ข้ามมิติลิขิตรักนายตัวเบี้ย ตอนที่ 1-8
เล่มที่ 1 ตอนที่ 8 หลิ่วเทียนฉีฟ้อง
หลิ่วเทียนฉีแปะยันต์ป้องกันแผ่นหนึ่งกับยันต์เพิ่มความเร็วอีกแผ่นเสร็จก็เผ่นกลับจวนตระกูลหลิ่ว เขาถึงห้องตนเองในหนึ่งชั่วยามพลันใบหน้าเปลี่ยนกลับคืน
เขามองใบหน้าที่กลับคืนดังเดิมในกระจกสำริด ลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งกับเวลาที่พอดิบพอดี
นึกถึงเด็กหนุ่มรูปงามในตรอกจึงยกมุมปาก หนุ่มงามตัวน้อยเก่งกาจเอาเรื่อง น่าเสียดายที่พลังของตนอ่อนเกินไป อยากพูดกับผู้อื่นอีกสักหลายประโยคก็กลัวถูกฆ่าทิ้ง!
เฮ้อ ดูท่าต้องคิดหาวิธีเลื่อนระดับพลังของตนขึ้นมาเสียแล้ว!
………
หลายวันต่อมา
หลิ่วเทียนฉีรับศิลาทิพย์สามร้อยก้อนของเดือนนี้ที่ตระกูลให้จากเรือนท่านลุงใหญ่ มีสีหน้าดีอกดีใจขณะเดินกลับ แต่ระหว่างทางถูกหลิ่วเทียนลู่เข้ามาขวาง
“พี่หก ท่านหาข้าหรือ?” หลิ่วเทียนฉีจ้องหลิ่วเทียนลู่ที่มาขวางทางตน ฉากหน้าแสร้งทำท่าหัวอ่อนว่าง่าย แต่มือกลับลอบกระตุ้นศิลาบันทึกภาพชิ้นหนึ่ง
“เจ้าขยะน้อย ส่งเบี้ยหวัดของเจ้ามา!” หลิ่วเทียนลู่เอ่ยปากขอเบี้ยหวัดของหลิ่วเทียนฉีอย่างไม่เกรงใจ
“พี่หก ศิลาทิพย์สามร้อยก้อนนี่ตระกูลมอบให้กับข้า แล้วทำไมข้าต้องมอบให้ท่านด้วยเล่า?” หลิ่วเทียนฉีหดคอ ท่าทางขี้ขลาดไม่คลาย
“ทำไม? เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ หลอกเอาศิลาทิพย์มากมายปานนั้นจากพี่สี่ของข้า ข้าแค่ขอให้เจ้าคืนกลับมาจะเป็นไรไป?” หลิ่วเทียนลู่ถลึงตา จ้องอีกฝ่ายพลางเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องถูกต้อง
“พี่หก ข้าไม่ได้หลอกเอาศิลาทิพย์จากพี่สามพี่สี่นะขอรับ ก่อนหน้านี้ท่านทำร้ายข้าจนบาดเจ็บภายใน พี่สามกับพี่สี่เห็นข้าป่วยหายใจรวยริน ถึงมอบศิลาทิพย์ให้ข้าไปซื้อโอสถรักษาอาการบาดเจ็บ” หลิ่วเทียนฉีพูดความจริงโต้กลับ
“ฮึ เจ้าพูดเช่นนี้ จะโทษข้างั้นสิ?” หลิ่วเทียนลู่ฟังจบก็กัดฟันด้วยความโกรธ
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่ความผิดของพี่หก เป็นข้าเองที่มีพลังอันน้อยนิด ถึงได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนั้น” หลิ่วเทียนฉีรีบร้อนคัดค้านพลางส่ายศีรษะ พลังของเขาในตอนนี้ยังสู้อีกฝ่ายไม่ได้
“รู้ก็ดี เจ้าขยะไร้ประโยชน์จะต้องการศิลาทิพย์ไปทำไมเล่า? ศิลาทิพย์ให้เจ้ามันช่างสิ้นเปลือง ฉะนั้นเอามาให้ข้าเสีย!” หลิ่วเทียนลู่ยื่นมือมาตรงหน้าอย่างเรียกร้อง
“พี่หก ท่านพ่อของข้าใกล้จะออกมาแล้ว ข้าอยากใช้ศิลาทิพย์เหล่านี้ซื้อใบชาให้ท่าน!”
“เฮอะ ซื้อใบชาหรือ ท่านอาสามเป็นผู้ใช้ยันต์ขั้นสี่ ซื้อเองไม่ได้หรือไงกัน? ยังต้องใช้ศิลาทิพย์ทำไมอีก เจ้ารีบเอาศิลาทิพย์มาให้ข้าดีกว่า!” หลิ่วเทียนลู่พูดแล้วก้าวเข้ามาอีกสองก้าว
“พี่หก ข้า ข้า…” หลิ่วเทียนฉีหดร่าง แสร้งทำท่าหวาดกลัว
“มัวพูดมากทำไม เอามา!” พูดอีกครั้งพลางใช้มือเดียวแย่งศิลาทิพย์ถุงนั้นไปจากมือหลิ่วเทียนฉี
“พี่หก ท่านเหลือนิดหน่อยไว้ให้ข้าเถอะ ข้าอยากซื้อใบชาให้ท่านพ่อ!” หลิ่วเทียนฉีรั้งแขนเสื้อของหลิ่วเทียนลู่ พยายามขอร้อง
“ถอยไป แสร้งเป็นลูกกตัญญูต่อหน้าข้าให้มันน้อยๆ หน่อย ขยะน้อยอย่างเจ้ากตัญญูอีกเท่าใดก็ไร้ประโยชน์!” หลิ่วเทียนลู่เอ่ยต่อ ยังคงใช้มือเดียวผลักหลิ่วเทียนฉีออกอย่างรำคาญ
“อ๊ะ…” หลิ่วเทียนฉีอุทานด้วยความตกใจที่ถูกผลักล้มไปกองกับพื้น
“เจ้าขยะน้อย ข้าขอเตือนเจ้า ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องนี้ ครั้งหน้าข้าจะซ้อมเจ้าอีก ซ้อมเจ้าให้ตายไปเลย!” หลิ่วเทียนลู่ทิ้งคำข่มขู่ไว้ จากนั้นถือถุงศิลาทิพย์ที่แย่งมาแล้วกระหยิ่มยิ้มย่องเดินจากไป
หลิ่วเทียนฉีหมอบอยู่บนพื้น มองแผ่นหลังของหลิ่วเทียนลู่ที่ห่างออกไปก็ปิดศิลาบันทึกภาพ ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ ‘ไอ้หนู คิดจะมาสู้กับข้าหรือ เจ้ายังอ่อนไปนะ!’
หลิ่วเทียนฉีลุกขึ้น มองสภาพอเนถอนาจของตนก็ยิ้มหยัน หมุนตัวเดินไปทางเรือนของท่านลุงใหญ่
“ท่านลุงใหญ่!” เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถง มองเห็นท่านลุงใหญ่นั่งอยู่ตรงที่นั่งเจ้าบ้านก็ทำตาแดงร้องเรียก รีบก้มตัวคุกเข่าตรงหน้าลุงใหญ่หลิ่วเจียง
“ฉีเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” หลิ่วเจียงมองหลานชายที่ทั้งร่างเปื้อนฝุ่นดิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำก็มีสีหน้าสงสัย
“ท่านลุงใหญ่ เบี้ยหวัดของข้าถูกพี่หกแย่งไปแล้ว ขอท่านลุงใหญ่ให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วย!” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยถึงตรงนี้ดวงตาก็เริ่มแดง ร่ำๆ นาทีต่อไปจะเจ็บช้ำน้ำใจจนส่งเสียงร้องไห้
“หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” หลิ่วเจียงได้ฟังเรื่องราว เป็นอันตกตะลึงอย่างยิ่ง
“จริงแท้แน่นอน ขอท่านลุงใหญ่ให้ความเป็นธรรมกับข้า เอาเบี้ยหวัดกลับมาให้ข้าด้วย!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางโขกศีรษะคำนับหลิ่วเจียงเสียงดังสามหน
“ฉีเอ๋อร์ไม่ต้องทำเช่นนี้ รีบลุกขึ้นเถิด!” หลิ่วเจียงรีบร้อนพยุงหลิ่วเทียนฉีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ใครสักคนมานี่ซิ ไปตามน้องรองกับเทียนลู่มา!” หลิ่วเจียงหันหน้าไปสั่งบ่าวไพร่ให้เป็นคนไปเรียกทั้งสองมา
“ขอรับ นายท่านใหญ่!” ข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ตรงประตูขานรับ หมุนตัวเดินออกไป
คอมเมนต์