ข้ามมิติลิขิตรักนายตัวเบี้ย ตอนที่ 1-7
เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 คนงามผู้เก่งกาจ
ได้ยินเสียงบุคคลที่สี่ ชายฉกรรจ์ทั้งสองกับหลิ่วเทียนฉีจึงมองหาที่มาของเสียงนั้น
กองฟางด้านข้างขยับไหว พบเด็กหนุ่มสวมเสื้อป่านเนื้อหยาบกำลังโยนฟางรกๆ ในอ้อมกอดทิ้ง ใบหน้าบึ้งตึงก้าวออกมายืนตรงหน้าทุกคน
หลิ่วเทียนฉีจ้องเสื้อผ้าเนื้อหยาบบนร่างเด็กหนุ่มแล้วนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เสื้อผ้าชุดนี้ช่างคุ้นตายิ่งนัก คล้ายกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
อ้อ นึกออกแล้ว ขอทานน้อยที่ถูกผู้คุ้มกันของหอหมื่นสมบัติไล่ออกมาก่อนหน้านี้สินะ?
คิดถึงภาพแผ่นหลังนั่นแล้ว หลิ่วเทียนฉีก็พยักหน้าน้อยๆ ตอนนั้นเขาเห็นแค่แผ่นหลังยังรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องเป็นหนุ่มรูปงาม นาทีนี้ อาศัยเพียงแสงจันทร์สว่างมองใบหน้า ยิ่งทำให้หลิ่วเทียนฉีมั่นใจในความคิดของตน
เด็กหนุ่มดูอายุยังน้อย ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ แม้มีคราบสกปรกบ้างก็ไม่อาจบดบังเครื่องหน้างามเหมาะเจาะได้ ไหนจะดวงตาโตหวานฉ่ำคู่นั้นกับลำคอระหง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นหนุ่มงามชั้นเลิศ
หลิ่วเทียนฉีชื่นชอบเด็กหนุ่มรูปงาม โดยเฉพาะดวงตาหวานฉ่ำกับลำคอระหงของเด็กหนุ่มช่างตรงกับทัศนคติความงาม ถูกรสนิยมของเขาเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าจะทะเลาะกันก็ไปตีกันที่อื่น อย่ามากวนข้านอน!” เด็กหนุ่มเท้าเอวมองพวกเขาสามคนใบหน้ายังคงบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเพราะฝันดีถูกรบกวน
“โอ้ บุรุษสองเพศงั้นหรือ?”
“ใช่ เป็นบุรุษสองเพศที่งามนักเชียว!” ชายฉกรรจ์ทั้งสองต่างจ้องเด็กหนุ่มด้วยสายตาหยาบโลน อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
บุรุษสองเพศแม้สู้สตรีไม่ได้ แต่มีก็ดีกว่าไม่มี ยิ่งงามปานนี้จะกลุ้มไปทำไมเล่า?
“น้องชาย เจ้าอยากนอนหรือ? สู้ให้พี่ชายนอนเป็นเพื่อนเจ้าดีกว่าไหม?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดพลางเข้าประชิดด้วยท่าทีหื่นกระหาย
“ให้มารดานอนกับปู่เจ้าสิ!” เด็กหนุ่มมองมือลามกอวบๆ ข้างหนึ่งยื่นมาที่หน้าตน เขาใช้มือเดียวคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้แล้วหักออกด้านนอก ได้ยินเสียงกร๊อบทีหนึ่ง จากนั้นแขนของชายฉกรรจ์ก็ถูกปัดไปพ้นตัว
“อ๊าก โอ๊ยๆ…” ชายฉกรรจ์กุมแขนตน ส่งเสียงกรีดร้อง
“เจ้าโง่!” เด็กหนุ่มยกเท้าข้างหนึ่งถีบออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิ่วเทียนฉีมองชายฉกรรจ์ที่ถูกถีบกระเด็นมาแทบเท้าตนแล้วดึงยันต์ทองออกมา แสงสีทองเส้นหนึ่งตัดคอของชายฉกรรจ์ในทันที
“ขลุกๆ…” ศีรษะชายฉกรรจ์กลิ้งไปด้านข้างประหนึ่งเป็นลูกบอลหนัง
“เจ้า พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันหรือ?” ชายฉกรรจ์ที่เหลืออยู่อีกคนมองหลิ่วเทียนฉี แล้วชำเลืองมองเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
เด็กหนุ่มได้ยินก็แค่นเสียงอย่างดูถูก
“ช่วยข้าฆ่าเขา แหวนมิติของพวกเขาทั้งสามจะกลายเป็นของเจ้า แล้วข้าจะให้ยันต์ระเบิดขั้นสองอีกสามแผ่น!” หลิ่วเทียนฉีมองเด็กหนุ่มพลางเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
เขารู้แน่ชัดว่าชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าคนนี้ร้ายกาจที่สุด หากตนลงมือจัดการเอง คงต้องเปลืองมือเท้าอยู่บ้าง แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ มองดูการเคลื่อนไหวครู่เดียวก็รู้ วิชาต่อสู้มือเปล่าไม่เลว กำลังก็มีไม่น้อย
ได้ยินคำพูดนั้น เด็กหนุ่มก็กะพริบตาปริบๆ มีทีท่าสนใจ มองมาทางหลิ่วเทียนฉีในคราบเจ้าอ้วนสวมใส่อาภรณ์หรูหราทั้งตัว
เพื่อปกปิดตัวตน หลิ่วเทียนฉีจึงแปลงโฉมเป็นเจ้าอ้วนตุ้ยนุ้ยคนหนึ่ง แถมยังมัดอ่างทองแดงใบหนึ่งไว้ที่พุง ดูอ้วนตุ๊ต๊ะท่าทางร่ำรวยอย่างยิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนายท่านที่เติบโตมากับความหรูหรา
“เจ้าพูดจริงหรือ?” เด็กหนุ่มหรี่ตามองหลิ่วเทียนฉี เอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ บอกตามตรง แม้ไม่มีค่าตอบแทน เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้ากักขฬะสองตัวนี้ไว้ แต่แน่นอนว่ามีค่าตอบแทนให้ย่อมดียิ่งกว่า!
“แน่นอน” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้ารับ หยิบยันต์ระเบิดขั้นสองออกมาสามแผ่น
“พวกเจ้า พวกสารเลวสมคบกันทำชั่ว!” ชายฉกรรจ์มองคนทั้งสองที่กำลังตกลงกัน ส่งเสียงด่าทอดังลั่น แต่ไม่ได้รับความสนใจ
มองเห็นยันต์ในมือหลิ่วเทียนฉี หัวใจเด็กหนุ่มก็พลันยินดี “เจ้าเอายันต์ให้ข้าก่อน! ข้าจะฆ่าเขาให้”
“ไม่ เจ้าฆ่าเขาก่อน แล้วข้าค่อยให้เจ้า!” หลิ่วเทียนฉีส่ายศีรษะ ไม่มีทางตกลง
“เฮอะ!” ชายฉกรรจ์เหวี่ยงหมัดต่อยใส่เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มเบี่ยงกายหลบการโจมตีแล้วเหวี่ยงหนึ่งหมัดโจมตีเข้าใส่
หลิ่วเทียนฉีมองเด็กหนุ่มต่อยเตะสองสามทีก็อัดชายฉกรรจ์ร่วงลงไปกองกับพื้น เขาเลิกคิ้วอย่างชื่นชม พลางคิด ‘ไม่เพียงเป็นหนุ่มรูปงาม หมัดก็ร้ายกาจเอาเรื่องเช่นกัน!’
“เจ้าสารเลว!” ชายฉกรรจ์เห็นเด็กหนุ่มลงมือโจมตีตนเพียงเพื่อจะเอายันต์วิเศษไม่กี่แผ่นก็ส่งเสียงดัง ปล่อยเถาวัลย์เส้นแล้วเส้นเล่าออกมา มัดมือเท้าของเด็กหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว
“เฮอะ!” เด็กหนุ่มสบถเสียงดังคำหนึ่ง บนแขนขาของเขาเกิดเปลวเพลิงสีแดงลุกโชน เผาเถาวัลย์ของชายฉกรรจ์จนขาด
“ไป!” เด็กหนุ่มพลิกมือ โยนลูกบอลเพลิงลูกหนึ่งออกไป ซัดชายฉกรรจ์ปลิวในทันที
“อ๊าก…” ชายฉกรรจ์กรีดร้อง หน้าอกถูกเผาเป็นรูเบ้อเริ่มรูหนึ่ง ศพล้มคว่ำลงกับพื้น
“ตายแล้ว!” เด็กหนุ่มพูดพลางถอดแหวนมิติของทั้งสามคนออก เหลือบตาไปทางหลิ่วเทียนฉีที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
หลิ่วเทียนฉีเอายันต์ป้องกันแผ่นหนึ่งแปะไว้บนร่างตน เกิดม่านป้องกันชั้นหนึ่งที่ปกป้องตนไว้ด้านใน จากนั้นจึงวางยันต์วิเศษสามแผ่นในมือไว้บนพื้น
“เจ้ามาเอาเองคงได้สินะ?” หลิ่วเทียนฉีพูดจบก็หมุนตัวออกวิ่ง
เด็กหนุ่มมองตามไป พริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงา จึงยิ้มพลางส่ายศีรษะยกใหญ่ ก้าวเข้าไปหยิบยันต์วิเศษบนพื้น ในใจคิดว่าเจ้าขี้ขลาดนั่นจำต้องหนีเร็วปานนี้เชียว? เขาน่ากลัวปานนั้นเลยหรือ?
คอมเมนต์