ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ ตอนที่ 6-3

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 6 เก็บกระเบื้อง (3)
Lilac Novel
หลังตกลงกันได้แล้วก็เป็นขั้นตอนปรึกษาเรื่องวัสดุกับช่างฝีมือ ส่วนเรื่องกระเบื้อง เซี่ยหลิงหยาค้นหาสมบัติของคุณลุงอยู่นานสองนานก็หาช่องทางติดต่อช่างซ่อมกระเบื้องไม่เจอ
ปัจจุบันบ้านที่มุงหลังคาด้วยกระเบื้องพบได้น้อยมากโดยเฉพาะในเมือง เมื่อก่อนมีอาชีพเฉพาะทางที่เรียกว่า ‘ช่างเก็บกระเบื้อง’ โดยที่ช่างจะปีนขึ้นหลังคาเพื่อรื้อกระเบื้องเก่าที่เสียหายออกแล้วเปลี่ยนใหม่
อีกอย่างวิหารหลักของอารามเป้าหยางค่อนข้างเก่าแล้ว ไม่มีใครหลอมกระเบื้องสไตล์โบราณที่ใช้มุงหลังคาอีกแล้วในยุคสมัยนี้ ไม่เหมือนอารามไท่เหอที่หลังบูรณะซ่อมแซมก็ใช้กระเบื้องใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงหาช่างตามใจชอบไม่ได้
เซี่ยหลิงหยาวานให้พ่อลองหาตามหมู่บ้านเก่าแก่ในหัวเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของเมืองหนิ่วหยาง ในที่สุดก็เจอช่างเก็บกระเบื้องจึงเชิญมาในเมือง
คำนวณจากพื้นที่และระดับความเสียหายของหลังคาวิหารใหญ่ในอารามเป้าหยางแล้ว ต้องจ่ายค่าเก็บกระเบื้องอย่างน้อยแปดถึงเก้าพันหยวน โชคดีที่ช่างเก็บกระเบื้องคนนี้ยังมีกระเบื้องเก่าแก่ที่เหมาะจะนำมาเปลี่ยนอยู่ด้วย
ช่างฝีมือชราใส่ใจรายละเอียดมากกว่าเซี่ยหลิงหยาเสียอีก เขาตั้งใจดูปฏิทินโหราศาสตร์ เลือกฤกษ์ดีและวันที่สภาพอากาศแจ่มใสก่อนขึ้นหลังคาไปเก็บกระเบื้อง
ในขณะที่เซี่ยหลิงหยาต้มน้ำพลางอ่านหนังสือพลางที่ลานข้างหน้า ในที่สุดเฮ่อจุนก็พารูมเมตสองสามคนมาจุดธูปกราบไหว้แล้ว รูมเมตของเฮ่อจุนเป็นกลุ่มเดียวกับที่เจอเหตุการณ์ประหลาดพร้อมเขาบนถนนในละแวกใกล้ๆ โชคดีที่ตอนนั้นเฮ่อจุนพกยันต์ที่เซี่ยหลิงหยาให้ไว้
เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นเอง ตอนที่พวกเขาเห็นเซี่ยหลิงหยาแม้สีหน้าจะแสดงถึงความแปลกใจ แต่ก็ให้ความเคารพนับถือ อีกอย่างเฮ่อจุนไม่เคยบอกพวกเขาว่าเซี่ยหลิงหยาหน้าตาดีขนาดนี้ แม้แต่พวกเขาเป็นผู้ชายเหมือนกันยังต้องชื่นชมในใจ ไม่ทราบว่าเพราะเชื่อในสิ่งที่เคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า พอเห็นผิวขาวสะอาดของเขาก็รู้สึกว่าต้องมีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษ!
“มากราบไหว้หรือ ตามมาสิ” เซี่ยหลิงหยาวางหนังสือในมือลงแล้วนำทางพวกเขาไปข้างใน
เฮ่อจุนเห็นหนังสือที่เซี่ยหลิงหยาเพิ่งวางลงก็โพล่งขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เฮ้ย อาจารย์เซี่ย คุณจะสอบปริญญาโทจริงๆ หรือครับเนี่ย??”
หนังสือที่เซี่ยหลิงหยาอ่านคือหนังสืออ้างอิงสำหรับสอบปริญญาโท เขาตอบด้วยความสงสัย “นายตะโกนทำไม ฉันก็บอกไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ”
เฮ่อจุน “…ผมคิดว่าคุณอำผม”
เซี่ยหลิงหยา “…”
รูมเมตของเฮ่อจุนก็อดไม่ได้ที่จะสับสน “ผมรู้แค่ว่ามีวิทยาลัยเต๋าด้วย แต่พวกคุณมีระบบปริญญาโทด้วยหรือ แล้วต้องเรียนกี่ปี”
เซี่ยหลิงหยา “…”
“ฉันไม่ใช่นักพรต” เซี่ยหลิงหยาอธิบายอย่างจนปัญญาประโยคหนึ่ง
“ขอยืมประโยคของเฮ่อจุนแล้วกัน พวกนายจะคิดว่าฉันเป็นหลวงจีนกวาดพื้นของที่นี่ก็ได้”
รูมเมตเฮ่อจุน “???”
เฮ่อจุน “…”
เทวรูปหลิงกวนกำลังบูรณะใหม่อยู่ เซี่ยหลิงหยาจึงให้พวกเขาไปกราบไหว้วิหารซานชิงแทน พลางคอยชี้แนะข้างๆ ว่าเวลาปักธูปต้องระวังอย่าให้ห่างกันเกินหนึ่งนิ้ว หรือก็คือระหว่างธูปสามดอกห้ามห่างกันเกินหนึ่งนิ้ว
รูมเมตของเฮ่อจุนยังบริจาคเงินให้ด้วยเล็กน้อย พวกเขายังเป็นนักศึกษา แม้เงินไม่มากมายแต่ก็แสดงถึงความนับถือ
“อาจารย์เซี่ย” รูมเมตของเฮ่อจุนเรียกตาม พูดกับเซี่ยหลิงหยาว่า “ครั้งก่อนเฮ่อจุนแบ่งยันต์มาให้ผมหนึ่งแผ่น ผมอยากถามว่าคุณยังมียันต์รึเปล่าครับ หรือพวกเครื่องรางคุ้มครองบ้านอะไรก็ได้ ผมอยากเช่ากลับไปวางที่บ้าน”
เซี่ยหลิงหยาเหงื่อตก หลายวันนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้วาดยันต์เพิ่มเลย แต่ไตร่ตรองถึงการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ถึงอย่างไรคนที่มาอารามเต๋าส่วนใหญ่เป็นพวกคุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยาย เขามีแผนจะเปลี่ยนคนกลุ่มนี้ให้กลายเป็นผู้ศรัทธา ด้วยเหตุนี้จึงศึกษายันต์คาถาที่ใช้ในประชีวิตประจำวันมากสักหน่อย
พอคิดได้แบบนี้ก็มองรอบๆ แวบหนึ่ง เซี่ยหลิงหยาคิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้จึงเดินไปนอกวิหารแล้วตะโกนเรียกช่างเก็บกระเบื้องบนหลังคา “ลุงหลิว กระเบื้องมีเยอะรึเปล่าครับ”
ช่างเก็บกระเบื้องชะโงกหน้าตอบ “ก็ไม่เยอะมากหรอก จะเอาไปทำอะไรล่ะ”
“ผมขอเอาไปให้คนสักสองสามแผ่นสิครับ” เซี่ยหลิงหยาบอก
ช่างเก็บกระเบื้องไม่ซักถามเหตุผลต่อ ยกมือทำท่าโอเคเป็นการอนุญาต
เซี่ยหลิงหยาหยิบกระเบื้องสองสามแผ่นมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเหล่านักศึกษา เขาปัดฝุ่นจนสะอาดแล้วเอ่ยขึ้น “เอากระเบื้องนี้วางในที่แห้งและสะอาด”
รูมเมตของเฮ่อจุนลังเล “สิ่งนี้…มีประโยชน์ยังไงหรือครับ?”
พวกเขามองเซี่ยหลิงหยาที่หยิบกระเบื้องออกมาจากกองแล้วเป่าฝุ่นตาปริบๆ สิ่งนี้มีประโยชน์อะไรบ้างล่ะ
“กระเบื้องพวกนี้เป็นกระเบื้องเก่าแก่ที่รื้อออกมา ทั้งยังเป็นกระเบื้องที่จักรพรรดิเสินหนง[1]ประดิษฐ์คิดค้นผสานรวมกับห้าธาตุ โดยใช้ธาตุทองดึงรับพลังจากธาตุดิน ใช้ธาตุน้ำผสมกับโคลนแล้วนำไปหลอมในไฟลุกโหม หลังจากนั้นก็นำไปหนุนวางบนธาตุไม้ ด้านหงายเป็นหยาง ด้านคว่ำเป็นอิน อินหยางเกื้อหนุนกัน ถ้านายนำไปวางในบ้านก็จะคุ้มครองที่อยู่อาศัยได้” เซี่ยหลิงหยาอธิบาย
หลายคนรู้จักเครื่องมือของช่างไม้ดีอยู่แล้ว อย่างเช่นไม้บรรทัดหลู่ปาน[2]หรือเครื่องมือตีเส้นก็ใช้คุ้มครองบ้านขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้เพียงพอแล้ว อันที่จริงเครื่องมือของคนขายเนื้อสัตว์กับช่างกระเบื้องก็เหมือนกัน อย่างแรกเพราะต้องฆ่าสัตว์เป็นประจำ อย่างหลังเพื่อผสานกับหลักการอินหยางห้าธาตุ โดยเฉพาะกระเบื้องเก่าแก่ที่ใช้วิธีการหลอมดั้งเดิมก็ยิ่งใช้หลักการนี้
หลายคนฟังจบก็ขอบคุณเขาแล้วรับเอาไว้อย่างสบายใจ เครื่องรางแบบนี้ให้ในราคาต้นทุนก็พอแล้ว
เฮ่อจุนยังระบายความทุกข์อย่างน้อยใจกับเซี่ยหลิงหยา “เดิมทีพวกเราอยากชวนเพื่อนที่เหลือมาด้วย แต่พวกเขาไม่มา หาว่าพวกเรางมงาย”
ตอนนี้เฮ่อจุนเป็นผู้ศรัทธาอันดับหนึ่งของอารามเป้าหยางไปแล้ว ช่วยเซี่ยหลิงหยาโปรโมตอารามอย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์คล้ายมีจำกัด
เซี่ยหลิงหยารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เขาปลอบใจว่า “ทุกคนต่างมีความเชื่อของตัวเอง เขาไม่เชื่อ ถึงนายชวนพวกเขามาจุดธูปกราบไหว้ก็เป็นการบังคับกันเกินไป ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก”
นี่คือบุคลิกของผู้วิเศษสินะ รูมเมตของเฮ่อจุนกำลังชื่นชมในใจ สมกับเป็นลัทธิเต๋าที่เยือกเย็นจริงๆ
เซี่ยหลิงหยาพูดต่อ “ครั้งหน้านายก็ชวนพวกเขามาดื่มน้ำชากินเมล็ดแตงที่นี่แทน…”
ทุกคน “…”

[1] ผู้ประดิษฐ์คิดค้นคันไถ ได้ร่วมทำนากับชาวบ้าน สอนให้ชาวบ้านรู้จักปลูกข้าว ทำไร่ไถนา ยังหาสมุนไพรตามป่าเขามารักษาผู้คนด้วย ต่อมาได้รับการยกย่องเป็นเทพแห่งการกสิกรรม
[2] เครื่องมือวัดในการก่อสร้างสถาปัตยกรรม

คอมเมนต์

Chapter List