ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ ตอนที่ 5-1
บทที่ 5 เมตตาที่หมายถึงรักและเมตตา (1)
เซี่ยหลิงหยาเก็บบัตรนักศึกษาของตัวเองกลับไป ไม่สนใจเฮ่อจุนที่ส่งเสียงเอะอะอยากดูรายละเอียดให้ชัดเจน ก่อนหน้านี้เขามีธุระต้องขอลากิจเลยยังไม่ได้คืนบัตรนักศึกษา จึงติดอยู่ในกระเป๋าตลอดมา
เฮ่อจุนสับสนเล็กน้อย แม้อาจารย์เซี่ยดูแล้วยังวัยรุ่นมาก แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่ายังเป็นเพียงนักศึกษา…นี่คือที่สิ่งที่เขากล่าวกันว่า คนเก่งมากพรสวรรค์มักซ่อนอยู่ในเมืองอันวุ่นวายสินะ!
เฮ่อจุนถาม “มองไม่ออกว่าอาจารย์เซี่ยยังเรียนอยู่ ทำการบ้านเสร็จยังมีเวลาไปเรียนคาถาอีกหรือ…”
เซี่ยหลิงหยายังทำให้ประหลาดใจ
“ฉันมีแพลนจะสอบปริญญาโทต่อด้วย ตกใจไหมล่ะ”
เฮ่อจุน “…”
…
หลังเฮ่อจุนกดกริ่งหน้าบ้าน หญิงงามวัยกลางคนก็ออกมาเปิดประตู เฮ่อจุนเรียกเธอว่าอาสะใภ้
อาสะใภ้เฮ่อเบี่ยงตัวให้พวกเขาเข้ามาพลางพิจารณามองเซี่ยหลิงหยา ใบหน้าสงสัยเล็กน้อยราวกับคาดไม่ถึงว่าคนที่เฮ่อจุนแนะนำมาจะอายุน้อยขนาดนี้ แถมยังหน้าตาดีมาก ถ้าบอกว่าเป็นดาราเธอก็เชื่อ
เธอเองก็ไม่เชื่อในเทพเจ้า แต่เพราะเรื่องฝันร้ายเกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เธอยังคิดว่าอาจเป็นกลอุบายของพวกสิบแปดมงกุฎ
เฮ่อจุนแนะนำ “นี่คืออาจารย์เซี่ยจากอารามเป้าหยางครับ!”
อาสะใภ้เฮ่อทักทายอย่างมีมารยาท “ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”
ความจริงทุกคนต่างทราบดีว่า เธออาจจะไม่เคยได้ยินชื่ออารามเป้าหยางมาก่อน อารามเป้าหยางทั้งเล็กและเงียบเหงาเกินไป ถึงแม้ตั้งอยู่ในเขตที่เจริญรุ่งเรืองแต่ก็ยังไม่มีใครรู้จักอยู่ดี
เฮ่อจุนมองเข้าไปในบ้านแต่ไม่เห็นใครจึงเอ่ยถาม “อาล่ะครับ?”
“ได้รับสายก็ออกไปแล้ว รอก่อนนะ” อาสะใภ้เฮ่อเชิญพวกเขานั่งลง รินน้ำชาต้อนรับแล้วส่งข้อความบอกสามี
เฮ่อจุนเห็นความสงสัยบนใบหน้าของอาสะใภ้ นึกอยากพิสูจน์ว่าคนที่เขาเชิญมานั้นเป็นผู้วิเศษจึงรีบสร้างโอกาสทันที “อาจารย์เซี่ย อาสะใภ้เคยบอกว่าช่วงนี้มักรู้สึกหนาวแปลกๆ ตอนกลางวัน คุณมีวิธีอะไรทำให้เห็นผลทันตามั้ย”
อาสะใภ้เฮ่อหัวเราะเหอะๆ แต่ก็แอบคาดหวังเล็กน้อยเช่นกัน
เซี่ยหลิงหยาคล้อยตามคำแนะนำของเฮ่อจุน ยกมือตั้งท่าหลิงกวน ทว่าเขาเพิ่งยกนิ้วกลางขึ้นมา อาสะใภ้เฮ่อก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เธอ…”
คำถามนี้ฉันตอบได้!
เฮ่อจุนเห็นแล้วก็แย่งตอบทันที “ผมตอบเอง! แม้ดูแล้วคล้ายมาก แต่อันจริงที่นี่เป็นท่าหลิงกวนในลัทธิเต๋า ใช้ขับไล่ป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้!”
อาสะใภ้เฮ่อ “…”
เซี่ยหลิงหยามองท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งของอาสะใภ้เฮ่อ แอบอธิษฐานในใจว่าท่านมหาเทพปรมาจารย์ต้องให้ผมยืมพลังสักหน่อยแล้ว ด้วยเหตุนี้ก็ถือโอกาสยกมือซ้ายทำท่าหลิงกวน ระลึกถึงหวังหลิงกวน ส่วนมือขวาก็กุมข้อมือของอาสะใภ้เฮ่อครู่หนึ่ง
แม้ว่าเซี่ยหลิงหยาไม่เคยทำงานสายนี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรทำให้เจ้าของบ้านคิดว่าเขาเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ
อาสะใภ้เฮ่อรู้สึกว่าพอเซี่ยหลิงหยากุมข้อมือของเธอแล้ว กลิ่นอายเย็นเยียบแปลกๆ ที่อยู่รอบตัวก็จางหายไปทันที ความรู้สึกอ่อนเพลียที่อธิบายไม่ได้ตลอดหลายวันก็หายไปเช่นกัน คล้ายกับได้รับแสงแดดอุ่นๆ
“นี่…” อาสะใภ้เฮ่อแสดงสีหน้าแปลกใจกระทั่งหวาดกลัวเล็กน้อย เนื่องจากเห็นด้วยตาตัวเองว่า เซี่ยหลิงหยาเพียงแค่กุมข้อมือเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น
เรื่องนี้อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ไหม? เธอพลาดตรงไหนไปหรือเปล่า?
อาสะใภ้เฮ่อยังไม่ได้คำตอบ หน้าประตูก็มีเสียงลอดเข้ามา
…
“ประธานหวัง นักพรตซือเชิญข้างในครับ” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้น
“คุณอา?” เฮ่อจุนหันไปมองทันที
ผู้ที่เข้ามาพร้อมกับอาเฮ่อยังมีผู้ชายอีกสองคน คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมมีสง่า อีกคนหนึ่งเป็นวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลา พอมองดีๆ แล้วก็คาดไม่ถึงว่าเป็นซือฉางเสวียนนักพรตชุดแดงที่เซี่ยหลิงหยาเคยเจอที่อารามไท่เหอ
วันนี้ซือฉางเสวียนไม่ได้สวมชุดนักพรต สะพายเป้หนึ่งใบ พอแต่งตัวแบบนี้แล้วดูเหมือนคนธรรมดามากยิ่งขึ้น ทว่าเมื่อเขาตวัดแววตาใสกระจ่ายมองเข้ามาข้างในกลับเจือความเย็นชาเหนือมนุษย์
สายตาของเขาตกลงบนร่างเซี่ยหลิงหยา หยุดค้างสองวินาทีถึงเลื่อนออก
เซี่ยหลิงหยาทั้งตกใจทั้งดีใจ ตกใจที่ทำไมถึงมีการเชิญนักพรตมาอีกคน ดีใจที่นักพรตคนนี้คือซือฉางเสวียนซึ่งเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองอันดับหนึ่งของเขา
สีหน้าของอาเฮ่อกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง อธิบายว่า “นี่คือประธานหวังเพื่อนอา เขาได้ยินเรื่องราวที่นี่จึงตั้งใจเชิญนักพรตซือจากเมืองเอกประจำมณฑลมาช่วยเหลือ…อาพลาดเองที่ไม่สื่อสารให้ดี”
สีหน้าเฮ่อจุนไม่น่ามองทันที
ประธานหวังคนนั้นมองเซี่ยหลิงหยา พูดพลางยิ้ม “นี่คือหลานชายประธานเฮ่อกับเพื่อนหรือ ทำไมสายงานนี้ถึงมีแต่เด็กวัยรุ่นแถมยังหน้าตาดีแบบพวกเธอกัน แต่ปัญหาเดียวไม่ต้องรบกวนถึงคนที่สองหรอก นักพรตซือเป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะในนิกายเจิ้งอี เดิมทีฉันตั้งใจว่าจะไปเชิญเจ้าอารามเฉินที่อารามไท่เหอ แต่ใครจะคิดว่าบังเอิญเจอนักพรตซือเสียก่อน ครั้งนี้เชิญมาได้ก็เพราะเขามาร่วมพิธีอธิษฐานขอฝนที่อารามไท่เหอจัดขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่ได้โอกาสดีๆ แบบนี้ พวกเธอเห็นไหม สองวันก่อนฝนก็ตกแล้ว”
ประธานหวังมีสีหน้าภาคภูมิใจ แสดงท่าทางเป็นเกียรติที่ตัวเองเชิญมาได้ประจบซือฉางเสวียนไปรอบหนึ่ง
คุณอาเฮ่อลำบากใจอย่างมาก แม้ประธานหวังเจตนาดี แต่กลับตัดสินใจนำคนมาเองโดยพลการจนเขารับมือไม่ทัน โดยปกติธุรกิจของเขาต้องพึ่งพาอาศัยประธานหวังบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก
อาสะใภ้เฮ่อก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเหมือนกัน คนหนึ่งคืออาจารย์เซี่ยที่เพิ่งจับข้อมือก็ทำให้เธอผ่อนคลายสดชื่นขึ้น อีกคนหนึ่งได้ยินว่าฝนที่ตกเมื่อสองวันก่อนเป็นเขาอธิษฐานมา…คนแรกยังพอทำเนา แต่คนหลังนี่เกินจริงไปหรือเปล่า??
เฮ่อจุนไม่พอใจ “นั่นก็ควรมาก่อนได้ก่อนด้วยเหมือนกัน!”
บรรยากาศยิ่งทวีความอึดอัดทันที
เซี่ยหลิงหยาต้องการหาเงินก็จริง แต่หลังจากได้เห็นซือฉางเสวียนก็อยากทำความรู้จักกับอีกฝ่ายให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยแย้งขึ้น “ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้างั้นทุกคนก็มาดูด้วยกันเถอะ นักพรตซือคงไม่ถือสาใช่ไหม?”
สำหรับประธานหวังเหมือนเป็นการแข่งขันกันด้วยความสามารถ เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองนักพรตซือ
“แล้วแต่” ซือฉางเสวียนตอบเสียงเรียบ
มาถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต่างอยู่ต่อ
คอมเมนต์