ขอเพียงอ้อมกอด ตอนที่ 9

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 9 ลำธารฉ่านหมิง

ฝูเจ๋อมองดูอาย่วนคายขวดเล็กๆ สีดำออกมาจากปาก เขาบอกว่ามันคือขวดที่บรรจุน้ำยาสีแดง
ขวดสีดำที่เต็มไปด้วยด้วยน้ำลายงู
ฝูเจ๋อกลั้นใจหยิบมันขึ้นมาและเอาผ้าเช็ดน้ำลายงูที่เปียกชุ่มออก
แต่เช็ดไปเช็ดมาเขาก็ถึงต้องตาโต
“เจ้า เจ้าไปเอาขวดนี่มาจากไหน?!”
อาย่วนเอียงคอ “ก็เพิ่งบอกไปเมื่อกี้ไง สู้กับเจ้าเสือดาวชนะเลยได้มา”
“สมองไม่ค่อยดีหรือเปล่านะ…” ประโยคหลังนี้แค่เสียงบ่นพึมพำ
หนุ่มน้อยจ้องมองขวดในมือตาไม่กะพริบ และยังลูบคลำมันตลอดเวลา
อาย่วนดูร้อนใจ แต่ที่จริงเขาก็ใจร้อนมาโดยตลอด
“เจ้ามัวทำอะไรอยู่! รีบหยดมันออกมาจะได้ไปธารฉ่านหมิงเสียที! เจ้าไม่รีบแต่ข้ารีบ!” เจ้างูแลบลิ้นเข้าออกและบิดตัวไปมา
ฝูเจ๋อคิดวกวนในหัว ‘นี่มันขวดของท่านปู่!’
ตัวอักษรสลักคำว่า ‘ฝู’ สัญลักษณ์ และแบบของขวด…แสดงว่าท่านปู่เคยมาที่นี่ เขาแกล้งทิ้งไว้หรือว่าทำตก หรือว่าถูกขโมย?
หากเป็นสาเหตุแรก แสดงว่าท่านปู่บอกใบ้ให้ตามไปที่ธารฉ่านหมิง? หากเป็นสาเหตุที่สอง เท่าที่เขาจำได้ ท่านปู่เป็นคนรอบคอบ ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะทำหล่นหาย
หากเป็นสาเหตุสุดท้าย ฮึ! ดูท่าคงต้องกลับไปคุยกับเจ้าเสือดาวเสียหน่อยแล้ว
เมื่อได้สติ เขาก็เปิดขวดออก และหยดน้ำยาลงไปที่ค่ายกล
และแล้วแสงสีแดงแสบตาก็เปล่งขึ้น ฝูเจ๋อยกมือขึ้นบังตา แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่าที่ใต้เท้ามีการขยับเขยื้อน ลืมตาอีกทีก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว
อาย่วนตะโกนขึ้น “ถึงแล้วๆ ตัวของอาฉี่อยู่ที่นี่แน่ ข้ารู้สึกได้! เจ้ามนุษย์ ช่วยข้าหาสิ! เจ้ารับปากข้าแล้วจะมากลับคำไม่ได้นะ!”
เขาไปรับปากตอนไหน ทำไมจำไม่ได้เลย?
เอาเถอะ กลับไปค่อยไปหาเจ้าเสือดาว ยังต้องอาศัยเจ้างูนำทาง ก็ช่วยมันหน่อย ไม่แน่ที่นี่อาจจะมีของวิเศษด้วยก็ได้
ดูเหมือนว่าจะเป็นการตอบรับการคาดคะเนของฝูเจ๋อ อวี่กวนที่คาดเอวไว้จึงสั่นขึ้นเบาๆ
เขาตบเบาๆ ไปที่อวี่กวน เป็นการบอกให้ใจเย็นๆ
ดูเหมือนอวี่กวนก็กำลังใจร้อนเหมือนกัน
ฝูเจ๋อพูดขึ้น “เจ้างู ข้ามีชื่อนะ ข้าชื่อหลินชวน”
อาย่วนพูดตอบ “ข้าก็มีชื่อ ข้าชื่ออาย่วน!”
ฝูเจ๋อหัวเราะ “อาย่วน เจ้าบอกว่ารู้สึกได้ไม่ใช่หรือ? นำทางไปสิ”
อาย่วนชี้หางไปทางด้านซ้ายข้างหน้า “ไปทางนั้น ข้ารู้สึกได้ นอกจากตัวของอาฉี่ ยังมีอย่างอื่นอีก…หลินชวน เจ้ากลัวไหม?”
ฝูเจ๋อพูด “กลัว? ฮ่าๆ คนเป็นๆ อย่างข้าอยู่ในยมโลกมาหลายปี คำว่ากลัวเขียนอย่างไรข้ายังไม่รู้จักเลย”
อืม ยกเว้นทูตไต่สวนนะ
แล้วก็…ถึงแม้เขาจะรู้จักอักษรหลายตัว แต่ไม่ค่อยได้เขียน นอกจากอักษรบนยันต์ไม่กี่ตัว เขาก็ไม่ค่อยได้เขียนหนังสือเท่าไหร่…
ถ้าเขาจะเขียนคำว่า ‘กลัว’ ไม่เป็น ก็ไม่ต้องแปลกใจ
ฝูเจ๋อสังเกตดูตลอดทาง ที่จริงคือเขาระวังตัวตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง
ที่ที่ยืนเมื่อครู่ค่อนข้างลึกลับ ค่ายกลซ่อนอยู่ข้างลำธาร อาศัยไม้เลื้อยในยมโลกประคองไม่ให้จมลงในน้ำ ออกมาจากลำธารก็เป็นป่าใหญ่ พวกเขาใช้เวลาหนึ่งชั่วยามจึงออกมาได้
ตลอดทางก็เต็มไปด้วย หญ้านรก ต้นกระดูกอะไรทำนองนี้ ก็พอจะใช้เป็นที่กำบังตัวได้บ้าง
แต่ว่า ตลอดทางที่ผ่านมากลับไม่ค่อยเห็นวิญญาณ มีบ้างก็พวกวิญญาณสัตว์ระดับล่าง ซึ่งมันดูไม่ปกติ
ว่ากันตามหลัก ต่อให้ที่ที่แย่กว่านี้ ไม่มีคนหรือผียังพอเข้าใจได้ แต่สำหรับวิญญาณสัตว์มันน่าจะมีบ้าง ที่นี่เหมาะสำหรับพวกมัน จึงไม่น่าจะเงียบเหงาขนาดนี่
หรือว่า จะมีอะไรน่ากลัวอยู่จริงๆ?”
พวกเขาเดินพลางซ่อนตัวไปด้วย คอยสังเกตรอบตัว แต่ทุกอย่างก็เงียบสงบ
อาย่วนรู้ว่าที่นี่อันตราย ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ หัวใจพองโตขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้ลมหายใจอาฉี่กำลังอ่อนลง มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
เดินหน้าต่อไปก็เริ่มได้ยินเสียงน้ำไหล บางทีก็ได้ยิน แต่บางทีก็หายไป
ฝูเจ๋อขมวดคิ้วพูดขึ้น “เสียงอะไร?”
อาย่วนตอบ “ก็แค่เสียงน้ำไหลไม่ใช่หรือ? ยังมีเสียงอะไรอีก?”
ฝูเจ๋อพูด “น้ำไหล? เสียง?”
อาย่วนทำหน้ามึนงง “ก็ใช่ไง ข้าก็ได้ยินแค่เสียงน้ำไหล ไม่เห็นได้ยินเสียงอื่นเลย เจ้าไม่ได้ยินหรือไง?”
ประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้ตั้งใจกลับเป็นปัญหาในตอนนี้พอดี
ลำธาร เป็นสิ่งที่พบได้เป็นปกติในโลกมนุษย์ แต่สำหรับยมโลกเป็นสิ่งหายาก ส่วนมากก็แยกมาจากแม่น้ำลืมเลือน แล้วแม่น้ำที่ว่าก็ไม่มีเสียงน้ำไหลเสียด้วย
เท่าที่ฝูเจ๋อจำได้ เขาไปมาเกือบทุกที่แล้วในยมโลก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงน้ำไหลในโลกแห่งนี้
“ไม่มีเสียงอื่น?ว่ากันว่างูเป็นสัตว์ที่สามารถสัมผัสการสั่นสะเทือนของแผ่นดินได้ ทำไมเจ้าถึงไม่ได้ยินเสียงนั้น?”
อาย่วนพยายามแนบตัวลงกับพื้นเพื่อตั้งใจฟัง
“ไม่มีนี่ เจ้าอย่าดูถูกว่าข้ามีครึ่งท่อน เรื่องอื่นๆ ข้าเก่งหมดนะ อย่างเช่นการรับรสของข้า ในยมโลกนี้มีผีไม่กี่ตนที่ทำได้แบบนี้…เอ๊ะ ไม่ๆๆ มีเสียงฝีเท้ามนุษย์เดินจริงๆ! เข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้ว! หลิน หลินชวน! ทำอย่างไรดี!”
ฝูเจ๋อยืนพิงพักอยู่ที่ต้นกระดูก ต้นไม้ในยมโลกชนิดนี้จะดูดกินวิญญาณเป็นอาหาร จึงไม่มีผลต่อมนุษย์อย่างเขา อาจจะสูญเสียไอสุริยันไปบ้าง แต่คนที่สามารถใช้ชีวิตในยมโลกได้อย่างเขาจะกลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้
แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงอาย่วน เขาก็ตกใจจนแทบไถลก้นกระแทกพื้น
สวรรค์มีตา มีเสียงจริงๆ? เป็นเสียงของมนุษย์ด้วย? พูดอย่างกับว่าเขากลายเป็นสัตว์ไปแล้ว
ใครกัน? หรือจะเป็นท่านปู่?
“ใคร? อยู่ไกลแค่ไหน?”
อาย่วนอยากจะมองบนใส่ หากว่างูทำได้นะ
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใคร รู้แต่ว่าฝีเท้าหนักแน่น ฟังดูคล้ายมนุษย์รุ่นเดียวกับเจ้า แต่ว่า ข้ามั่นใจว่าเขาไม่มีกลิ่นของอาฉี่อยู่บนตัว”
รุ่นราวคราวเดียวกับเขา? อยู่ในยมโลกมานาน ยังไม่เคยเจอคนรุ่นเดียวกันเลย
เจอแต่แก่ๆ และเจ้าเล่ห์ ไม่เช่นนั้นก็พวกงานชุมนุมต่างๆ ที่มีคนพาบรรดาลูกศิษย์มา เจอทีก็เป็นกลุ่มคน
มาเดี่ยว? ก็มีนะ แต่ว่าไม่นานก็ตายแล้ว แม้แต่วิญญาณก็สลายไปด้วย ใครใช้ให้เอาของดีติดมาเยอะแยะ ก็เลยตกเป็นเป้าสายตา
กลับมามองที่ฝูเจ๋อ อย่างแรกคือเขาไม่มีสมบัติอะไร รองมาก็คือเขามักไปในที่ไม่ค่อยมีคน ไม่มีของวิเศษชิ้นใหญ่ ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกับใครเท่าไรนัก
ฝูเจ๋อถามต่อ “มาคนเดียว?”
อาย่วนพยักหน้า
ฝูเจ๋อยืนขึ้น กำลังจะถามต่อว่าคนคนนั้นอยู่ทางไหน ก็พลันรู้สึกว่าแผ่นดินสะเทือนจนล้มลงไปอีก
ฝูเจ๋อสบถขึ้น “อะไรนักหนาวะ!”
ทันใดนั้นก็ปรากฏหญ้าเลื้อยทะลุขึ้นมาจากดิน พันรัดทั้งสองคนเอาไว้จนแน่น ฝูเจ๋อพยายามจะชักกระบี่ที่เอว แต่ปรากฏว่าหญ้าเลื้อยเหล่านั้นกลายสภาพเป็นรากไม้ไปแล้ว มือของเขาถูกรัดกับที่ เขาพยายามดิ้นรน แต่แล้วรากไม้เหล่านั้นก็เปลี่ยนตัวเองจนแข็งเป็นหินไปเสียแล้ว
ตามมาด้วยส่วนขา ลำตัว ตอนนี้ถูกพันไว้หมด หากเขาสามารถก้มมองตัวเองได้คงต้องอุทานว่า ‘ผีหลอก’
แล้วอยู่ๆ ก็มีวิญญาณสัตว์อสูรระดับสูงสี่ตนโผล่มา มันคำรามมาทางเขา ทำเอาเขาตัวชา แม้แต่อาย่วนก็พลอยเป็นไปด้วย
ฝูเจ๋อในตอนแรกไม่คิดอะไร แต่เมื่อเห็นดังนั้นก็รู้ว่าคงสู้พวกมันไม่ได้แน่
เกิดอะไรขึ้น? ก็เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ มันเกิดขึ้นตอนไหน ทำไมดวงซวยแบบนี้?
ดูเหมือนจะเริ่มตั้งแต่ที่เจอกับทูตไต่สวน…
คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เริ่มโอดครวญ ครั้งนี้คงไม่เป็นแบบครั้งนั้นอีกนะ
วิญญาณสัตว์อสูรเพียงแค่มองดูว่ารากไม้จะยึดพวกเขาไว้อยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ก็เดินวนสำรวจและนั่งลงราวกับรอใครบางคน
หรือว่าเสียงฝีเท้านั้น จะเป็นของผู้เป็นเจ้าของพวกมัน?
ถ้าไม่ถูกรัดไว้จนแน่น ฝูเจ๋อก็อยากจะหยิกขาตัวเองดูว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า ทำไมอยู่ๆ ก็มาตกหลุมพรางของคนอื่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
เขาเรียกอวี่กวนเบาๆ แต่ดูเหมือนมันกำลังใจลอย ไม่ได้โต้ตอบเขาเลย ฝูเจ๋ออยากจะร้องไห้ ตนเองกำลังจะตาย เจ้าเพื่อนยากก็มัวแต่ใจลอย ฟ้าคงกำหนดมาให้ตายแน่คราวนี้
ก็ไม่รู้ว่าถ้าเขาตายแล้วจะได้มีกายภูตหรือไม่
ถ้าหากว่าได้กายนั้นมา ก็จะได้ทำอาชีพเดิมต่อ
หลังจากเสียงคำรามของวิญญาณสัตว์อสูร รากไม้ก็ค่อยๆ คายพิษออกมาจนทำให้อาย่วนถึงกับร้องครวญคราง
ตายแน่ ขนาดวิญญาณยังขนาดนี้
ฝูเจ๋อนึกถึงย่ามหยินหยางที่มีของวิเศษ หากจะตายก็ขอสู้สักตั้ง จะได้ไม่เสียชื่อ
น่าเสียดายที่เขาขยับไม่ได้
และน่าเสียดายที่อวี่กวนไม่สนใจเขา
ในตอนนี้หลินชวนผู้มีชื่อในถนนสายนรกสายตะวันออก กำลังโอดครวญราวสตรีอยู่ในใจว่าเขากำลังจะตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม
แต่ว่า คนพวกนี้มักจะดวงแข็ง และก็หมายรวมถึงฝูเจ๋อ
เสียงสิ่งของกระทบกันดังกังวานข้างหู พันธนาการบนร่างคลายออก หลินชวนที่ลืมตาไม่ขึ้นรู้ว่ามีคนมาช่วยและตนกำลังจะรอดแล้ว เพราะเขายังได้ยินเสียงวิญญาณสัตว์อสูรกรีดร้องตามมาด้วย
เอาเป็นว่าตอนนี้เขารอดแล้ว
และเขาก็หมดสติไป
—————————————————————-

คอมเมนต์

Chapter List