ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ตอนที่ 1-15
เล่มที่ 1 ตอนที่ 15 งานเลี้ยงบ้านตระกูลอู่
เย่ฝานใช้เวลาหนึ่งคืนเต็มๆ ในการสลักค่ายกลลงไปบนหยก ทำให้ยกชิ้นนี้มีคุณสมบัติในการปกป้องคุ้มภัย
เย่ฝานไปถึงบ้านตระกูลอู่ก่อนเวลางานเลี้ยง เพื่อไปมอบของขวัญชิ้นนี้
ชื่อเสียงของเย่ฝานมีแต่เรื่องเสียหาย คนในตระกูลอู่จึงไม่ให้ความสนใจเขาเท่าใดนัก แต่กลับเป็นหลานชายของเขา อู่หาวเฉียง ที่เป็นคนคอยดูแลและติดตามเย่ฝานตลอดเวลา
“คุณอาเล็ก อยากทานอะไรเพิ่มอีกไหมครับ ผมจะไปเอามาให้?”
“คุณอาเล็ก เมื่อยบ่าหรือเปล่าครับ? มา ผมนวดให้เอง”
“คุณอาเล็ก ดื่มอะไรดีครับ นมสด น้ำผลไม้หรือว่ากาแฟดีครับ…”
…
อู่ซือหานขมวดคิ้ว เมื่อเห็นลูกชายตัวเองอยู่กับเย่ฝาน
ถังหนิงมองอู่ซือหานแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “หาวเฉียงดูชอบคุณอาคนนี้มากเลยนะคะ!”
อู่ซือหานทำหน้ามุ่ย พูดอย่างน้อยใจว่า “ก็ใช่น่ะสิ เด็กคนนี้ไม่รู้โดนของหรือเปล่า ทีกับพ่อของตัวเองไม่เห็นจะดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้”
ถังหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างเถอะค่ะ หาวเฉียงสนิทสนมกับเย่ฝานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนี่คะ”
เย่ฝานมองอู่หาวเฉียงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เอาล่ะ เสี่ยวเฉียง มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ! ไปก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ อยากให้อาช่วยใช่ไหม?”
อู่หาวเฉียงมองหน้าเย่ฝานด้วยสีหน้าไม่สบายใจแล้วพูดว่า “คุณอาเล็ก อย่าเรียกผมว่าเสี่ยวเฉียง[1] ได้ไหมครับ! ฟังแล้วเหมือนเรียกแมลงสาบเลยครับ!”
เย่ฝาน “…” ชื่อนี้พ่อกับแม่นายเป็นคนตั้งให้นะ รสนิยมของสองคนนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ มาโทษอาไม่ได้นะ!
“ผมอยากจะขอบคุณเรื่องยันต์ของคุณอาครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว
เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “ยันต์นั้นนายจ่ายเงินซื้อไปแล้ว ไม่ต้องขอบคุณอาหรอก ว่าแต่นายใช้ยันต์แล้วหรือยัง?”
“ยันต์ 4 แผ่นของผมโดนพ่อทิ้งไปแล้ว ตอนผมไปหา มันก็หายไปแล้วครับ” อู่หาวเฉียงพูดด้วยความน้อยใจ
เย่ฝาน “…”
“แล้วของเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ” เย่ฝานถาม
“หนวนหน่วนมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน เขาได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจ เลยทำให้เสียสติ หลังจากใช้ยันต์ปัดเป่าโรคภัยกับเขา เขาก็ได้สติกลับคืนมา แต่ว่าพ่อแม่ของหนวนหน่วนกลับเชื่อว่าเป็นเพราะวิญญาณบรรพบุรุษคุ้มครอง พี่ชายของเธอถึงได้สติฟื้นคืน ไม่เกี่ยวข้องกับยันต์ พ่อแม่ของหนวนหน่วนช่างโง่เขลาเหมือนกับพ่อของผม!” อู่หาวเฉียงพูดพลางส่ายหน้า
เย่ฝานกะพริบตาพลางถามว่า “เธอรู้สึกว่าพ่อของตัวเองโง่เขลางั้นเหรอ?”
อู่หาวเฉียงครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ความจริงเขาไม่ได้โง่หรอก เขาคร่ำครึต่างหากล่ะ! คนหัวแข็งอย่างเขาไม่ยอมรับสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้โทษเขาก็ไม่ถูกหรอก ถึงอย่างไรเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว จะหัวรั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา”
เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “พูดได้ไม่เลวเลยนะ นายมีหัวคิดมากกว่าพ่อของนายซะอีก”
“คุณอาเล็ก ผมเชื่อครับว่ายันต์ของคุณอาใช้ได้จริง วันหลังคุณอาวาดให้ผมอีกนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว
เย่ฝานลูบหัวอู่หาวเฉียงแล้วพูดว่า “วันหลังอาจะทำหยกคุ้มภัยให้นายสักชิ้นนะ”
อู่หาวเฉียงตอบอย่างตื่นเต้นว่า “ดีเลยครับ”
อู่หาวเฉียงเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “คนตระกูลเลี่ยวมาแล้ว”
…
อู่ซือหานเห็นแขกที่มาเยือนจากบ้านตระกูลเลี่ยวก็รู้สึกไม่พอใจ เดิมทีสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองชางก็ไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง เมื่ออู่อิงแต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของตระกูลอู่และตระกูลเย่แน่นแฟ้นมากขึ้น แต่ต่อมาไม่นานความสัมพันธ์นั้นก็ขาดสะบั้นลง เมื่อเลี่ยวถิงถิงเลือกที่จะลงเอยกับเย่จื้อเจ๋อ ก็กลายเป็นว่าสองตระกูลดองกัน ตระกูลอู่ก็กลายเป็นคนนอกในทันที
เลี่ยวเหอเดินไปหยุดเบื้องหน้าของเย่ฝานพร้อมกับพูดว่า “คุณชายเย่ เรื่องยกเลิกงานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะ เธอก็รู้ว่าตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การแต่งงานต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย เธอกับถิงถิงต่างกันมากเกินไปจริงๆ”
อู่ซือหานสีหน้าเย็นชา เขากุมแก้วเหล้าในมือเอาไว้แน่น นัยน์ตาสาดประกายเกรี้ยวกราด คำพูดของเลี่ยวเหอฟังผิวเผินเหมือนขอโทษแต่ที่จริงแล้วเขากำลังแสดงอำนาจของตัวเองอยู่
เย่ฝานโบกมือพร้อมพูดด้วยความรำคาญว่า “เอาล่ะ คุณไม่ต้องพูดแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่ในสายตาผม ยกเลิกงานแต่งได้ก็ดีแล้วล่ะ บังคับใจกันไปก็ไม่เป็นผลดีต่อใคร”
เลี่ยวถิงถิงได้ยินเช่นนั้น จึงพูดด้วยความโมโห “เย่ฝาน นายคิดว่านายเป็นใคร? ถึงได้กล้าดูถูกฉันแบบนี้”
เย่ฝานมองเลี่ยวถิงถิงแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “คนความคิดตื้นเขินอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจอัจฉริยะอย่างฉันหรอก”
อู่ซือหานได้ฟังคำพูดของเย่ฝานก็ถึงกับอึ้งจนหมดคำพูด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นช่วยระบายความโกรธแค้นของเขาออกไปได้บ้าง
อู่ซือหานกล่าวออกมาว่า “เฒ่าแก่เลี่ยว คุณหนูเลี่ยว เรื่องยกเลิกการแต่งงานกับเย่ฝาน เป็นเรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยนะครับ”
เลี่ยวถิงถิงจ้องมองไปที่เย่ฝานแวบหนึ่ง แล้วไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาอีก
เมื่อเลี่ยวถิงถิงเดินจากไป เย่ฝ่านถึงได้สัมผัสกับความสงบอีกครั้ง
“คุณอา ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นค่าของคุณอา อย่าไปสนใจเธอเลยครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว
เย่ฝานพยักหน้าและพูดว่า “ผู้หญิงหยาบคายอย่างนั้นไม่มีวันอยู่ในสายตาอาหรอก อาของเธอเป็นอัจฉริยะเชียวนะ คู่ครองของอาต้องเป็นคนที่มีความสามารถและดูดีเท่านั้น”
อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้น… คุณอาหมายตาใครไว้แล้วหรือยังครับ?”
“อืม อาหมายตาไว้หนึ่งคน เป็นเป้าหมายใหญ่ของอาเลยล่ะ น่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไร อาของเธอมีจิตใจกล้าหาญ สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างได้อยู่แล้ว” เย่ฝานพูดด้วยความอิ่มเอมใจ
อู่หาวเฉียง “…”
…
เย่ฝานเอนตัวอยู่บนโซฟาราวกับร่างกายไม่มีกระดูก คนบ้านตระกูลเย่กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
เย่หงเหวินเห็นเย่ฝานในสภาพแบบนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที
“แกจะทำอะไรคิดถึงหน้าฉันบ้างได้ไหม” เย่หงเหวินกล่าว
เย่ฝานได้ยินเช่นนั้นก็พูดออกไปว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของพ่อ มายุ่งกับผมทำไม? ผมไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้ว อย่ามาด่าผม”
การที่เย่หงเหวินเดินเข้าไปใกล้เย่ฝานนั้นดึงดูดความสนใจจากคนในห้องโถงไม่น้อย เมื่อคำพูดของแย่ฝานจบลง แขกหลายคนที่แอบมาสอดแนมต่างแอบหัวเราะเยาะขึ้นมา
“ไอ้สารเลว” เย่หงเหวินก่นด่าอย่างไม่พอใจ แล้วเดินจากไป
“คุณอาเล็ก อย่าไปสนใจเขาเลย” อู่หาวเฉียงเอ่ย
เย่ฝานกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ใครอยากสนใจเขากันเล่า อายุ่งจะตาย”
เลี่ยวเหอเดินเข้าไปหยุดข้างกายเย่หงเหวิน ตบบ่าเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะ”
เย่หงเหวินพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้ลูกคนนี้อกตัญญู ทำตัวไม่เอาไหนแล้วยังกล้ากําเริบเสิบสานขนาดนี้”
ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เข้ามาเยือนห้องโถงจัดงานเลี้ยง เมื่อซ่งป๋อฮุย เจียงไห่หลิน เฉียนอวี้และจูจ้งชิวเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน ตระกูลซ่ง ตระกูลเจียง ตระกูลเฉียนและตระกูลจู เป็นอีก 4 ตระกูลใหญ่ในเมืองชางที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาไม่นาน ถึงแม้อิทธิพลจะไม่เทียบเท่าตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเย่และตระกูลอู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ซ่งป๋อฮุยรอให้ผู้คนเข้าไปในงาน แล้วจึงรีบมุ่งมาหาเย่ฝาน
“คุณชายเย่” ซ่งป๋อฮุยเรียกเย่ฝานด้วยความนอบน้อม
เย่ฝานจ้องมองซ่งป๋อฮุยแล้วกะพริบตาถี่ๆ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “อ้าว คุณชายซ่ง ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลวเลยนะ!”
“ก็เป็นเพราะได้คุณชายเย่ช่วยไว้แหละครับ!” ซ่งป๋อฮุยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นายต้องมาเผชิญกับเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อแท้ๆ เพียงเพราะหน้าตาดันไปเหมือนกับผู้ชายคนนั้น” เย่ฝานส่ายหน้าและพูดต่อว่า “แต่พูดไปแล้วมันก็แปลกนะ ความจริงแล้วผีตนนั้นควรจะใช้กลิ่นอายในการตามหาชายชั่วคนนั้น ไม่น่ายึดติดแต่เพียงลักษณะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันเลย”
ทันใดนั้นซ่งป๋อฮุยก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา ตอนที่ถูกผีสาวสิงร่าง บางครั้งเขาจะสามารถสื่อสารกับเธอได้ เธอพยายามกระซิบชื่อของคนคนหนึ่งข้างหูของเขาซ้ำๆ ซ่งป๋อฮุยรู้สึกคุ้นหูจึงไปเปิดดูบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล ก็พบว่าชื่อนั้นอยู่ในบันทึกจริงๆ ชายชั่วที่ทำเรื่องเลวร้ายกับผีสาวตนนั้น อาจเป็นบรรพบุรุษของตระกูลซ่งเอง
“คุณชายเย่ แล้วร่างกายของผมต้องปรับสมดุลยังไงบ้างครับ” ซ่งป๋อฮุยถาม
เย่ฝานเอานิ้วแตะที่ข้อมือของซ่งป๋อฮุยสักพัก จากนั้นหัวเราะพลางพูดว่า “อาการไม่ได้แย่อย่างที่ฉันคิด วันหลังฉันจะเขียนใบสั่งยาสมุนไพรให้นายนะ”
ซ่งป๋อฮุยถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายเย่มากครับ”
เย่ฝานกวาดตามองเหล่าคุณชายแล้วพูดว่า “พักนี้พวกนายอย่าเล่นอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกนะ รอให้หายเสียก่อนค่อยว่ากันใหม่”
ซ่งป๋อฮุยหัวเราะแล้วตอบว่า “คุณชายเย่พูดถูกแล้วครับ”
พวกเขาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันมาก
เฉียนอวี้หันไปมองเย่ฝานอยู่หลายครั้ง สายตาของเขาดูลอกแลกผิดปกติ
เย่ฝานมองไปที่เฉียนอวี้ เขาถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “นายมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า!”
เฉียนอวี้ถึงแม้จะเป็นคุณชายตระกูลดัง แต่กลับมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นยิ่งกว่านักข่าวสายบันเทิงเสียอีก เขาถามเย่ฝานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “คุณชายเย่ ได้ยินว่าคุณไปเกาะแกะแทะโลมคุณชายไป๋เหรอครับ?”
วันนั้นตอนที่เฉียนอวี้เจอเย่ฝานที่ย่านร้านขายยาจีน ก็พอจะรู้แล้วว่าเย่ฝานมีใจให้ไป๋อวิ๋นซี เดิมทีเขาคิดว่าเย่ฝานจะเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว แต่ต่อมากลับได้ยินข่าวว่าเย่ฝานมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับไป๋อวิ๋นซีอีกครั้ง
“เกาะแกะแทะโลม? ฉันเปล่านะ! ฉันแค่จีบเขาเท่านั้น!” เย่ฝานพูดพลางส่ายหน้า
เฉียนอวี้ “…”
“คุณไม่ชอบเลี่ยวถิงถิงแล้วจริงๆ เหรอครับ?” เจียงไฮ่หลินพูดพลางหัวเราะคิกคัก
“ผู้หญิงสำส่อนพรรค์นั้น ฉันไม่สนใจเลยสักนิด!” เย่ฝานพูดถึงหล่อนอย่างดูแคลน
เจียงไห่หลิน “…” ผู้หญิงสำส่อน?
…
ถังหนิงหันไปมองเย่ฝานด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาอู่ซือหาน
“ซือหาน เย่ฝานไปสนิทสนมกับซ่งป๋อฮุยตั้งแต่เมื่อไรกัน! ฉันเห็นพวกเขาคุยกันสนุกเชียว” ถังหนิงเอ่ย
อู่ซือหานกล่าว “ตั้งแต่เย่ฝานออกจากบ้านตระกูลเย่ ก็ชอบเอาเรื่องผีสางเทวดามาหลอกลวงชาวบ้านไปทั่ว ซ่งป๋อฮุยกับพรรคพวกก็ชอบไปยุ่งกับผีสางเทวดา แบบนี้ก็เข้ากันดีไม่ใช่เหรอ?”
แม้อู่ซือหานจะรู้สึกว่าเย่ฝานไม่ใช่คนดีเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นซ่งป๋อฮุยกับพรรคพวกเข้ากันได้ดีกับเขา ตนเองก็ยากที่จะพูดอะไรได้
เลี่ยวเหอถือแก้วเหล้าในมือ มองไปทางเย่ฝานอยู่บ่อยครั้ง
“ถิงถิง เย่ฝานไปสนิทสนมกับซ่งป๋อฮุยตั้งแต่เมื่อไรกัน”
เลี่ยวถิงถิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เลี่ยวถิงถิงขมวดคิ้ว ในใจก็กระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะคบหากับซ่งป๋อฮุยและพรรคพวก ทำให้เลี่ยวถิงถิงที่ทิ้งเย่ฝานไปรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
อู่โหวเซวียนเดินไปยืนข้างๆ อู่ซือหานแล้วเอ่ยว่า “ซือหาน อาโจวมาแล้ว ไปต้อนรับด้วยกันหน่อย”
“ผู้อาวุโสโจวมาร่วมงานด้วยเหรอครับ?” อู่ซือหานอดแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่ได้
แต่ก่อนโจวจิ่นจือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในเมืองหลวง มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ลูกชายและลูกสาวล้วนเรียนอยู่ต่างประเทศ เขาเปิดร้านขายหยกแห่งหนึ่งในเมืองชาง ทว่านั้นก็เป็นแค่กิจการที่เอาไว้ทำแก้เหงาเท่านั้น
ผู้คนมากมายล้วนอยากผูกสัมพันธ์กับโจวจิ่นจือ แต่ก็มักจะล้มเหลว อู่ซือหานคิดไม่ถึงว่าโจวจิ่นจือจะมาร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ในวันนี้ด้วย
มีคนไม่น้อยที่เคยเชิญโจวจิ่นจือไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง อู่ซือหานไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมาโดยไม่ได้เชิญ การมาเยือนของโจวจิ่นจือในครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาแก่บ้านตระกูลอู่อย่างมาก
โจวจิ่นจือทักทายปราศรัยกับอู่เถิงหมิงไม่กี่ประโยคก็เดินตรงเข้ามาหาเย่ฝาน ซ่งป๋อฮุยรีบเคลื่อนตัวหลีกไปเพื่อมอบพื้นที่ให้กับเขา
ซ่งป๋อฮุยมองโจวจิ่นจือ ในใจพลันเกิดความระแวงขึ้น ผู้อาวุโสโจวเข้ามาหาเย่ฝานอย่างเปิดเผยแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขากับเย่ฝานสนิทสนมกันได้อย่างไร?
………………………………………………………………………………………………..
[1] เสี่ยวเฉียง เป็นศัพท์แสลงในภาษาจีน หมายถึง แมลงสาบ
คอมเมนต์