เล่มที่ 1 ตอนที่ 13 ชำระเส้นปราณตัดกระดูก

หนึ่งชั่วยามให้หลัง
“หมอเหยา ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วเหอมองหมอเหยาที่ส่ายศีรษะติดกันหลายทีหลังจับชีพจร เอ่ยถามอย่างกังวล
“อาการบาดเจ็บภายในของนายน้อยเจ็ดช่างหนักหนายิ่งนัก ข้ามีโอสถรักษาอาการบาดเจ็บที่ตัวอยู่เม็ดหนึ่ง อีกประเดี๋ยวนายท่านสามให้นายน้อยเจ็ดกินเสีย! หลังกินไม่นานน่าจะได้สติกลับมา แต่หากท่านสามต้องการให้นายน้อยเจ็ดหายดี เกรงว่าต้องไปซื้อโอสถชั้นดีสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บภายในสักหลายเม็ดถึงจะช่วยได้”
“อืม ขอบคุณหมอเหยามาก! ข้าจะจำไว้!” หลิ่วเหอพยักหน้า รับโอสถมาป้อนให้บุตรชายที่อยู่บนเตียง
“แค่กๆๆ…”
หลิ่วเทียนฉีเบี่ยงศีรษะไอพักหนึ่ง จงใจใช้แขนเสื้อแตะปากนิดหน่อย อาศัยจังหวะเก็บโอสถในปากเข้าไปในแหวนมิติ เขาไม่ได้บาดเจ็บภายในจริงๆ เสียหน่อย แน่นอนว่าย่อมกินโอสถของอีกฝ่ายไม่ได้
“ฉีเอ๋อร์ ฉีเอ๋อร์!” หลิ่วเหอมองเห็นบุตรชายบนเตียงไอรุนแรงอยู่พักหนึ่งก็รีบร้อนเข้ามาประคองไหล่
“ปอดของนายน้อยเจ็ดได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะฟื้นคืนสภาพเดิม”
“อืม ข้าทราบแล้วหมอเหยา หลิ่วถง ส่งหมอเหยา!” หลิ่วเหอพูดพลางหยิบศิลาทิพย์ถุงหนึ่งส่งให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณนายท่านสามหลิ่วเป็นอย่างยิ่ง!” หมอเหยารับศิลาทิพย์มาแล้วเดินออกไปกับหลิ่วถง
เวลาผ่านไปคล้ายดื่มชาหนึ่งถ้วย หลิ่วถงถึงกลับมาในห้องฝึกตนอีกครั้ง
“หลิ่วถง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมหลิ่วอู่กับหลิ่วเทียนลู่ต้องทำร้ายลูกชายข้าด้วย?” หลิ่วเหอมองผู้เฒ่า เอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม
“นายท่านสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายน้อยเจ็ดถูกทำร้ายนะขอรับ คุณหนูห้ากับนายน้อยหกมักรังแกเขาเสมอ ก่อนหน้านี้นายน้อยเจ็ดคิดถึงความเป็นพี่น้องไม่สืบสาวเอาความ แต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน นายน้อยหกลงมือกับนายน้อยเจ็ด ทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก ต่อมาเขาก็แย่งเบี้ยหวัดไปอีก เพราะอย่างนั้นนายน้อยเจ็ดจึงไปฟ้องนายท่านใหญ่ เขาคงคิดแค้นอยู่ในใจกระมัง วันนี้ถึงได้มาทำร้ายอีก เรื่องเหล่านี้นายน้อยเจ็ดให้ผู้น้อยแอบบันทึกไว้ทั้งหมด เชิญท่านดูเถิด!” หลิ่วถงพูดพลางส่งศิลาบันทึกภาพสามก้อนให้หลิ่วเหอ
หลังรับไปดูทีละก้อน หลิ่วเหอยิ่งโกรธแค้น “เด็กเวร เด็กเวรสองคนนี้!”
“นายท่านสาม ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้นายน้อยเจ็ดนะขอรับ! นี่ นี่เป็นใบชาที่นายน้อยเจ็ดตั้งใจซื้อให้ท่าน นายน้อยเจ็ดคุกเข่าอยู่นอกห้องฝึกตนของท่านมาเดือนกว่า เพราะคิดถึงท่าน อยากพบท่าน อยากมอบใบชานี่ให้ท่านกับมือ!”
หลิ่วเหอมองใบชาเปื้อนเลือดห่อนั้นที่ผู้เฒ่าส่งมาด้วยขอบตาแดงก่ำ “ฉีเอ๋อร์ เป็นพ่อเองที่ไม่ปกป้องเจ้าให้ดี!”
“นายท่านสาม!”
“หลิ่วถง เจ้าอยู่ที่นี่เฝ้าฉีเอ๋อร์ บนประตูศิลามียันต์ป้องกันที่ข้าทำไว้ ผู้ใดก็เข้ามาไม่ได้ ข้าจะไปหาท่านพ่อ!” หลิ่วเหอพูดพลางมองบุตรชายบนเตียงอีกที จากนั้นหมุนตัวออกไป
“ขอรับ!” หลิ่วถงขานรับ มองส่งหลิ่วเหอออกจากห้องฝึกตน
………
หนึ่งชั่วยามต่อมา
เมื่อหลิ่วเทียนฉีฟื้น หลิ่วเหอก็กลับมาในห้องฝึกตนแล้ว
“ฉีเอ๋อร์ ลูกตื่นแล้วหรือ?” หลิ่วเหอเห็นบุตรชายบนเตียงค่อยๆ ฟื้นตื่นก็เอ่ยเรียกเสียงเบา
“ท่านพ่อ ท่านออกมาแล้ว?”
“อืม พ่อออกมาแล้ว หลังจากนี้พ่อจะไม่เก็บตัวฝึกฝนอีก ไม่อยู่ห่างฉีเอ๋อร์อีกแล้ว!” หลิ่วเหอพูดพลางมองไปทางบุตรชายของตนอย่างปวดใจยิ่ง
“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไร” หลิ่วเทียนฉีส่ายศีรษะเบาๆ เตรียมจะลุกก็ถูกบิดาประคองไว้
“ฉีเอ๋อร์อย่าเพิ่งลุก อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าสาหัสนัก นี่โอสถ หลังจากนี้ลูกต้องกินหนึ่งเม็ดทุกวัน!” หลิ่วเหอพูดพลางส่งโอสถขวดหนึ่งให้บุตรชาย
“ทำให้ท่านพ่อต้องกังวลใจเพราะเจ้าขยะอย่างข้าคนนี้เสียแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีมองบิดาพลางเอ่ยด้วยสีหน้าเยาะหยันตนเอง
“ฉีเอ๋อร์ ลูกพูดเหลวไหลอะไรน่ะฮึ?”
“หรือไม่ใช่เล่าขอรับ? ลูกเป็นขยะของตระกูลหลิ่ว ต่อให้อาการบาดเจ็บหายจะทำอะไรได้อีก? ชีวิตลูกถูกกำหนดมาให้ผู้อื่นรังแก ให้ผู้อื่นทำร้าย!” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็รู้สึกช้ำใจ น้ำตาไหลรินลงมา
“ฉีเอ๋อร์ ลูกจงวางใจ รออาการบาดเจ็บของลูกหายดี พ่อจะเชิญหมอเหยามาชำระเส้นปราณตัดกระดูก สร้างแก่นกระดูกให้เจ้าใหม่ พ่อจะไม่ให้เจ้าเป็นคนไร้ประโยชน์และไม่มีทางให้ผู้ใดรังแกเจ้าได้อีกเป็นเด็ดขาด!” หลิ่วเหอมองบุตรชายพร้อมให้คำสัญญา
“ท่านพ่อ? ท่านไม่ได้หลอกลูกนะ? ท่านยินดีชำระเส้นปราณตัดประดูกให้ลูกจริงๆ หรือ?”
“เด็กโง่ พ่อจะหลอกลูกได้อย่างไรเล่า?”
“ขอบคุณท่านพ่ออย่างมากขอรับ!” ก่อนหน้านี้ หลิ่วเทียนฉีเพียงคิดสร้างจุดอ่อน บีบให้หลิ่วเทียนลู่ไม่กล้าลงมือกับตนอีกเท่านั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่างานนี้จะได้เรื่องน่ายินดีเสียยิ่งกว่า บิดาถึงกับจะชำระเส้นปราณตัดกระดูกให้เขา น่ายินดีเกินไปแล้ว