ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ ตอนที่ 9-2

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 9 ล้างคำสาป (2)

สำนักเต๋ามีมากมาย แบ่งตามสำนักที่มีการสืบทอดได้เป็นสำนักฉวนเจิน สำนักเจิ้งอี สำนักเหมาซาน สำนักเหลาซานเป็นต้น ยังมีสาขาแยกย่อยอีกนับไม่ถ้วน หากแบ่งตามปรมาจารย์และผู้ก่อตั้งที่บูชายังมีสำนักเจิ้งหยาง สำนักฉุนหยาง สำนักจื้อหรานเป็นต้น
อารามของเซี่ยหลิงหยาบูชาหวังหลิงกวน นับเป็นส่วนน้อยของสำนักเต๋าทั้งหมด แน่นอนว่าหญิงชราไม่อาจรู้จักในตอนนี้
ทว่าเซี่ยหลิงหยาได้ยินหญิงชราด่าตัวเองแบบนี้ก็ไม่เบิกบานใจแล้ว “ส่วนแกเกรงว่าเป็นไม่ได้แม้แต่เดรัจฉานน่ะสิ ยายหมอผีเฒ่า ลำพังแค่พวกมันตายไปก็น่าเวทนาพอแล้ว แกยังกักขังพวกมันเอาไว้อีก”
เขาคิดในใจว่าหญิงชราคนนี้อาจจะเป็นคนร่ายคำสาปชั่วร้ายบนเงิน ทั้งยังเป็นคนที่ประลองคาถากับเจ้าอารามเฉินซานเซิงแห่งอารามไท่เหอด้วย แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ พูดกับซือฉางเสวียนและนักพรตอารามไท่เหออีกคนหนึ่ง “ผมได้ยินว่ามีนักพรตกระโดดลงมาจากตึกนี้ คิดว่าผิดปกติจึงตามมาดู”
“ขอบคุณมาก คุณเซี่ย” นักพรตอารามไท่เหอที่นั่งอยู่บนพื้นประสานมือขอบคุณ
“พวกแกอย่างเพิ่งรีบดีใจไป” แววตาของหญิงชราสะท้อนความดุร้าย มือทั้งสองข้างบิดเข้าหากันกลายเป็นท่าทางที่ซับซ้อน ก่อนจะเริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง
เซี่ยหลิงหยามือไวตาไว ก้มเก็บอิฐที่เหลือจากการก่อสร้างขึ้นมาขว้างออกไปทันที
“ปึก!” เสียงกระแทกดังขึ้น หญิงชราตั้งตัวไม่ทัน แม้เบี่ยงตัวหลบได้เล็กน้อย แต่ใบหน้ายังมีเลือดไหล
เซี่ยหลิงหยา “เอ๋? ร่างกายแข็งแรงมาก!”
ซือฉางเสวียน “…”
นักพรตอารามไท่เหอ “…”
เซี่ยหลิงหยาแปลกใจ “มองฉันทำไม ฉันไม่รอให้แม่นั่นร่ายคาถาจบหรอกนะ?”
ประสบการณ์จากผู้อาวุโสหลายรุ่นบอกว่าอย่ารอให้ศัตรูร่ายคาถาจบโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นคุณก็จะต้องจบเห่อย่างแน่นอน น่าเสียดายที่เขาไม่คาดคิดว่าพลังของหญิงชราคนนี้กลับไม่ลดลงเลย แถมยังตอบสนองได้เร็วมาก ถ้าหากขว้างอิฐโดนเข้าอย่างจัง เขาไม่ใช่ว่ากู้สถานการณ์นี้ได้หรือ?
หญิงชราถูกขว้างอิฐใส่ก็ยิ่งทวีความเคียดแค้น เช็ดเลือดบนใบหน้ากับหน้าศพชายชราบนตัก ตัวเธอกลับดูอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
เซี่ยหลิงหยาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายชั่วร้ายบนร่างศพเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ทันใดนั้นศพก็ลุกขึ้นนั่ง หลายส่วนบนใบหน้าเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
นักพรตอารามไท่เหอมีสีหน้าเปลี่ยนไป ด่าว่า “มันเสียสติไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ศพสามีตัวเองยังหลอมได้”
เซี่ยหลิงหยาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ฟังจากน้ำเสียงนักพรตแล้ว การที่ศพถูกหลอมเพื่อควบคุมนั้นเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีต่อผีร้ายแน่นอน
หญิงชราพิงกำแพง เธอไม่มีเรี่ยวแรงพอจะพูดคุยแล้ว กลอุบายเมื่อครู่สูบพลังของเธอจนเกลี้ยง
ซือฉางเสวียนขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้ พูดเสียงทุ้มกับเซี่ยหลิงหยา “ปิดผนึกที่นี่”
เดิมทีเซี่ยหลิงหยาไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไง แต่เห็นสายตาเขามองแผ่นยันต์บนพื้นเหล่านั้นก็เข้าใจทันที พยักหน้าแล้วก้มตัวเก็บรวบรวมยันต์ทั้งหมดขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปด้านข้าง
ตรงนี้เป็นย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรือง เขานำยันต์ป้องกันตัวหลิงจู่ไปติดไว้บนประตูหน้าต่างและทางเข้าออก ประโยชน์ของยันต์ป้องกันตัวหลิงจู่หลากหลาย เช่นขับไล่ปีศาจกำราบภูตผี ปกป้องตัวเอง อเนกประสงค์อย่างยิ่ง
โชคดีที่เขานำมาด้วยจำนวนหนึ่ง พื้นที่แห่งนี้ใหญ่เกินไป เดิมทีอาจจะสร้างเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ในหนึ่งชั้นทะลุถึงกันได้เกินครึ่ง หากติดยันต์แค่แผ่นเดียวคงไม่เพียงพอ
ซือฉางเสวียนกับนักพรตอารามไท่เหอกุมกระบี่เข้าปะทะกับผีดิบ เซี่ยหลิงหยาติดยันต์แต่ละที่ สุดท้ายแล้วยังขาดอีกหลายแผ่น เขาลนลานทันที ถือโอกาสหยิบชาดแดงที่เหลือออกมา ใช้นิ้วจุ่มชาดแดงวาดยันต์บนกำแพงแทน
ที่นี่ยังตกแต่งไม่เสร็จ หลายแห่งยังไม่ติดหน้าต่าง เซี่ยหลิงหยาหันหลังวาดยันต์ ได้ยินเพียงนักพรตอารามไท่เหอตะโกนเสียงดังว่า “ระวัง!” พลันมีพลังอินจู่โจมเข้าหาจากข้างหลัง เขารีบหันหลังถือกระบี่กันไว้
วิญญาณเขียวดวงหนึ่งจู่โจมเข้ามาปะทะกับกระบี่ตรีรัตน์ของเซี่ยหลิงหยาอย่างรุนแรง จึงส่งเสียงร้องโหยหวนอีกครั้ง ร่างกายมันสลายไปโดยพลัน นี่เป็นผีร้ายเพียงตัวเดียวที่หนีกลับเข้าไปรักษาตัวในกระปุก
เซี่ยหลิงหยาสัมผัสได้ถึงแรงโจมตีกลุ่มหนึ่งจนตัวเอนไปข้างหลัง ร่างกายครึ่งท่อนยื่นออกไปนอกหน้าต่าง เขาคิดในใจว่าฉิบหายแล้ว อีกเดี๋ยวต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลในสภาพเดียวกันกับนักพรตคนนั้นแน่
ทว่าทันใดนั้นเองก็มีพลังสายหนึ่งรองรับแผ่นหลังของเซี่ยหลิงหยาเอาไว้แล้วดันเขาขึ้นมา!
เซี่ยหลิงหยาหันกลับไปมองด้วยความงุนงง คาดไม่ถึงว่าเป็นผีพลัดตกตึกที่นำทางเขามาก่อนหน้านี้ ตอนนี้กำลังเกาะขอบหน้าต่างมองเขาด้วยความสั่นกลัว เพราะใช้พลังเมื่อกี้ทำให้ร่างกายมันคล้ายกับจางลงอีกเท่าตัว
“ขอบใจมาก!” เซี่ยหลิงหยารีบวาดยันต์ต่อให้เสร็จ มองสถานการณ์อีกที พวกซือฉางเสวียนยังต่อสู้กับผีดิบอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน
ผีดิบมีพลังมหาศาล มือข้างหนึ่งจับแขนนักพรตอารามไท่เหอจนช้ำเลือด มืออีกข้างถูกซือฉางเสวียนรั้งไว้ กระบี่ไม้ท้อต้านเอวของมันทำให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
เซี่ยหลิงหยาพุ่งเข้ามา ใช้มือข้างหนึ่งรัดคอผีดิบจากข้างหลังก่อนแทงกระบี่ตรีรัตน์เข้าไป กระบี่ไม้เสียบลึกถึงตำแหน่งหัวใจข้างหลังของมันหนึ่งนิ้ว
ผีดิบร้องคำรามเสียงหนึ่ง ก่อนปล่อยซือฉางเสวียนกับนักพรตไท่เหอเป็นอิสระ
ซือฉางเสวียนชักมือกลับแล้วฟันกระบี่ในแนวขวางบริเวณเอวของผีดิบอย่างคล่องแคล่วทันที ปลายกระบี่ทะลุถึงอีกด้านหนึ่ง!
ผีดิบพ่นพลังอินในปริมาณมากออกมาทางโพรงปาก ตัวมันสูญเสียพลังแห่งความอวดดีก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น ล้มหงายหลังอย่างหมดสภาพ
ทั้งสามคนหอบหายใจ ภายในอาคารเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ จากพวกผีร้ายที่ถูกแผ่นยันต์สะกดไว้

ในที่สุดกำลังสนับสนุนจากอารามไท่เหอก็มาถึง นักพรตสิบคนเข้ามา ใครมีหน้าที่พยุงคนเจ็บก็พยุงไป ใครมีหน้าที่เก็บกวาดซากศพก็เก็บกวาดไป ยังมีนักพรตที่ถูกผีดิบบีบแขนคนนั้น รอยช้ำเลือดหลายแห่งบนแขนกลายเป็นสีดำแล้ว ตอนนี้กำลังดูดพิษออก
นักพรตอารามไท่เหอคนนี้ชื่อว่าเหมาเจิ้งชิง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารอารามไท่เหอ หากจะใช้แนวคิดที่ค่อนข้างโบราณมาอธิบายก็เท่ากับผู้อาวุโสในสำนักศิลปะการต่อสู้ประมาณนั้น
เขาใช้ข้าวเหนียวดูดพิษออกพลาง ขอบคุณซือฉางเสวียนกับเซี่ยหลิงหยาครั้งแล้วครั้งเล่าพลาง ถ้าหากไม่ได้เซี่ยหลิงหยามาช่วย ซือฉางเสวียนต้องใช้เลือดวาดยันต์จนอาจเสียพลังชีวิตได้ แถมซือฉางเสวียนยังช่วยพวกเขามาตั้งแต่ต้น
เหมาเจิ้งชิงคิดว่าเซี่ยหลิงหยาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง พูดกับเขา “สามีภรรยาเฒ่าคู่นั้นคือ ‘ซือเหนียง’ คุณรู้จักไหม?”
เซี่ยหลิงหยาพยักหน้าตอบ ซือเหนียงเป็นชื่อเรียกของพวกพ่อมดหมอผี บนโลกนี้ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ล้วนเรียกว่าซือเหนียงทั้งหมด พวกนี้เชี่ยวชาญการเรียกผีและร่ายเวทย์มนต์ แต่ไม่ใช่ซือเหนียงทุกคนจะเป็นเหมือนพวกเขาที่ร่ายคำสาปชั่วร้ายเพื่อใช้หาเงิน หลายคนยังรักษาโรคหรือสื่อสารกับบรรพบุรุษให้คนทั่วไปด้วย
“ครั้งก่อนที่คุณเฮ่อคนนั้นเก็บเงินได้ก็เป็นพวกเขาที่ร่ายคำสาป พวกเขามาจากอีกมณฑลหนึ่ง ก่อเหตุในลักษณะนี้ที่เชวี่ยซานเพื่อหาเงินหลายครั้งแล้ว ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย” เหมาเจิ้งชิงอธิบายให้ฟัง
“คำสาปชั่วร้ายนั่นถูกนักพรตซือทำลายไปแล้ว ชายชราถูกแว้งกัด พวกเราเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีอีกคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงตามมาถึงที่นี่”
เขาจงใจละเรื่องเจ้าอารามเฉินล้างคำสาปไม่สำเร็จจนตัวเองบาดเจ็บ เซี่ยหลิงหยาก็ไม่ได้ต้องการให้อธิบายจนหมดเปลือกเช่นกัน ทอดถอนใจว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง แสดงว่าฉันคิดถูกแล้วที่ขว้างอิฐใส่สินะ”
เหมาเจิ้งชิง “…”
บอกตามตรง เด็กหนุ่มคนนี้ใช้ยันต์ได้อย่างอาจหาญมาก แถมลงมืออย่างป่าเถื่อน สร้างความประทับใจอันลึกซึ้งให้แก่เขาเสียแล้ว ดูท่าทางเชี่ยวชาญเรื่องยันต์ แต่เด็กหนุ่มคนนี้มีสไตล์การทำงานคนละแบบกับนักพรตซือโดยสิ้นเชิง!
แม้เหมาเจิ้งชิงอยากพูดมากกว่านี้ แต่ในตอนนี้สภาพยับเยินเกินไป เขาจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วเหมือนกัน
เซี่ยหลิงหยาคล้ายไม่ทันสังเกตเห็น พอเหมาเจิ้งชิงเดินออกไปแล้วก็กระซิบถามซือฉางเสวียน “เจ้าอารามเฉินไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ซือฉางเสวียนส่ายหน้าตอบ เงียบไปพักหนึ่งก็พูดอีก “ขอบคุณมาก”
เซี่ยหลิงหยาโบกมือ “ขอบคุณอะไรกัน เห็นความอยุติธรรมอยู่ตรงหน้าต้องชักดาบช่วยเหลือ!”
พูดจบก็เห็นว่าซือฉางเสวียนจ้องกระบี่ในมือของเขาจึงแก้คำพูด “ชักกระบี่ ชักกระบี่ช่วยเหลือต่างหาก”
นิ้วทั้งสิบของเขาเรียวยาวและขาวสะอาด ยามกุมกระบี่นั้นเรียวนิ้วเกลี้ยงเกลาเหมือนหินหยกต้องแสงจันทร์ให้ความรู้สึกโปร่งใสตรงข้ามกับด้ามกระบี่สีทะมึนดูล้าสมัย ทว่าตอนฟันกระบี่วาดยันต์บนอาคารเมื่อครู่กลับคล่องแคล่วเด็ดขาด หากสังเกตถี่ถ้วนจะยังเห็นชาดแดงติดอยู่ที่ปลายนิ้วเหมือนบนหว่างคิ้ว…
ซือฉางเสวียนหลุบดวงตาหงส์มองครู่หนึ่งก่อนละสายตากลับมา “…ยังไงก็ขอบคุณมาก”
เซี่ยหลิงหยาถูกมองจนต้องเก็บมือกลับมาอย่างทำตัวไม่ถูก ยิ้มแห้งตอบ “ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรจริงๆ

คอมเมนต์

Chapter List