ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ ตอนที่ 6-2
บทที่ 6 เก็บกระเบื้อง (2)
ตอนนี้คุณอาเฮ่อก็ถอยรถออกมาแล้ว เซี่ยหลิงหยาคิดว่าซือฉางเสวียนจะนั่งข้างหน้าจึงขึ้นไปนั่งข้างหลัง ทว่าเขาก็ขึ้นมานั่งเบาะหลังกับเซี่ยหลิงหยาเหมือนกัน
เซี่ยหลิงหยาลังเล คุณอาเฮ่อก็ดูไม่ได้ว่าอะไร ยังคงพูดพล่าม “นักพรตซือ อาจารย์เซี่ย ฉันได้ยินว่าควรแขวนบางสิ่งบนรถเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้สนใจเลย พวกเธอว่าฉันควรแขวนอะไรดี”
ซือฉางเสวียนไม่มีทีท่าว่าจะแสดงความเห็น เซี่ยหลิงหยาคุยกับคุณอาเฮ่อเพียงสองสามประโยคก็ไม่พูดมากแล้ว ขับรถตอนกลางดึกต้องใช้สมาธิเป็นพิเศษ
เดิมทีเซี่ยหลิงหยายังอยากทำความรู้จักกับซือฉางเสวียนอีกสักหน่อย แต่พออีกฝ่ายขึ้นรถมาก็พิงเบาะแล้วหลับตา จึงทำได้เพียงเล่นโทรศัพท์ด้วยความเสียดาย แต่ยังดีที่เขามีช่องทางติดต่ออยู่ในมือแล้ว
คุณอาเฮ่อไปส่งพวกเขาที่อารามไท่เหอก่อนเพราะซือฉางเสวียนอาศัยอยู่ที่นั่น เทียบกับอารามเป้าหยางแล้ว อารามไท่เหอนับว่าอยู่ไกลจากตัวเมือง แถมระยะนี้ยังมีการซ่อมถนนจึงเป็นหลุมเป็นบ่อในบางช่วง
เซี่ยหลิงหยาที่กำลังกดโทรศัพท์มือถือรู้สึกโคลงเคลงเป็นระยะ พอเขาไม่ได้ทรงตัวนั่งให้ดีศีรษะจึงไปกระแทกกับซือฉางเสวียน
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย” คุณอาเฮ่อเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษนะนักพรตซือ” เซี่ยหลิงหยาเงยหน้ามองก็เห็นว่าซือฉางเสวียนยังหลับตาอยู่
โคลงเคลงขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีกหรือ
เซี่ยหลิงหยาเห็นว่าคุณอาเฮ่อไม่ได้สังเกตมอง จังหวะที่ลุกขึ้นมาก็แอบคลำหน้าอกของซือฉางเสวียน ก่อนหน้านี้เขาเห็นเพียงแค่นรลักษณ์ของอีกฝ่าย กระดูกบนร่างกายก็ต้องคลำดูด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะตรงหน้าอก
แม้ความเป็นไปได้มีเพียงน้อยนิด แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะคลำเจอกระดูกเดินดาราชิ้นเดียวกับเขาหรือเปล่า
ทว่านอกจากกล้ามเนื้อก็คล้ายว่าไม่มีกระดูกชิ้นพิเศษแล้ว เฮ้อ นึกไม่ถึงเลยว่านักพรตซือจะเป็นประเภทที่ดูผอมเมื่อสวมเสื้อผ้าแต่ข้างในมีกล้ามเนื้อ เซี่ยหลิงหยาคิดในใจ
เซี่ยหลิงหยาเงยหน้าอย่างไม่ใส่ใจ กลับเห็นว่าซือฉางเสวียนลืมตาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และกำลังมองเขาอยู่
เซี่ยหลิงหยา “…”
ดูเขาสิ! กระแทกนายเมื่อกี้ยังไม่ตื่น แต่พอคลำกลับตื่นแล้ว!
โชคดีที่เซี่ยหลิงหยาหน้าค่อนข้างหนามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาดึงมือกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มองซือฉางเสวียนตอบ “ขอโทษที่ไม่นั่งให้ดีๆ ฮ่าๆ ใกล้ถึงอารามไท่เหอแล้ว”
“…”
ซือฉางเสวียนสบสายตาที่จ้องมองมาอย่างเป็นบริสุทธิ์ใจของเซี่ยหลิงหยา มองอยู่เนิ่นนานคิดไม่ถึงว่าตนจะเป็นฝ่ายละสายตาออกมาก่อน ภายในแววตาสงบเยือกเย็นแฝงความสงสัยอยู่เล็กน้อย
เมื่อรถแล่นมาถึงหน้าอารามไท่เหอ เซี่ยหลิงหยาก็โบกมือลาโดยไม่เคอะเขินแม้แต่น้อย
“ไว้ติดต่อกันนะ! ヾ( ̄▽ ̄)”
ซือฉางเสวียน “…”
ครั้นเห็นแผ่นหลังสูงโปร่งของซือฉางเสวียนกลืนหายไปในความมืด คุณอาเฮ่อก็ทอดถอนใจออกมา “อาจารย์เซี่ยกับนักพรตซือเพิ่งรู้จักกันก็เหมือนสนิทกันมานานเลยนะ!”..
…
เทวรูปหวังหลิงกวนในอารามเป้าหยางสูงสองเมตรเจ็ดสิบเซนติเมตร เซี่ยหลิงหยาลองสอบถามดูแล้ว หากจะปั้นขึ้นใหม่โดยไม่ลดทอนวัสดุก็ไม่ได้มีต้นทุนสูงขนาดนั้น ต้องใช้เงินประมาณหนึ่งหมื่นหยวน
ต้องขอบคุณที่เทวรูปหวังหลิงกวนค่อนข้างเรียบง่าย เทวรูปเทพเจ้าองค์หลักๆ ในหลายอารามถ้าไม่สร้างขึ้นจากทองคำก็ต้องสร้างขึ้นจากทองแดง
แถมโชคดีที่ซือฉางเสวียนยกเงินส่วนแบ่งให้เซี่ยหลิงหยาแล้ว นอกจากใช้ซ่อมบูรณะส่วนร่างกายทองคำให้เทวรูปหวังหลิงกวนแล้ว เซี่ยหลิงหยาลองคำนวณดูพบว่ายังเหลือเงินอีกนิดหน่อย เขาตั้งใจว่าจะนำไปซ่อมกระเบื้อง
ที่จริงอารามเป้าหยางมีส่วนที่ต้องบูรณะมากมาย แต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินมากขนาดนั้น เซี่ยหลิงหยาจึงพิจารณาจากราคากับความจำเป็นเป็นหลัก
แต่ทว่าในคืนวันเดียวกันกับที่เขาหาช่างฝีมือมาได้ก็ฝันถึงหวังหลิงกวนอีกแล้ว
หวังหลิงกวนยกนิ้วกลางชี้ไปข้างหน้า ยังคงวางมาดเคร่งขรึม ใบหน้าโกรธเกรี้ยว
ตอนแรกเซี่ยหลิงหยาคิดว่าหวังหลิงกวนมาเพื่อชมเชยเขาจึงดีใจมาก ปรากฏว่าคืนที่สองยังคงฝันถึงหวังหลิงกวน เขากลุ้มใจอย่างยิ่ง เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ
เซี่ยหลิงหยานั่งคิดด้วยความกลุ้มใจเป็นนาน ก่อนไปเปิดหาในสมุดบันทึกอีกครั้งถึงเจอไม้ปวย[1]สองอัน นี่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เวลาเสี่ยงทาย มีทั้งหมดสองอัน เมื่อโยนมันเพื่อเสี่ยงทายเคราะห์ดีหรือร้าย รวมถึงสื่อสารกับเทพเจ้าได้
ไม้ปวยในอารามเป้าหยางทำจากทองแดง มีลักษณะเป็นจันทร์ครึ่งดวง ด้านหนึ่งนูนด้านหนึ่งเรียบ
เวลาทำนายต้องดูการคว่ำหงายถึงจะทราบผลลัพธ์ หากหงายทั้งสองอันเรียกว่าเซี่ยวเปย[2] หมายถึงสถานการณ์ยังคลุมเครือ หากคว่ำทั้งสองอันเรียกว่าอินเปย[3] หมายถึงขั้นตอนการเสี่ยงทายไม่ราบรื่น หากอันหนึ่งหงายอันหนึ่งคว่ำเรียกว่าเซิ่งเปย[4] หมายถึงเทพเจ้าตอบรับ แต่ถ้าหากปลายแหลมของทั้งสองอันชี้ขึ้นบนเรียกว่าตุ้นกว้า[5] หมายถึงจะมีเคราะห์หนัก
เซี่ยหลิงหยาเอ่ยถามในใจต่อหน้าเทวรูป ‘หมายถึงไม่อยากให้ผมจ้างช่างคนนี้หรือเปล่า เขาไม่น่าเชื่อถือหรือครับ’
ผลออกมาเป็นเซี่ยวเปย คงยังเดาไม่ถูก
เซี่ยหลิงหยาเสี่ยงทายอีกสองครั้งกว่าจะเข้าใจท่านปรมาจารย์ ท่านคงคิดว่าตัวท่านไม่มีสง่าราศีมานานมากแล้ว คาดหวังว่าจะได้เลื่อนขั้น อย่างเช่นมีส่วนร่างกายทำจากทองคำบริสุทธิ์
เซี่ยหลิงหยา “…”
คาดไม่ถึงเลยว่าท่านปรมาจารย์จะรู้จักต่อรองด้วย
เซี่ยหลิงหยาส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทองคำบริสุทธิ์เป็นไปไม่ได้แน่นอน ต่อให้ขายตัวผมก็ยังสร้างให้ไม่ได้ หรือแม้แต่ทองชุบก็ไม่มีหวังเหมือนกัน สร้างให้ได้แค่ทองเหลืองเท่านั้น
เซี่ยหลิงหยาโยนไม้ปวย เพียงพบว่าปลายแหลมของทั้งสองอันชี้ตั้ง เขาหยุดหายใจไปหนึ่งจังหวะ คงไม่ใช่ตุ้นกว้าหรอกใช่ไหม ท่านปรมาจารย์ดุขนาดนี้เลยหรือ
เวลานี้ไม้ปวยทั้งสองอันก็เอียงคล้ายกำลังจะตกลง สุดท้ายก็ตกลงอย่างไม่ยินยอมนัก ผลออกมาเป็นเซิ่งเปย
เซี่ยหลิงหยาถอนหายใจโล่งอกแล้วซับเหงื่อ การเสี่ยงทายครั้งนี้…คล้ายว่าท่านปรมาจารย์พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะยอมตกลงด้วยความน้อยใจภายใต้การต่อรองที่หน้าเลือดของเซี่ยหลิงหยา
ที่จริงเซี่ยหลิงหยาทุ่มเทมากแล้ว เดิมทีเขาอยากบอกว่าจะขัดแล้วทาสีทองให้ท่าน แต่ตระหนักได้ว่ามหาเทพหลิงกวนสถิตอยู่ที่นี่ได้ช่างยากเย็น ถ้าหากดูไม่มีสง่าราศีเกินไป วันข้างหน้าพระองค์อาจจะโกรธจนไม่สำแดงฤทธิ์เดชแล้วก็เป็นได้!
หากเขาจะสร้างเทวรูปทองแดงให้หวังหลิงกวน ถ้าอย่างนั้นเทวรูปซานชิงกับเทวรูปจักรพรรดิอวี้หวงก็ต้องอัปเกรดขึ้นมาเหมือนกัน เทวรูปทองแดงขนาดสองเมตรกว่าแต่ละองค์ต้องใช้เงินอย่างน้อยสองหมื่นแปดพันหยวน
ถ้าทำแบบนี้ ค่าตอบแทนที่เซี่ยหลิงหยาเพิ่งหามาได้ก็ไม่เพียงพอแล้ว ต้องทำงานหนักเพิ่มอีก
แต่เขาซ่อมแซมเทวรูปหลิงกวนส่วนที่หลุดล่อนก่อนได้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเร่งด่วน คิดว่าเหล่าทวยเทพก็คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนหลังคาก็ต้องซ่อมแซมด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่อย่างนั้นวันดีคืนดีหากพายุเข้าแดดแรงทำให้เทวรูปองค์อื่นเสียหายขึ้นมาจะทำอย่างไร
…
[1] ไม้สีแดงมีลักษณะนูนโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว ใช้สำหรับการเสี่ยงทาย
[2] แปลตรงตัวว่า จอกยิ้ม
[3] แปลตรงตัวว่า จอกบึ้ง
[4] แปลตรงตัวว่า จอกสำเร็จ
[5] แปลตรงตัวว่า โล่ขวางการเสี่ยงทาย
คอมเมนต์