ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ตอนที่ 1-5
เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 เต่ากักพลังปราณ
เย่ฝานเก็บบัตรที่มีเงินล้านไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ไปยังตลาดดอกไม้และสัตว์เลี้ยง
ในตลาดดอกไม้และสัตว์เลี้ยงมีต้นไม้วางขายอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เย่ฝานสนใจ เย่ฝานเดินดูไปทั่วตลาด ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะไม่ได้อะไรกลับไปแล้วนั้น ก็มีพลังปราณเบาบางดึงดูดเขาไว้
เย่ฝานตามกระแสพลังปราณนั้นไป จนมาถึงร้านขายสัตว์น้ำแห่งหนึ่ง
“เถ้าแก่ เต่าบกตัวนี้ราคาเท่าไร!”
นัยน์ตาทั้งสองของเย่ฝานเป็นประกายขึ้นมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าในที่ที่ขาดแคลนพลังปราณอย่างนี้ จะได้เจอกับเต่ากักพลังปราณ สิ่งที่เรียกว่าเต่ากักพลังนั้นคือ เต่าที่สามารถช่วยในการรวบรวมพลังปราณได้นั่นเอง พบเห็นได้ยากบนชั้นฟ้า ใต้หล้าและในโลกเดรัจฉาน หากปรากฏขึ้นในแผ่นดินของผู้ฝึกตน แน่นอนว่าจะเกิดการแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่เย่ฝานเคยอยู่นั้นก็ไม่เคยพบเห็นเต่ากักพลังปราณ แต่ศัตรูคู่อาฆาตอย่างสำนักกระบี่พิสดารกลับมีเต่ากักพลังปราณอยู่ในครอบครองหนึ่งตัว
น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มีผู้ฝึกตน คนทั่วไปไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังปราณ จึงไม่อาจล่วงรู้ถึงคุณค่าของเต่ากักพลังปราณ แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเข้าทางของเย่ฝาน
“นายท่านช่างตาแหลมคมนัก เต่าตัวนี้เป็นเต่าป่า ดูสีแวววาวของมันสิ กระดองหนาขนาดนี้ ถ้าคุณอยากได้ก็จ่ายมาหนึ่งพันหยวนแล้วเอากลับบ้านไปได้เลย…”
เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ตกลง!” เย่ฝานกระหยิ่มยิ้มย่อง คาดไม่ถึงว่าจ่ายแค่หนึ่งพันหยวนก็สามารถครอบครองเต่ากักพลังปราณได้แล้ว ช่างโชคดีจริงๆ
เจ้าของร้านมองหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเย่ฝานแล้ว ก็แอบคิดในใจว่า : ตั้งราคาต่ำไปซะแล้วเรา!
ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กลับคำขึ้นราคา “นายท่าน เต่าตัวนี้ตั้งใจจะซื้อกลับไปตุ๋นหรือว่าผัดไฟแดงล่ะ! บำรุงร่างกายได้ดีทีเดียว จะให้เฉือดเลยดีไหม”
เย่ฝ่านรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ล่ะ เต่านี่ฉันจะเอากลับไปเลี้ยง ได้ยินว่าเลี้ยงเต่าแล้วจะอายุยืนนี่”
เย่ฝานมองไปยังเต่าที่อยู่ในตู้ปลาด้วยความสงสารแล้วส่ายหน้า พลางนึกในใจว่า : เต่าตัวนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ในโลกของผู้ฝึกตนเต่ากักพลังปราณเป็นสิ่งล้ำค่าที่ได้รับการบูชา แต่อยู่ที่นี่กลับกลายเป็นผักปลาไว้ปรุงอาหาร โชคดีที่เต่าตัวนี้ได้พบกับเขา มันจึงรอดตายในครั้งนี้
เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม นั่นมันเต่าพันปีเชียวนะ เลี้ยงเต่านี่แล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับเจ้าของเอง”
เย่ฝานนำอ่างที่มีเต่าอยู่ภายในไปไว้ในรถ แล้วขับรถกลับอะพาร์ตเมนต์ด้วยความตื่นเต้น
อะพาร์ตเมนต์ที่เย่ฝ่านอาศัยอยู่เป็นสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้ พื้นที่ 160 ตารางเมตรสำหรับเย่ฝานแล้วนับว่าไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้จะแตกต่างกับคฤหาสน์ของตระกูลเย่ราวฟ้ากับดินก็ตาม
…
ณ บ้านตระกูลเย่
“ตอนนี้เย่ฝานอยู่ที่ไหน?”
หวังเสี่ยวเฟยอดงงงวยไม่ได้ เย่หงเหวินไม่ชอบเย่ฝานมาโดยตลอด ทุกครั้งที่พูดถึงเย่ฝานมักจะไม่พอใจเท่าไรนัก หวังเสี่ยวเฟยไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เย่หงเหวินถึงได้พูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่เย่ฝานได้ก่อเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตถึงขนาดนี้
หวังเสี่ยวเฟยยังไม่ทันได้เปิดปากพูด เย่อิ้งหลันก็กล่าวออกมาก่อนว่า “คุณพ่อจะพูดถึงไอ้คนไม่เอาถ่านคนนั้นทำไมคะ? เขามั่วผู้หญิงจนทำตระกูลเย่ของเราต้องอับอายกันไปหมด”
“เพื่อนของฉันบอกว่าเย่ฝ่านเปิดแผงขายยันต์อยู่ใต้สะพานลอย ขายของหลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้าน” เย่หงเหวินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
สีหน้าของหวังเสี่ยวเฟยเปลี่ยนไปทันที ถึงอย่างไรเย่ฝานก็ยังเป็นคนของตระกูลเย่ เขาค้าขายหลอกลวงผู้อื่นแบบนี้ ตระกูลเย่ก็พลอยขายหน้าไปด้วย
“คุณพ่อจะไปสนใจเขาทำไมครับ ใครทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ” เย่จื้อเจ๋อกล่าว
เย่หงเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เย่อิ้งหลันแล้วพูดว่า “เธอเอาเงินไปให้เย่ฝานหนึ่งแสนหยวน เขาจะได้รู้จักสงบเสงี่ยมและไม่ก่อเรื่องให้ต้องขายหน้าอีก”
เย่อิ้งหลันรู้สึกว่าการที่เย่หงเหวินจะมอบเงินให้กับเย่ฝานนั้น เป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ แต่ชั่วขณะนั้นเองเธอก็ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ยังไงเขาก็เป็นญาติผู้พี่ เห็นเขาตกต่ำแบบนี้หนูเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน”
เย่อิ้งหลันรับบัตรมาจากเย่หงเหวิน แล้วพูดกับตนเองว่า : ช่วงนี้กำลังมองๆ กระเป๋าชาแนลอยู่ แต่เพราะเงินขาดมือเลยยังซื้อไม่ได้ คราวนี้ก็ซื้อได้สักที
…
เย่ฝานทำการเก็บกักกำลังภายใน จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวมือและเท้า เมื่อมีเต่ากักพลังปราณประสิทธิภาพในการฝึกจึงสูงขึ้นมาก แต่ในหนึ่งวันเย่ฝานฝึกฝนไปชั่วโมงสองชั่วโมงร่างกายของเขาก็ได้รับพลังปราณจนอิ่มตัวแล้ว จึงไม่สามารถดูดซับพลังได้อีก
เย่ฝานหยิบกระดาษลงอักขระออกมาแล้วเริ่มวาดยันต์ ถึงแม้ว่าการขายยันต์จะไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ยังดีกว่านั่งกินนอนกินโดยไม่ยอมทำอะไรเลย ดังนั้นยันต์ก็ยังคงต้องขายต่อไป แน่นอนว่าหากยันต์ยังขายไม่ออกในสองสามวันนี้ เขาก็คงต้องคิดหาทางค้าขายอย่างอื่นจริงๆ
เย่ฝานอุ้มถังไก่ทอดมานั่งอยู่ตำแหน่งเดิมตรงใต้สะพานลอย
“น้องชาย นายหายไปหลายวันเลยนะ!”
เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็ใช่นะสิ! หลายวันอยู่เหมือนกัน”
“น้องชาย เงินหนึ่งล้านหยวนคงใช้ใกล้หมดแล้วสินะ?” อาจารย์หยวนเอ่ยถาม
เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบกลับไปว่า “ก็ใช้ไปประมาณหนึ่งแล้วล่ะ” เย่ฝานเสียเงินไปกับการซื้อยาวิเศษไม่น้อย เมื่อปีที่แล้วซื้อสมุนไพรไปหลายหมื่นหยวนเลยทีเดียว เขาต้องแช่น้ำโอสถทุกวันทำให้ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสน
อาจารย์หยวนฟังคำพูดของเย่ฝานแล้วยกยิ้มมุมปาก แอบพูดในใจว่า : นี่มันลูกไม่เอาไหน ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ ชัดๆ
ชายหนุ่มแต่งกายหรูหรา ใบหน้าหมองคล้ำ เดินลงมาจากรถปอร์เช่
“อาจารย์รับทำนายดวงชะตาไหม?”
อาจารย์หยวนเอามือลูบเครา แล้วตอบกลับไปว่า “รับสิ”
“น้องชายเกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง แต่ปีนี้เป็นปีชงมีพระเสาร์เข้าแทรก เกรงว่าปีนี้ทั้งปีจะไม่มีอะไรราบรื่นเลย!”
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง พลันพูดว่า “ผมกำลังมีปัญหาจริงๆ ด้วย อาจารย์ ท่านคิดว่าผมควรทำยังไงดี!”
เย่ฝานแอบกลอกตามองบน อาณาจักรสวรรค์มีสำนักแห่งหนึ่งชื่อว่าสำนักเทียนจี ว่ากันว่าเมื่อหมื่นปีที่แล้ว สำนักเทียนจีมีความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก แต่เป็นเพราะแพร่งพรายความลับของสวรรค์เบื้องบนมากเกินไป จึงทำให้ถูกโค่นล่มไปในที่สุด
เล่าลือกันว่าสำนักเทียนจีมีเจ้าสำนักที่สามารถทำนายชะตาให้ผู้คนมากมาย ทว่าการดูดวงชะตานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ผู้ที่ทำนายดวงชะตาให้ผู้อื่นมักจะถูกบั่นทอนอายุขัยของตนเอง กระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลานก็อาจพลอยเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นหมอดูมีชื่อเสียงหลายคนจึงไม่ยอมทำนายดวงชะตาแก่ใครโดยไม่จำเป็น
เย่ฝานไม่แน่ใจว่าอาจารย์หยวนคนนี้กำลังพูดโกหกอยู่หรือไม่ สิ่งที่กล่าวถึงนั้น เย่ฝานเองก็สามารถทำนายออกมาได้ ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่เครื่องแต่งกายแบรนด์ดังทั้งตัวและขับรถหรู แน่นอนว่าต้องเป็นลูกผู้มีเงิน แล้วยิ่งมาดูดวงด้วยความกังวลอย่างนี้ด้วยแล้ว แสดงว่าต้องมีเรื่องกลุ้มใจ คนทั่วไปมักไม่ค่อยมาดูดวง จะมีก็แต่คนที่มีปัญหาเท่านั้นที่หวังพึ่งพาการดูดวงเพื่อขจัดปัญหา แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าใดนักก็ตาม
แน่นอนว่า เย่ฝานมองเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากชะตาของชายหนุ่มคนนี้ แต่จะทำอย่างไรเล่า เพราะเขาไม่ได้มาหาเย่ฝาน และอีกอย่างเย่ฝานก็ไม่อยากจะแย่งลูกค้ากับอาจารย์หยวนด้วย
คอมเมนต์