ่าชะงักไป ลิ่ว…
ผู้เฒ่ารีบเปลี่ยนสรรพนาม “ท่านอาจารย์ลิ่วต้าวจื่อ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“โซ่วเหล่า มาหาข้าที่นี่ด้วยอันใด? คนกันเองแท้ๆ เรียกข้าแบบนั้นรู้สึกห่างเหินชอบกล”
ผู้เฒ่าผู้นี้ ทุกคนเรียกเขาว่า ‘โซ่วเหล่า’ รู้จักกับลิ่วต้าวจื่อมานาน สนิทสนมกันดีด้วย
“ที่มาครั้งนี้ก็อยากจะให้ท่านอาจารย์ช่วยซ่อมอาวุธ เป็นอาวุธที่ไม่ใช่อาวุธวิเศษ และครั้งนี้ก็ไม่มาซ่อมมัน”
“อ้อ ถ้าเช่นนั้น?”
โซ่วเหล่าที่โงนเงนไปมา ราวกับว่าเขาจะสลายไปในอีกหนึ่งวินาทียกแขนขวาขึ้น จากนั้นล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบถุงผ้าสีดำลายทองออกมา
ถุงผ้านี้นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูหรูหราแล้ว ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ
โซ่วเหล่าวางถุงแนบลงบนโต๊ะ “นี่คือถุงหมื่นสุข ภายในบรรจุวิญญาณอนาถา ข้าได้รับการขอร้องให้ซ่อมแซม ทำไปทำมาข้าเลยกลายเป็นสภาพนี้ ข้ากลัวว่าวันหนึ่งจะทำมันไม่สำเร็จ จึงมาขอให้ท่านอาจารย์ช่วย”
ลิ่วต้าวจื่อเกิดความสงสัย “ใครขอร้องท่าน? ทำเอาท่านเป็นหนักขนาดนี้ เกรงว่าจะ…ยากนัก”
“ข้ามีหรือจะไม่รู้ ถ้าเป็นคนอื่นข้าคงปฏิเสธให้ไปหาคนอื่น ใครจะซวยก็ซวยไป แต่นี่…เฮ้อ รู้ว่าท่านไม่อยากพบพวกเรา เดิมข้าก็ไม่ได้คิดจะมาหาท่าน แต่หมดหนทางจริงๆ ถึงต้องมาที่นี่”
ลิ่วต้าวจื่อเงยหน้าขึ้น “เป็นเขาอีกแล้วหรือ?”
โซ่วเหล่าได้แต่พยักหน้า
“ข้าจะลองดู ท่านทิ้งมันไว้นี่แล้วกลับไปฟื้นฟูพลังเถอะ ท่านไม่ควรทำเรื่องอันตรายแบบนี้เลย”
โซ่วเหล่าเกรงว่าพลังวิญญาณตนจะไปทำร้ายวิญญาณอนาถาในถุงเข้า จึงใช้วิชาลับทอนพลังตน จนเมื่อมีศัตรูคู่แค้นมาพบเขา จึงทำให้เขามีสภาพเช่นนี้
โซ่วเหล่ากล่าว “ขอบคุณท่านอาจารย์ ข้าน้อยขอลาใต้เท้าแต่เพียงเท่านี้”
โซ่วเหล่ารู้ดีว่าสภาพที่อ่อนแอของตนตอนนี้ถ้าคนในตำหนักของตนรู้คงจะวุ่นวายกันแน่
“รีบกลับไปรักษาตัว ไว้เรามาดื่มเหล้าด้วยกัน นานแล้วที่ไม่มีคนมาร่วมเมากับข้าเลย” น่าเสียดายที่เหล้าเหลืออีกไม่มาก แต่ก็ยังเพียงพอสำหรับการดื่มให้เต็มที่สักครั้งหนึ่ง
โซ่วเหล่ากำลังจะขานตอบตกลง ลิ่วต้าวจื่อก็พูดต่อ
“น่าเสียดายที่เหล้าผลอู่ซั่วมีไม่มาก ไม่เช่นนั้นจะแบ่งให้ท่านสักหน่อย ให้ท่านนำไปให้คนที่บ้านท่านชิม!”
‘ผลอู่ซั่ว’ สามคำนี้ราวกับค้อนทุบหัวโซ่วเหล่า เพราะมีแต่ลิ่วต้าวจื่อที่ดื่มมันได้
เหล้าจากผลอู่ซั่วมันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ? ต้องบอกว่าโคตรไม่อร่อย!
โซ่วเหล่าได้ยินดังนั้นก็รีบร่ำลา ออกไปจากที่นั่นโดยเร็ว
เหลือเพียงลิ่วต้าวจื่อที่กำลังมองดูถุงผ้าในมือ ตามองทะลุมันไปไม่รู้ไปถึงไหนต่อไหน…
……
ฝูเจ๋อที่ถูกไล่ออกมา ก็ทำได้แค่ไปตามหาสองคนนั้น
เขาสองคนยังคงรออยู่ที่เป่าซ่านโหลว
ฝูเจ๋อเข้าไปถึงก็ทักทายอู๋เลี่ยง
เขาคิดไว้ว่าจะไปโบราณสถานรกร้างกับพวกเขาหลังจากวันปล่อยผี
คิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก อู๋เลี่ยงก็เล่าว่าเพิ่งได้รับสารแจ้งว่าเจ้าตำหนักกองงานตนจะไม่อยู่ในช่วงวันปล่อยผี ก็เลยมอบหมายงานต่างๆ ให้รองเจ้าตำหนักและหัวหน้ากอง ส่วนพวกเขาที่มีตำแหน่งเป็นรองก็คงหนีไม่พ้น
ความหมายของเขาก็คือ ให้ฝูเจ๋อไปเก็บผลอู่ซั่ว แล้วจะเรียกร้องอะไรเพิ่มก็ว่ามา
ทั้งสามคนปรึกษากันโดยใช้เวลาชั่วธูปหนึ่งดอกก็ตกลงกันได้
ฝูเจ๋อจะเป็นคนไปเก็บผลอู่ซั่ว ส่วนอู๋เลี่ยงจะเป็นคนเสนอตำแหน่งงานให้เขา และรับปากเขาจะทำงานให้อีกชิ้น
อู๋เลี่ยงคาดหวังว่าฝูเจ๋อจะรีบไปทำงานให้เสร็จ ฝูเจ๋อเองก็วางแผนว่าจะไปหลังวันปล่อยผี ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันได้สำเร็จ
ต่อจากนั้นอู๋เลี่ยงกับซือเหลียงก็กลับไป
พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนเจ็ด เรียกว่าวันปล่อยผี เป็นวันที่เหล่าวิญญาณจะกลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์ เป็นหนึ่งในสามเทศกาลสำคัญของยมโลก
ตอนนี้ที่โต๊ะเหลือเพียงฝูเจ๋อคนเดียว เขาจึงจัดการเครื่องเซ่นบนนั้น
ไม่ว่าเครื่องเซ่นจะเป็นอะไร ก็ไม่ควรทิ้งขว้าง ตอนนี้ก็ไม่มียันต์เคลื่อนย้าย กลับขึ้นโลกไม่ได้ก็ไม่มีอะไรกิน
กินจนอิ่มแล้วก็หอบเอาขนมและผลไม้ใส่ย่ามฟ้าดินไปด้วย ว่าแล้วฝูเจ๋อก็ออกมาจากเป่าซ่านโหลว
ในช่วงวันปล่อยผี พวกเจ้าหน้าที่ยมโลกก็วุ่นวายเช่นกัน อย่างน้อยก็กินเวลา 7-8 วัน แต่ก็ไม่ต้องรีบ รอได้ผลอู่ซั่วมาค่อยเอาไปแลกกับยันต์แล้วค่อยเอาไปใช้ หลังวันปล่อยผีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนบนโลกพวกนั้นจะยุ่งกันขนาดไหน
……
“อาฉี่! บอกเจ้าแล้วว่าอย่าไปที่ธารฉ่านหมิง เจ้าก็ไม่ฟัง เป็นไงเล่า เหลือแต่หัวแล้ว ข้าควรจะโยนเจ้าทิ้งที่ไหนดีนะ!
“แค่กๆ ข้ายังได้ยินมาว่า…”
“หุบปาก เป็นขนาดนี้ยังทำเก่ง!”
“…”
ธารฉ่านหมิง? คุ้นหูนัก…
ฝูเจ๋ออยากจะเห็นธารฉ่านหมิง เมื่อหันไป ก็เห็นกับภาพที่ไม่น่าจดจำ
งูยักษ์สีเขียวเข้มที่หางขาดครึ่ง กำลังใช้หางครึ่งหนึ่งที่เหลือยกหัวจิ้งจอกไว้และเลื้อยไป
อย่าดูถูกว่ามันเหลือหางครึ่งเดียว เห็นแบบนี้มันเลื้อยเร็วมาก
ฝูเจ๋อทั้งเดินทั้งวิ่งถึงจะตามมันทัน
ตลอดทางเจ้างูตัวนั้นก็เอาแต่บ่นจิ้งจอก…ที่มีแต่หัว
“ดีไหมล่ะ ดูสภาพพวกเราสิ เขาก็พูดกันอยู่ว่าพักนี้ที่ธารฉ่านหมิงมันน่ากลัว ทำไมเจ้ายังไปที่นั่นอีก!”
“เดิมทีข้าพิการอยู่แล้ว นี่เจ้ายังไปที่นั่นจนตอนนี้เหลือแต่หัวกลับมาเจอข้าอีก”
“เจ้าผีเสือดาวคงต้องเรียกพวกเรา ‘สองพิการผู้อาภัพ’ แน่นอน ได้ฉายาใหม่เจ้าดีใจไหมล่ะ!”
หัวจิ้งจอกไม่โต้ตอบอะไร
เจ้างูถามหัวจิ้งจอกว่าไปเจออะไรที่ธารนั้นมาจึงมีสภาพนี้ แต่หัวจิ้งจอกก็ไม่ปริปาก
เจ้างูยังคงถามต่ออีกหลายคำถาม แต่ก็ไม่รับคำตอบกลับมา
จนสุดท้ายมีแค่เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้น “อาย่วน…”
เจ้างูถามไปมากมายแต่ไม่ได้คำตอบ จึงเลิกถาม
“เอาล่ะ ข้าไม่ถามแล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าน่าสงสารเลย”
หัวจิ้งจอกได้ยินดังนั้นก็ดีใจและเลียหางงูที่ขาดครึ่ง
ผีทุพพลภาพสองตน เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ฝูเจ๋อเห็นแล้วหมดคำพูด
—————————————————————-

คอมเมนต์

Chapter List