ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ ตอนที่ 8-2

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 8 ขายยันต์ (2)

พอยายหวังมาถึงอารามเป้าหยางก็เห็นว่านักดื่มชาที่ซื้อยันต์กลับไปพร้อมเธอเมื่อวานกำลังรุมล้อมจางเต้าถิงพลางถกเถียงบางอย่าง
ลองฟังดูยายหวังถึงรู้ว่ายันต์ของพวกเขาก็ใช้ได้ผลดีมากเหมือนกัน เธอตะลึงไปชั่วครู่ แต่มีคนหนึ่งไม่ได้นำไปติดไว้ หลังมาถึงแล้วได้ยินคนอื่นบอกว่าใช้ได้ผลก็สันสนมึนงงไปชั่วขณะ
ยายหวังค่อนข้างเป็นคนที่พูดจาขวานผ่าซาก แขวะว่า “ลูกสะใภ้ฉันบอกว่าแช่น้ำยาอะไรหรือเปล่าจึงไล่ยุงได้ แต่ฉันลองสำรวจดูแล้ว นอกบ้านก็ไม่มียุงเหมือนกัน หรือว่าน้ำยาจะแยกได้เองว่าบ้านฉันหลังไหน?”
นักดื่มชาคนอื่นยิ้มเจื่อน ความจริงแล้วพวกเขาก็สงสัยมากเหมือนกัน เดี๋ยวก็สงสัยว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจของแต่ละคน เดี๋ยวก็คิดว่ามีหลักการทางวิทยาศาสตร์ข้อไหนอธิบายได้บ้างไหม เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น
ของแบบนี้ว่ากันว่าหากเชื่อก็มีอยู่จริงไม่เชื่อก็ไม่มีอยู่จริง แต่ยุงไม่ใช่ผลสรุปที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงมากนัก
จางเต้าถิงพูดอย่างมั่นใจ “หากพวกคุณสงสัยจะลองนำกระดาษยันต์ไปตรวจสอบก็ได้นะ”
นักดื่มชาได้ยินแล้วก็มองหน้ากัน รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลอกลวง
“บนยันต์เขียนด้วยอักษรจ้วนลายเมฆที่คนโบราณสร้างสรรค์เลียนแบบเมฆบนท้องฟ้า จากนั้นก็เขียนลงบนกระดาษยันต์เพื่ออธิษฐานขอพรปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ นำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน มันสอดคล้องกับหลักการธรรมชาติ ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ดี ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวัฒนธรรมหนึ่งในสมัยโบราณ สืบทอดมาได้หลายพันปีย่อมไม่ได้ไร้หลักการเสียทีเดียว”
จางเต้าถิงแจกแจงจบในครั้งเดียว พูดจนทุกคนคิดว่ามีเหตุผล จึงพากันพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ บนโลกนี้ยังมีเรื่องราวอีกมายมายที่วิทยาศาสตร์ให้คำตอบไม่ได้ มีผู้วิเศษเหตุการณ์แปลกๆ มากขนาดนั้น ใครจะรู้ล่ะว่ายันต์แผ่นนี้มีหลักการใดอยู่เบื้องหลังกันแน่?
ยันต์ไล่ยุงอาจพบเห็นได้น้อย แต่พวกเขาหลายคนรู้จักยันต์ทารกร้องที่มีชื่อเสียงมากในสังคม เคยได้ยินการยืนยันจากหลายคนหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวตัวเองบอกว่า ยันต์ทารกร้องช่วยให้ทารกหยุดร้องกลางดึกได้ ฟังว่าเป็นเพราะเด็กทารกค่อนข้างมีสัญชาตญาณ ดังนั้นจึงมีตัวอย่างที่ใช้ได้ผลมากมาย
“เอ่อ…นักพรตจาง วิหารหลิงกวนเข้าไปได้รึยัง? ฉันอยากไปกราบไหว้สักหน่อย” ยายหวังเดิมทีศรัทธาในลัทธิเต๋าอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งคิดว่าอารามเป้าหยางศักดิ์สิทธิ์จริงๆ จึงถามออกไปแบบนี้
“ยังเข้าไม่ได้ครับ ตอนนี้เข้าได้แค่วิหารซานชิงกับวิหารเหวินชาง” จางเต้าถิงตอบ
อันที่จริงไม่ได้บูรณะเทวรูปใหญ่โตอะไร แค่เปลี่ยนทองแดงออกเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องปิดวิหารหลิงกวนก็ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ดูเหมือนว่าท่านปรมาจารย์จะไม่ชอบเทวรูปที่ชำรุดของตนเองในตอนนี้ ใครเข้าไปจุดธูปกราบไหว้ธูปก็จะดับ…คงอยากใช้รูปลักษณ์ใหม่พบปะผู้ศรัทธา
ยายหวังจะเข้าไปกราบไหว้ นักดื่มชาคนอื่นๆ ทบทวนในใจแล้วก็ตามไปจุดธูปกราบไหว้เทพซานชิงด้วย เดิมทีพวกเขาไม่ได้เชื่อถือศรัทธา แต่หลังซื้อยันต์ไล่ยุงแล้วก็เหมือนได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่ แม้ไม่ได้เชื่อทั้งหมด แต่ก็เกิดจิตใจที่เคารพยำเกรง จึงจุดธูปกราบไหว้เพื่อให้จิตใจสงบ
ตอนนี้คนที่มาลานข้างหน้ายิ่งมากขึ้น คนอื่นๆ ก็ทราบเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน เมื่อวานตอนที่พวกเขาซื้อยันต์ไล่ยุงกลับไปมีหลายคนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่คนที่จ่ายเงินซื้อมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ยิ่งตอนนี้ได้ยินว่าได้ผลจริงๆ ก็ล้วนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กระทั่งเริ่มสงสัยว่าเป็นหน้าม้าหรือเปล่า
นักพรตจางเต้าถิงไม่ได้ฉวยโอกาสนี้โฆษณาขายอย่างขะมักเขม้น สุดท้ายแล้วมีเพิ่มมาแค่ราวเจ็บแปดคนที่เต็มใจซื้อยันต์ของที่นี่กลับไปเพราะอยากทดสอบดูว่าได้ผลจริงหรือเปล่า
ยันต์ไล่ยุงแผ่นละยี่สิบหยวน จางเต้าถิงลองถามพวกเขาว่าต้องการยันต์แบบอื่นด้วยไหม อย่างเช่นยันต์ปกป้องบ้าน ยันต์แก้ปวดหัว หรือยันต์ช่วยย่อยอาหาร
เซี่ยหลิงหยาแบ่งเวลาไปวาดยันต์ แม้ปริมาณงานไม่มาก แต่พิจารณาแล้วว่านี่เพิ่งเริ่มต้นเขาก็พึงพอใจมากแล้ว
ยันต์ไล่ยุงเป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ดึงดูดผู้คน เขาถึงขั้นวางแผนไว้แล้วว่าเมื่อทุกอย่างอยู่ตัวแล้วก็จะลดปริมาณไปจนถึงขั้นหยุดขาย เขาไม่อยากให้อนาคตทุกคนพูดถึงอารามเป้าหยางแล้วต้องพูดถึงยากันยุงขึ้นมาด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะได้ไม่คุ้มเสีย ต้องดูแลภาพลักษณ์ให้สมดุลสักหน่อย วางขายยันต์ชนิดอื่นบ้าง


เนื่องจากช่วงนี้เซี่ยหลิงหยาขยันวาดยันต์ ปริมาณการใช้ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงเจียดเวลาออกไปซื้อกระดาษยันต์กับชาดแดงเพิ่ม เขาไปซื้อชาดแดงที่ร้านยาจีนก่อน จากนั้นค่อยไปซื้อกระดาษเหลือง
เซี่ยหลิงหยาสะพายกระเป๋าเป้บนไหล่ ตอนที่ซื้อกระดาษเหลืองเจ้าของร้านเห็นเขายังวัยรุ่นแถมสะพายกระเป๋าหนังสือ จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “นักเรียน เธอซื้อของพวกนี้ไปทำไม? ทำงานวิชาหัตถกรรมหรือ?”
“…” เซี่ยหลิงหยาคิดว่าเถ้าแก่คนนี้ช่างอารมณ์ขันจริงๆ ถ้าเขาทำงานหัตถกรรมจริงๆ คงไม่ซื้อกระดาษเหลืองหรอก
ร้านนี้จำหน่ายพวกลูกประคำ เทวรูป และกระดาษเหลือง แถมยังมีถุงแพรกับยันต์สำเร็จรูปด้วย เถ้าแก่ร้านพูดพลางก็เสนอขาย “นักเรียนสนใจยันต์มั้ย ร้านเรามียันต์ช่วยให้สอบผ่านด้วยนะ”
“ยันต์ช่วยให้สอบผ่าน? มียันต์แบบนี้ด้วยหรือครับ?” เซี่ยหลิงหยาแปลกใจมากว่าทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน คิดว่าตัวเองเรียนได้หลากหลายแล้วแท้ๆ พอเห็นแล้วก็พบว่ายันต์นั้นลอกลายมา
เถ้าแก่ตอบฉะฉาน “แน่นอนว่ามี ลัทธิเต๋ามียันต์เบ็ดเตล็ดมากมายครอบคลุมสรรพสิ่ง ต้องการด้านไหนก็มีทั้งนั้น แม้แต่รักษากลิ่นปากหรือแก้ท้องผูกยังมี นับประสาอะไรกับช่วยให้สอบผ่านล่ะ เธออาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ อย่ามองว่ายันต์ของเราลอกลายมา แต่ต้นฉบับเป็นไต้ซือท่านหนึ่งวาดขึ้น มีประสิทธิภาพแน่นอน”
เซี่ยหลิงหยายกมุมปาก เวลานี้พลันเห็นเงาคุ้นเคยกลุ่มหนึ่งผ่านหน้าร้าน ถูกดึงดูดความสนใจไปทันที
เถ้าแก่ร้านมองตามสายตาเขาไปนอกร้าน พบว่ามีนักพรตห้าหกคนยืนอยู่ข้างนอก เขาโพล่งว่า “ดูเหมือนว่าเป็นเหล่านักพรตจากอารามไท่เหอนะ”
เซี่ยหลิงหยาล้วงเงินมาวางบนโต๊ะ พลางหอบกระดาษเหลืองใส่ในกระเป๋าเป้
“เธอรีบไปไหนเนี่ย?” เถ้าแก่ร้านพูด เมื่อเห็นชาดแดงในกระเป๋าเป้เขาโผล่มาแวบหนึ่งจึงไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ชั่วขณะ
“ไว้เจอกันใหม่นะเถ้าแก่ ผมเห็นศิษย์พี่ผมแล้ว” เซี่ยหลิงหยาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง
เถ้าแก่ร้าน “…”
เขามองเซี่ยหลิงหยาสะพายกระเป๋าเป้วิ่งออกไปด้วยตาปริบๆ แถมไปหานักพรตเหล่านั้นจริงๆ พอทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันเขาก็ตบหน้าผาก “พ่อหนุ่มนี่ เป็นนักพรตก็ไม่บอกให้เร็วกว่านี้!”
แล้วเขาจะขายยันต์ช่วยให้สอบผ่านทำบ้าอะไรเนี่ย!

นักพรตสองสามคนจากอารามไท่เหอมองเซี่ยหลิงหยา ไม่รู้ว่าซือฉางเสวียนได้เพื่อนใหม่ที่นี่ตั้งแต่ตอนไหน
ซือฉางเสวียนอธิบายรวบรัดว่าเซี่ยหลิงหยาเป็นคนของอารามเป้าหยาง รู้จักกันเพราะเรื่องฟางเจิ้นซิงเก็บเงินได้พร้อมกับคุณอาเฮ่อครั้งก่อน แม้อารามเป้าหยางเล็กมาก แต่พวกเขาซึ่งเป็นนักพรตในท้องที่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง แถมมีคนรู้จักกับหวังอวี่จี๋ด้วยจึงคุยกับเซี่ยหลิงหยาสองสามประโยค
รู้จักกันก็นับเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกึ่งหนึ่งแล้ว นักพรตเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ผ่อนคลาย กลับยังค่อนข้างตึงเครียดด้วย บอกซือฉางเสวียนเป็นนัยอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่าควรไปได้แล้ว
เซี่ยหลิงหยามองด้วยความใคร่รู้ ไม่ทราบว่าพวกเขามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า
ซือฉางเสวียนมองเซี่ยหลิงหยาด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย
เซี่ยหลิงหยาเข้าใจสถานการณ์ทันที พวกเขาส่วนใหญ่คงกำลังยุ่งกับเรื่องเฉินซานเซิง เฉินซานเซิงพ่ายแพ้จากการประลองคาถา สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งไม่ได้ประกาศต่อภายนอกด้วย ถึงอย่างไรก็คงน่าอับอายอยู่บ้าง อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าอารามเชียวนะ
ครั้งก่อนเขาเดาความจริงได้ก็จริง แต่ย่อมไม่พูดออกมาต่อหน้าคนเหล่านี้ เขาเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “นักพรตทุกท่านไว้เจอกันใหม่นะครับ เอ่อ วันหน้าถ้าหากพวกคุณจัดกิจกรรมอะไรก็ชวนอารามเป้าหยางของเราไปได้นะ ฮ่าๆๆ”
เมื่อก่อนหวังอวี่จี๋ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม เซี่ยหลิงหยาพูดขนาดนี้แล้ว ทุกคนก็ได้แต่รับปากอย่างมีมารยาท
เพื่อไม่ให้ถ่วงเวลางานคนอื่น เซี่ยหลิงหยาตระหนักว่าควรกลับได้แล้ว
ทว่าเรื่องบังเอิญก็คือหลังจากเซี่ยหลิงหยาลงรถประจำทางกลับมาถึงอารามเป้าหยาง คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอพวกซือฉางเสวียนอีกครั้ง แต่พวกเขาไม่เห็นเขา แถมยังตรงไปยังสถานที่หนึ่ง
เซี่ยหลิงหยาคิดดูแล้วก็ไม่เข้าไปทักทาย ถือโอกาสกลับอารามไปฝึกวาดยันต์ต่อ เนื่องจากเฮ่อจุนกับเพื่อนร้องขอมา ผนวกกับตอนนี้เพิ่งเปิดกิจการใหม่ เซี่ยหลิงหยาจึงวาดยันต์ป้องกันตัวหลิงจู่[1]จำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมนำออกมาขาย
สุดท้ายก็ฝึกวาดไปได้สักพัก พอออกไปต้มน้ำเซี่ยหลิงหยาก็เห็นเถ้าแก่ร้านขายของใกล้ๆ เข้ามาบอกทุกคนว่า “ไอหยา ฉันเพิ่งกลับมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต มีนักพรตแก่คนหนึ่งตกลงมาจากไซต์ก่อสร้างแถวถนนหมิงซี ฉันลองไปดูเหตุการณ์ นักพรตขาหักไปเลยล่ะ”
ไซต์ก่อสร้าง? เซี่ยหลิงหยาเบิกตากว้างเล็กน้อยทันที วางกาน้ำในมือลงแล้วกลับเข้าไปข้างใน
มาแล้วๆ โอกาสที่จะได้ประยุกต์ใช้สิ่งที่เรียนมา โอกาสที่จะได้แสดงฝีมือมาถึงอีกแล้ว
เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าวจางเต้าถิงก็ออกมาจากข้างในพอดี เห็นท่าทางรีบร้อนของเขาก็ถามส่งๆ “นายจะไปไหนน่ะ?”
เซี่ยหลิงหยาตอบด้วยเสียงที่กล้าหาญ “ไปหยิบกระบี่ของฉัน!”
“?!” จางเต้าถิงพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว “บอสจะเอาไปฟันใคร?”

[1] ในที่นี้หมายถึงหวังหลิงกวน

คอมเมนต์

Chapter List