ข้ามภพมาเป็นเมียมาเฟีย ตอนที่ 3
บทที่ 3 ถุงเงินจะตบปาก
คิมหันต์เดินออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาคมมองดูถุงเงินที่ตื่นขึ้นมาแล้วแต่ยังคงนั่งอึนหันมาทางเขา จ้องมองแบบทุกฝีเก้าจนมาเฟียหนุ่มต้องหันไปเลิกคิ้วขึ้นว่ามีอะไรถึงได้จ้องมองกันทุกอิริยาบถเช่นนี้
“เข้าไปอาบน้ำได้แล้วไป..อาบเป็นแล้วใช่ไหม”
“แล้วแถวบ้านเธอไม่มีคลองฤา” ถุงเงินถามขณะก้าวลงมาจากเตียง ดวงตากลมโตมองคิมหันต์ที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่
“มีแต่สระบัว..แล้วมายืนจ้องคนอื่นใส่เสื้อผ้าแบบนี้โรคจิตหรือไง” ถุงเงินขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าคิมหันต์พูดเรื่องอะไร แต่ใช่ว่าจะจับใจความไม่ได้ ร่างบางถอยห่างออกแล้วเดินไปเปิดตู้เพื่อเอาผ้าขนหนูของตนเองซึ่งทั้งผืนใหญ่และหนา วันนี้ถุงเงินต้องอาบน้ำเองคนเดียว
“อาบเสร็จก็ลงมาข้างล่างเราจะคุยเรื่องสัญญากัน” ถุงเงินพยักหน้าหงึกๆแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำตามที่เคยแอบมองคิมหันต์ทำซึ่งมันมิใช่ใช้ไม้ลงกลอน ถุงเงินเข้ามาภายในห้องน้ำนี้ครั้งแรกเพราะปกติแล้วเขาต้องไปอาบน้ำที่อีกห้องหนึ่ง ถุงเงินมองไปรอบๆเพราะไม่รู้จักเริ่มจากตรงไหนดี คนตัวเล็กวางผ้าสีขาวผืนหนาเอาไว้แล้วถอดเสื้อผ้าออกช้าๆ เด็กน้อยถุงเงินมาหยุดยืนใต้สิ่งกลมๆที่มีสายลากยาว เขาเคยเห็นบ่าวในที่แห่งนี้ทำมือเล็กจึงค่อยๆหมุนบางอย่างเพื่อให้น้ำไหลลงมา
ซ่าาา ร่างขาวสะดุ้งเมื่อมีน้ำไหลลงมาตามที่หวังคนตัวเล็กจึงรีบใช้มือถูตนเองอย่างรีบเร่งเพราะกลัวว่าจักมีกระไรไหลออกมากับน้ำ ใจจริงเขาอยากอาบน้ำที่ท่ามากกว่าแต่ที่แห่งนี้ดันไม่มี ถุงเงินหยิบเจ้าสิ่งที่เรียกว่าสบู่ขึ้นมาถูตัวจนเกิดฟอง
“หอมแท้” พูดกับตนเองแล้วหอมเจ้าก้อนนี้เข้าปอด รู้สึกผ่อนคลายมากจริงๆ มือเล็กเคลื่อนเข้าไปปิดน้ำแล้วคว้าผ้านั้นมาห่มกายขาวเอาไว้
ถุงเงินเดินลงมาด้านล่างหลังจากมีบ่าวมาสวมใส่เสื้อผ้าให้ ดวงตากลมมองคิมหันต์ที่นั่งอ่านหนังสือบางอย่างอยู่ คนตัวเล็กเข้าไปหยุดยืนตรงหน้า
“ไปนั่งจะมายืนค้ำหัวมองฉันทำไม” ถุงเงินพยักหน้าหันมองบางสิ่งที่นุ่มนิ่มก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงกันข้ามกับคิมหันต์ แต่นั่งมองเท่าใดคนตัวโตกว่าก็ไม่สนใจเขาเสียที ถุงเงินหันมองรอบกายอย่างสำรวจไปด้วย ซึ่งมีชายชุดดำเดินไปเดินมาอยู่ตลอด
“อ่านให้ครบถ้วนทุกตัวอักษร..ถ้าพอใจก็เซ็นลายมือนายลงไป” ถุงเงินกระพริบตาปริบๆแล้วหยิบแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาดู ตัวอักษรเต็มไปหมด คนตัวน้อยพยายามอ่านออกมาให้ได้แต่ก็ดูเหมือนจะยากเกินไปเพราะตัวอักษรรวมถึงคำดูผิดแผกมากจากที่เขาเคยเรียนมา แม้จักมีส่วนคล้ายก็เถอะ ถุงเงินเม้มริมฝีปากซึ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของคิมหันต์ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจแล้วแย่งกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากมือถุงเงิน
“ศักดิ์ชายไปโทรเรียกครูสอนพิเศษมา”ไม่ต้องคิดให้มากความดูก็รู้ว่าอ่านหนังสือได้แต่ไม่คล่อง เด็กอะไรจะโง่เง่าได้ถึงเพียงนี้
“เธออ่านให้เราฟังก่อนมิได้หรือไง”
“เอกสารแบบนี้นายต้องอ่านด้วยตัวเองแล้วตัดสินใจให้แน่ชัด..เพราะถ้าหากนายเซ็นลงไปแล้วชีวิตจะไม่ใช่ของนายอีกต่อไป” คิมหันต์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปทิ้งให้ถุงเงินนั่งหน้าเสียอยู่ตรงนี้ เพราะจับใจความประโยคนั้นแทบไม่ได้ หรือเขาต้องการจักเอาชีวิตของเราไป ถุงเงินเบิกตากว้างเมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ร่างบางรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้นุ่ม
“ประเดี๋ยวก่อน..” ถุงเงินเดินเข้ามาคว้าแขนคิมหันต์เอาไว้
“….”
“เมื่อครู่เธอว่าอย่างไรนะ..ไยชีวิตของเราถึงไม่ใช่ของเรา..นี่อย่าบอกนะว่า…”
“ถ้าโง่นักก็รออ่านหนังสือออกแล้วไปทำความเข้าใจเอง” คิมหันต์กล่าวแล้วดึงแขนตนเองออก ถุงเงินเม้มริมฝีปากกำลังจะเดินตามไปหากแต่ก็มีเสียงหนึ่งเรียกมาจากด้านหลัง
“ถุงเงิน” ดีนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาคนตัวเล็กที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่
“ขอรับ”
“เป็นอะไรทำไมหน้าซีดแบบนั้น” ถุงเงินส่ายหน้าเหมือนว่าไม่มีอะไร
“มิมีกระไรดอกขอรับ” ถุงเงินตอบแล้วหันหลังกลับไปมองคนที่หายไปไหนแล้วก็มิอาจรู้ได้
“มานั่งรอที่โซนรับแขกเถอะครับ..คุณคิมเขาพาคุณครูมาให้สอนหนังสือ” ถุงเงินขมวดคิ้ว
“เรารู้หนังสืออยู่แล้วนะขอรับ” ถุงเงินยกมือขึ้นเกาหัวแต่ขาก็ก้าวเดินตามดีนไป ทั้งสองคนมาที่ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ถุงเงินมานั่งลงรอใครบางคนซึ่งผ่านไปไม่นานก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามา
“นั่งเรียนตรงนี้นะ..พี่จะนั่งเฝ้าอยู่ทางด้านนู้น” ดีนชี้นิ้วไปทางมุมหน้าประตู ถุงเงินพยักหน้าหงึกๆเป็นอันรับรู้ ร่างสูงของบอดี้การ์ดหนุ่มจึงเดินออกไป
“สวัสดีครับ..”
“ขอไหว้ขอรับ” ถุงเงินกล่าวกลับแล้วยกมือขึ้นแนบอกแล้วไหว้ครูท่านนี้ จักมาสอนเขาเรื่องกระไรกันนะ
ตกเย็น ชายวัยกลางคนเก็บกระเป๋าตนเองแล้วเดินออกมาซึ่งเจอเข้ากับคุณคิมหันต์พอดี
“เป็นยังไงบ้าง” คิมหันต์เอ่ยถามสายตาก็มองไปยังคนด้านในที่นั่งท่องหนังสืออยู่
“แปลกครับ..เด็กคนนี้มีความรู้หนังสือเทียบเท่าชั้นครูของสมัยโบราณได้เลย..ผมเลยสอนภาษาของปัจจุบันให้รวมถึงสอนเขียนตัวอักษรแบบใหม่..เขาอ่านเขียนได้อย่างรวดเร็วมากครับสอนอาทิตย์เดียวก็น่าจะพูดได้อ่านได้แล้วครับคุณคิม” คิมหันต์พยักหน้าแล้วส่งเงินจำนวนหนึ่งให้ครูสอนพิเศษคนนี้
“พรุ่งนี้มาเวลาเดิม”
“ครับ..ขอบคุณมากครับ” คิมหันต์พยักหน้าแล้วยืนมองถุงเงินที่กำลังอ่านหนังสือนิทานเด็กอยู่ด้วยรอยยิ้ม เขายืนมองสำรวจอย่างเปิดเผยจนดีนต้องขอตัวเดินออกไปก่อน คิมหันต์มองลำคอขาวเนียนอยู่อย่างนั้นจนคนที่นั่งเล่นอยู่รู้ตัว
“มาแอบมองเราทำไมนะ” ถุงเงินพึมพำเสียงเบาแล้วเก็บหนังสือของตนเองให้รวมกันก่อนจักยกมันขึ้นมา
“ตามฉันขึ้นมาบนห้อง” ถุงเงินหยุดชะงัก กำลังจะเดินผ่านตัวไปได้อยู่แล้วเชียว คนตัวเล็กบุ้ยหน้าแล้วเดินเอาหนังสือไปเก็บไว้ที่ชั้นหนังสือใหญ่ หลังจากทำอะไรเสร็จแล้วร่างบางก็ขึ้นมาบนห้องนอนของคิมหันต์ ดวงตากลมหยุดชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังสูบบางอย่างอยู่แถมยังเปลือยกายท่อนบนอีกต่างหาก
“มะ..มีกระไรรึ” เผลอพูดเสียงกุกกักอีกให้มันได้อย่างนี้สิถุงเงิน คิมหันต์เหลือบสายตามอง
“เรียนเป็นยังไงบ้าง” เอ่ยถามเสียงเรียบ
“ก็เข้าใจง่ายดี..แต่ทำไมเธอต้องให้เราเรียนด้วย..แค่ส่งเรากลับอยุธยาก็เพียงพอแล้ว..” คิมหันต์ส่ายหน้าแล้วขยี้มวนบุหรี่ลง ร่างแกร่งปิดหน้าต่างแล้วเดินเข้ามาหาร่างบาง ถุงเงินเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อคิมหันต์มายืนอยู่ตรงหน้าของตน ใบหน้ากลมเงยขึ้นมองคนที่สูงกว่าหลายขุมแถมแขนล่ำท่อนนี้ก็แทบจักใหญ่กว่าตัวเขาอยู่แล้ว มือหนาเคลื่อนเข้ามาลูบใบหูบางจนถุงเงินชะงักใบหน้าแดง เผลอรู้สึกซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก คิมหันต์เอี้ยวลำตัวลงหมายจักทำบางอย่าง
หมับ! ใบหน้าคมชะงักมองมือน้อยที่ปิดปากเขาเอาไว้
“เธอจักจูบเรารึ” พูดทั้งที่เอวของตนถูกรวบเอาไว้แน่น
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
“มิได้นะ..เราจะกระทำเช่นนั้นอีกมิได้เรายังไม่ได้ตบแต่งให้—-อื้อ!” ถุงเงินหลับตาปี๋เมื่อถูกริมฝีปากหนาทาบลงมาแบบมิทันได้ตั้งตัว เนื้อตัวเล็กสั่นระริกใช้มือดันแผ่นอกกว้างออกเพราะนี่คือจูบแรกจึงทำให้แข้งขาอ่อนแรง แขนใหญ่จึงรวบเอวเด็กคนนี้เอาไว้ก่อนจะอุ้มถุงเงินขึ้นมาโดยใช้แขนรองก้นเอาไว้ ถุงเงินถูกคนตัวโตพามาที่เตียงก่อนแผ่นหลังบางจะแนบติดไปกับฟูกแสนนุ่ม คนไร้ประสบการณ์เมื่อถูกจูบก็เล่นเอาหมดแรงไปเสียดื้อๆ มือเล็กยกขึ้นดันแผ่นอกกว้างให้ห่างออก
“นี่เธอ!..อย่าอ๊ะ” ถุงเงินเอียงคอเมื่อถูกซุกไซ้ซอกคอ มือที่พยายามปรามถูกรวบเอาไว้เหนือหัว คิมหันต์ขบเม้มไปตามลำคอช้าๆ
“นอนนิ่งๆพอ” คิมหันต์พูดเสียงพร่าเมื่อผิวเนื้อเด็กคนนี้นุ่มนิ่มเสียจนหยุดอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะลูบมือไปตรงไหนก็ลื่นไปเสียหมด คิมหันต์ลูบเข้าไปภายใต้เสื้อเนื้อดีแล้วสะกิดยอดตุ่มไตน่ารัก
เพียะ! สายตาคมละขึ้นมองคนที่ใช้มือตีหน้าอกของตนซึ่งนี่มันไม่ใช่ครั้งแรก ถุงเงินดิ้นขลุกขลักพยายามใช้มือปิดริมฝีปากเขา จะก้มหน้าซุกไซ้มือน้อยๆนั่นก็ดันใบหน้าเขาออกอีก
“เราบอกแล้วไงว่าห้าม..หากเราท้องขึ้นมาเล่า” ถุงเงินหลบหลีกเท่าใดคิมหันต์ก็ดูเหมือนจะหาทางให้จงได้
“ไม่ท้องหรอก..อย่าลืมว่าตัวเองเป็นผู้ชาย”
“แต่เราเป็นพิกุลนะจักมิท้องได้อย่างไร” คิมหันต์มองมือที่ดันหน้าตนเอง คำพูดของเจ้าตัวจ้อยทำให้เขานิ่งไปซึ่งคำกล่าวของถุงเงินมันดูคุ้นหูเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามไม่คิดแล้วปล่อยผ่าน ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าจะจับไปส่วนไหนเด็กคนนี้ก็ปัดมือเขาออก คิมหันต์ผ่อนลมหายใจเอือมๆหากเป็นเด็กเลี้ยงคนอื่นมีพฤติกรรมอย่างนี้เขาจะสั่งยิงทิ้งเสีย แต่ถุงเงินกลับถูกใจคิมหันต์ไปหมดไม่ว่าจะส่วนไหนใจจริงแล้วเขาจะกระทำเรื่องบนเตียงทุกวันแต่พอเห็นอีกฝ่ายเดินไม่ถนัดเลยปล่อยไปก่อน แต่พอมาตอนนี้กลับต่อต้านเขาทั้งที่คิมหันต์ไม่เคยใจดีกับใครแบบนี้มาก่อน
“อย่าดื้อถุงเงิน”
“เธอนั่นแหละดื้อ..อึก..เราผิดผีไปแล้วครั้งหนึ่งนะ” คิมหันต์ถึงกลับหน้าตึงเมื่อโดนว่าออกมาว่าดื้อซึ่งไม่เคยมีใครเคยพูดกับเขาแบบนี้
“ฉันจะอธิบายให้ฟังนะถุงเงิน..นี่มันปีสองพันห้าร้อยหกสิบห้าซึ่งฐานะนายในตอนนี้คือเด็กเลี้ยงของฉันต้องคอยมอบความสุขให้ฉัน..และมันไม่ใช่ว่าได้กันแล้วจะเป็นผัวเมียเหมือนกับที่เธอคิด สมัยนี้เรื่องเอากันคือเรื่องปกติ นายได้..ฉันได้ไม่ต้องผูกมัดกัน”
“แต่เราไม่ยอม..เราเป็นเมียเธอแล้วจักมาพูดแบบนี้ได้อย่างไร..ถ้าคุณพ่อรู้–” ถุงเงินเงียบปากไปเมื่อคิมหันต์บีบปลายคางเอาไว้ ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งซึ่งถุงเงินรับรู้ถึงสายตานั้นได้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังกักเก็บอารมณ์บางอย่างไว้ คิมหันต์ผละลุกออกจากการคร่อมตัวเด็กบ้าคนนี้อารมณ์ในกายฉุนกึกจนอยากคว้าปืนขึ้นมาระเบิดสมองถุงเงินเสียให้สิ้น
“ขะ..ขออภัย” ถุงเงินพูดเสียงอ้อมแอ้มเมื่อเห็นคิมหันต์กำลังอารมณ์เสีย เด็กน้อยขยับเข้าไปหาร่างแกร่ง มือบางจับลงบนบ่าคิมหันต์เบาๆ ดวงตาคมหันมองถุงเงินที่ขยับเข้ามาหาตนเอง
“สงสัยประเพณีของเรากับเธอคงมิเหมือนกัน..ตอนนี้เราเองก็ไม่รู้จักกลับบ้านได้อีกเมื่อใด” ถุงเงินพึมพำเพราะเวลาคิมหันต์อารมณ์เสียช่างดูน่ากลัว คิมหันต์มองใบหน้ากลมที่กำลังก้มมองมือตนเองก่อนจะผ่อนลมหายใจแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบซึ่งคราวนี้ถุงเงินให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ร่างบางถูกเอนลงบนเตียงกว้างช้าๆ คิมหันต์เพียงจูบเบาๆแล้วผละออก ซึ่งยามเห็นใบหน้าแสนหงอยของถุงเงินเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงคันยุบยิบที่หัวใจเช่นนี้ ตลอดชีวิตที่เคยมีคู่นอนทุกคนล้วนมีมารยาเป็นของตนเอง อีกอย่างคิมหันต์เคยเปิดประสบการณ์เรื่องเซ็กแค่เพียงสองคนเท่านั้น คราแรกคือหญิงสาวนางแบบคนหนึ่งซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจที่มันยุ่งยากจึงล้วนหาคู่นอนที่มีประสบการณ์ช่ำชอง ส่วนอีกคนก็คือถุงเงินเด็กคนนี้เปรียบเสมือนผ้าขาวก็ว่าได้เพราะไม่ว่าจะสัมผัสไปตรงไหนคิมหันต์ก็รับรู้ถึงความบริสุทธิ์ เป็นครั้งแรกที่คิมหันต์มีอารมณ์ราคะแต่ก็ถูกมอดดับลงได้โดยที่ไม่ฆ่าใครสักคน แขนล่ำตวัดโอบกอดถุงเงินให้ขยับเข้ามาใกล้ตนเอง เขาเป็นคนชอบนอนกอดคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะทั้งๆที่เด็กคนนี้พึ่งเข้ามาในชีวิตของเขา
เช้าในสัปดาห์ต่อมา คิมหันต์นั่งจิบกาแฟอยู่บนเก้าอี้ราคาแพง ดวงตาคมมองข่าวในหนังสือพิมพ์นิ่งๆ ในตอนนี้ถุงเงินเข้ามาอยู่ภายในคฤหาสน์หลังนี้จนครบสองสัปดาห์แล้ว แถมยังดูเหมือนว่าจะเข้ากับทุกคนได้ดีเลยทีเดียวทั้งที่ตอนแรกไม่ว่าจะไปตรงไหนก็สั่นไปเสียหมด จากเดินเกาะชายเสื้อเขาต้อยๆในตอนนี้เดินไปไหนต่อไหนได้คนเดียวแถมยังผูกมิตรกับคนอื่นเขาไปทั่ว
“เดี๋ยวสิพี่ดีน..ทำไมถึงมีแผลได้เล่า” ถุงเงินจับมือคนพี่ขึ้นมาดู แล้วละสายตาขึ้นมองใบหน้าอีกคราซึ่งก็มีแผลไม่ต่างกัน ดีนกำลังยืนตัวเกร็งเพราะมีสายตาของคุณคิมหันต์มองมาอยู่ตลอด
“งานแบบนี้ก็เป็นปกติอยู่แล้วครับอย่าใส่ใจเลย”
“มิได้นะขอรับ” ถุงเงินห้ามอีกฝ่ายที่ไม่สนใจร่างกายตนเองเช่นนี้ มือเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบแผ่นแปะแผลที่เหลือออกมาสองแผ่น หนึ่งอันแปะบนใบหน้าส่วนอีกหนึ่งแปะลงที่หลังฝ่ามือ ดีนเองก็ไม่กล้าขัดน้ำใจอีกฝ่ายทั้งที่ลายมันค่อนข้างจะ…
เคร้ง! แก้วกาแฟกระแทกลงบนโต๊ะตัวกลมจนดีนสะดุ้ง ไม่ต้องมองก็รู้ว่าฝีมือของใคร ร่างแกร่งขอตัวถุงเงินเดินออกมาทันทีจนอีกฝ่ายมึนงงที่ดีนทำเหมือนหนีกระไรอยู่อย่างนั้นแหละ
ถุงเงินขึ้นมาอาบน้ำในตอนเช้าหลังจากลงไปเดินเล่นที่สวน คนตัวเล็กสังเกตเห็นชายชุดดำทุกแผลติดตามร่างกาย
“คุณป้าขอรับ..” สาวใช้วัยกลางคนหันมาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อถุงเงินเดินเข้ามาหาพร้อมใบหน้าที่แฝงความวิตกกังวล
“คะ?” เธอหันมาตอบรับ
คิมหันต์นั่งสูบบุหรี่อยู่ในบริษัท อย่างที่ว่าเมื่อถุงเงินปรับตัวได้ก็ไม่จำเป็นต้องพามาแล้ว ตั้งแต่คืนนั้นมาเขาก็ไม่ได้แตะต้องถุงเงินอีกเลยนอกจากนอนกอดอีกฝ่ายเพราะกลิ่นมันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“สวัสดีครับคุณคิม” คิมหันต์เหลือบมองลูกค้าคนใหม่ที่จะไปคุยงานกับเขาที่คฤหาสน์เนื่องจากเป็นธุรกิจสีเทาที่แห่งนั้นจึงปลอดภัยมากกว่า ซึ่งคู่ค้าของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นมาเฟียของอีกแก๊งหนึ่ง คิมหันต์ยื่นแขนเชิญอีกฝ่ายตามมารยาทซึ่งเวลาไปคุยธุรกิจกันคนของแก๊งนั้นก็มีมากโขจึงมีรถคันสีดำลากยาว
คิมหันต์ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับคู่ค้าซึ่งพอเข้ามาด้านในทุกคนที่มาใหม่ถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดภายในบ้านล้วนมีพลาสเตอร์สีชมพูติดร่างกายเอาไว้คนละแผ่นสองแผ่น คิมหันต์นิ่งไปเหมือนกับช็อกและขายหน้าอย่างหาที่สุดไม่ได้และไม่ต้องเดาว่าเป็นฝีมือใครลายแบบนี้
“คิดว่าทำอะไรอยู่ฮะ..”คิมหันต์กล่าวเสียงห้วนใส่ดีน
“ถุงเงินเป็นห่วงทุกคนเลยเอาพลาสเตอร์ลายคิตตี้ไล่แปะแผลการ์ดทั้งบ้านเลยครับ” คิมหันต์เมื่อได้รับฟังดังนั้นก็ผ่อนลมหายใจหากมีไฟคงถูกพ่นออกมาพร้อมลมหายใจ ดวงตาคิมหันมองคู่ค้าก่อนจะขบกรามแล้วพาเข้าไปที่ห้องรับแขก
“แก๊งของนายแปลกดีนะ” คิมหันต์มองคู่ค้านิ่งเป็นการปรามว่าอย่าพูดอะไรเพราะเขากำลังอารมณ์ไม่ดี ถุงเงินเดินแกว่งแขนผ่านมาพอเห็นคิมหันต์ก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแต่ถูกการ์ดของเขายกแขนขึ้นกันเอาไว้ คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากก่อนจะเดินออกไปไม่เข้ามาด้านใน ซึ่งการปรากฎตัวของเด็กน้อยทำให้มาเฟียต่างแก๊งต้องมองตามตาเป็นมัน
“ช่วยสนใจเรื่องที่เรากำลังจะคุยกันด้วย” คิมหันต์พูดเสียงนิ่งจนคนที่มองตามต้องหันกลับมาสนใจงานเสียก่อน
หลังจากคุยงานเสร็จคิมหันต์ก็ขึ้นมาด้านบนห้องนอน แกร๊ก! เปิดประตูเข้าไปด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ดวงตาคมมองถุงเงินที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ
“คิดทำอะไรลงไปฮะถุงเงิน” เด็กน้อยหันมาขมวดคิ้วใส่เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาก็ดุเขาเลย
“เราทำอะไรให้เธออีก” ถุงเงินกลับเสื้อมาหลังจากใส่ผิดด้านเมื่อครู่
“เอาของพวกนั้นไปแปะให้คนอื่นทำไม” ถุงเงินชะงักเพราะเข้าใจได้ในทันที
“ก็พวกเขามีแผลเราเลยสงสาร”
“พวกมันมีแผลเป็นปกติอยู่แล้ว..อย่าจุ้นให้มากนะถุงเงิน” เด็กน้อยหันมามองคนพี่แล้วบุ้ยหน้า คนตัวเล็กเดินไปที่ประตูมือน้อยยกขึ้นจับลูกบิด
“ว่าเราจุ้นทั้งๆที่เราหวังดีน่าตบปากยิ่งนัก..คนจิตใจกระด้างแบบเธอจักไปรู้กระไร..พวกเขาก็เจ็บเป็นนะคิดว่าตัวเองหนังเหนียวแล้วคนอื่นจักเป็นแบบตัวเองหรือ..เราพูดไปก็เหมือนตักน้ำราดหัวตอ” ถุงเงินพูดจบก็หันพรึ่บทำท่าจะเปิดประตูออกหลังจากมาเตรียมการหนีก่อนที่จะระเบิดคำพูดใส่อีกฝ่าย
กึก กึก กึก กึก หากแต่ประตูบานนี้กลับเปิดไม่ออกเสียอย่างนั้น ถุงเงินพยายามดึงออกก็ไม่เป็นผล
“หึหึ” คิมหันต์หัวเราะในลำคอแล้วก้าวขาเข้ามาหาคนที่ปลดล็อคประตูไม่เป็น
“พูดแต่ละทีก็เหมือนแมวงอแงข้างใบหู..มีอะไรให้ฉันกลัว ตัวเท่าเมี่ยงคิดหรือว่าจะทำอะไรฉันได้นอกจากยืนห่างเป็นเมตรแล้วตะเบงเสียงปากดีอวดฉลาด”
“…….”
“พอเข้าใกล้ก็ตัวสั่นราวลูกนกหลงรัง..นี่หรือคนที่จะตบปากฉัน”
“…….”
“ตบถึงหรือไง ตัวเท่าอกอย่าห้าวเป้งให้มากนัก..”
คอมเมนต์