ครึ่งเซียนพาร์ตไทม์ บท 3-2
บทที่ 3 หยั่งรู้เพียงน้อยนิดก็วาดยันต์ได้ (2)
ข่าวสารในเมืองหนิ่วหยางช่วงนี้มักพูดถึงเรื่องหนึ่งเสมอ พอย่างเข้าสู่กลางฤดูร้อน หลายมณฑลก็ประสบภัยแล้ง ไม่มีฝนตกลงมานานแล้ว อ่างเก็บน้ำเมืองหนิ่วหยางแห้งขอดลงทุกวัน ส่งผลให้ไม่สามารถจ่ายน้ำได้ตามปกติ ตอนนี้เริ่มดำเนินการแบ่งเขตสลับกันหยุดจ่ายน้ำแล้ว ภัยแล้งที่เลวร้ายขึ้นส่งผลให้ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของชาวเมืองไม่มากก็น้อย
พอเซี่ยหลิงหยาออกมาข้างนอกก็ได้ยินเสียงบ่นเป็นจำนวนมาก เขาอาศัยในย่านธุรกิจที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ตลาดสดข้างหลัง ร้านค้าบนถนนคนเดินข้างเคียง แม้กระทั่งเขตเล็กๆ ในละแวกใกล้ๆ ทุกคนต่างเดือดร้อนอย่างยิ่งกับมาตรการหยุดจ่ายน้ำ
เซี่ยหลิงหยาอยู่คนเดียวจึงสบายตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องกักเก็บน้ำ บ่อน้ำเก่าแก่ในอารามเต๋าไม่เคยแห้งขอด น้ำในบ่ออุ่นในฤดูหนาวเย็นในฤดูร้อน ตอนเด็กลุงมักตักน้ำในบ่อมาแช่แตงโมเป็นประจำ
เช้าตื่นมาน้ำก็ไม่ไหลอีกแล้ว เซี่ยหลิงหยาไปตักน้ำในบ่อมาล้างหน้าบ้วนปากอย่างไม่รีบร้อน เวลานี้ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
พอเปิดประตูออกพบว่าเป็นนักศึกษาเมื่อครั้งก่อน เซี่ยหลิงหยาจำได้ว่าเขาแซ่เฮ่อ จึงเปิดประตูต้อนรับอย่างดี “…อ้าวนักศึกษาเฮ่อ มาแต่เช้าเชียว มากราบไหว้หรือ”
เฮ่อจุนเหงื่อเต็มหน้า ยังพนมมือไหว้ครู่หนึ่ง “ขอบคุณอาจารย์เซี่ย”
เขาในตอนนี้เคารพเซี่ยหลิงหยามากขึ้นแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจธรรมเนียม ดังนั้นจึงไหว้อย่างหัวมังกุท้ายมังกร แถมยังเรียกเซี่ยหลิงหยาว่าอาจารย์
เซี่ยหลิงหยามองท่าทางอึมครึมของเขา “ทำไม นายเจอผีอีกแล้วหรือ”
เฮ่อจุน “…”
“ฮ่าๆๆ เข้ามาคุยกันข้างในเถอะ” เซี่ยหลิงหยาชวนเฮ่อจุนเข้ามา รินน้ำแก้วหนึ่งให้เขาเป็นการต้อนรับ นี่เป็นน้ำในบ่อที่ตักขึ้นมาต้ม จากนั้นก็นำไปใส่ภาชนะแล้วแช่เย็นไว้
เฮ่อจุนได้ดื่มน้ำในบ่อที่เย็นเจี๊ยบแล้วสีหน้าท่าทางก็ดูสดชื่นขึ้นเล็กน้อย เอ่ยชมขึ้นก่อน “ว้าว น้ำนี่อร่อยจริงๆ เย็นเจี๊ยบ แถมยังหวานนิดๆ ด้วย”
จากนั้นเฮ่อจุนก็เล่าประสบการณ์เจอผีรอบที่สองของตัวเองให้ฟัง มองเซี่ยหลิงหยาด้วยความเคารพเป็นพิเศษ เขาว่าที่อาจารย์เซี่ยบอกว่าเพิ่งเข้าสำนักมา ที่จริงแล้วเป็นการถ่อมตัวมากกว่า!
เซี่ยหลิงหยาได้ยินว่ายันต์ของตัวเองได้ผลก็อยากซักถามต่อ แต่พอเห็นสายตาแห่งความยกย่องเชิดชูจากเฮ่อจุนก็ทำให้เขาละอายใจ ด้วยเหตุนี้จึงดื่มน้ำด้วยสีหน้าปกติ
เฮ่อจุนเล่าเพิ่มอย่างน่าสงสาร “ผมคิดว่าเปลี่ยนทางแล้วคงไม่เจออะไร หลังกลับไปแล้วก็เพิ่งรู้ว่าไซต์ก่อสร้างตรงนั้นเคยมีคนงานพลัดตกลงมาตาย! ผมไม่กล้าเฉียดไปตรงนั้นอีกแล้ว!”
ถนนสองเส้นนั้นต่างมีไซต์ก่อสร้างเหมือนกัน ไม่น่าแปลกใจเลย
“นายก็รนหาที่ตายเหลือเกิน กลางค่ำกลางคืนอย่าพูดถึงผีสาง พวกมันได้ยินเข้าแล้วจะโทษใครล่ะ”
เซี่ยหลิงหยาอบรมสั่งสอนว่าตอนกลางคืนพลังอินเข้มข้น ทางที่ดีควรระวังคำพูดและการกระทำ
อีกข้อสงสัยหนึ่งเป็นไปได้ว่าช่วงนี้ดวงของเฮ่อจุนค่อนข้างตก มิฉะนั้นสถานที่ตรงนั้นมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะทุกวัน เพราะอะไรถึงดันมีแค่เขาที่พบเจอ
เฮ่อจุนกลัวจนตัวสั่น พูดพลางก็ลูบตุ่มหนังไก่ “ไม่เอาไม่พูดแล้ว ยันต์ที่เหลือถูกรูมเมตเอาไปหมดแล้ว อาจารย์เซี่ย ผมขอยันต์เพิ่มอีกสักแผ่นสองแผ่นได้ไหม?”
เซี่ยหลิงหยาไม่คิดไม่ฝันว่ายันต์ของตัวเองจะใช้ได้ผล เขาฝึกเล่นๆ ตามอำเภอใจเสร็จแล้วยัดเก็บเอาไว้ ไปรื้อหาแผ่นที่สภาพสมบูรณ์มาให้เฮ่อจุน
เฮ่อจุนคิดว่าเซี่ยหลิงหยาวาดยันต์ขึ้นมาด้วยความลำบากจึงไม่กล้าขอเยอะ พูดอย่างซาบซึ้งบุญคุณและทั้งละอายใจ “ผมยังไม่ได้เงินค่าขนมเพิ่ม…อะแฮ่ม แต่ผมนัดเพื่อนเอาไว้แล้ว ไว้วันหลังจะมากราบไหว้เทพหลิงกวนด้วยกัน”
“ได้เลย ยินดีต้อนรับเสมอ” เซี่ยหลิงหยาถือสาที่ไหนกัน เขาแทบอยากบอกเฮ่อจุนว่า ฉันจะให้เปอร์เซ็นต์กับนายต่อการพาเพื่อนมาหนึ่งคนแต่ก็อดกลั้นไว้ เพราะที่นี่เป็นอารามเต๋าอันศักดิ์สิทธิ์
เฮ่อจุนเข้าไปกราบไหว้ในวิหารตามธรรมเนียม ก่อนบอกว่าตัวเขาเจียดเวลาออกมา ต้องกลับไปเรียนแล้ว
เซี่ยหลิงหยารั้งเฮ่อจุนไว้ก่อน ชี้แก้วน้ำที่อีกฝ่ายเพิ่งดื่มหมดไป “เอ่อ จริงด้วย นักศึกษาเฮ่อ น้ำแก้วนี้…นายคิดว่าอร่อยจริงๆ หรือ”
เฮ่อจุนตอบทันที “จริงๆ ครับ อร่อยกว่าน้ำแร่ที่ผมเพิ่งซื้อข้างทางเยอะเลย แน่นอนว่าไม่ได้อุปาทานไปเอง!”
ซุนฟู่หยางเป็นเจ้าของร้านหนังสือพิมพ์ ใช่แล้ว หมายถึงร้านหนังสือพิมพ์หน้าทางเข้าอารามเป้าหยางนั่นแหละ ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในละแวกนี้ ช่วงนี้ไม่เพียงแต่อากาศร้อนอบอ้าว ไม่มีฝนตก แต่ยังหยุดจ่ายน้ำ ส่งผลให้คนในครอบครัวอารมณ์ไม่ค่อยดีมากนัก
ซุนฟู่หยางไม่ได้อาบน้ำมาสามวันแล้ว ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำที่กักเก็บไว้ตอนช่วงที่จ่ายน้ำมาก็ไม่พอใช้ในชีวิตประจำวันหรืออาบน้ำได้ทั้งครอบครัว เพียงพอแค่เด็กเล็กเท่านั้น ครอบครัวของเขาต้มน้ำดื่มมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้ต้องหันไปซื้อน้ำถังมาดื่มแทนแล้ว ทำให้ซุนฟู่หยางซึ่งเป็นคนมัธยัสถ์รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสนัก
เวลานี้การเคลื่อนไหวข้างๆ ก็ดึงความสนใจของซุนฟู่หยางไป เขาชะเง้อหน้ามอง อารามเป้าหยางที่ปิดประตูเงียบมาหลายเดือนในที่สุดก็เปิดออกแล้ว ในมือเจ้าของคนใหม่มีกระดาษม้วนหนึ่ง
ซุนฟู่หยางเช่าที่ตรงนี้เปิดร้านมาหลายปีแล้วจึงเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ดีมาก เดิมทีอารามเป้าหยางมีนักพรตเพียงคนเดียวตลอดมา นั่นคือนักพรตหวัง ผู้มากราบไหว้บูชาบางตามาก หลายเดือนก่อนคล้ายว่านักพรตหวังล้มป่วย ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เห็นว่าสีหน้าสดใสแล้วจึงไม่ได้ซักถาม มารู้อีกทีก็ได้ยินว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
อารามหลังนี้ถูกส่งต่อให้หลานชายของนักพรตหวัง นั่นคือเจ้าหนุ่มเซี่ยหลิงหยาที่กำลังเปิดประตูอยู่ตอนนี้
ซุนฟู่หยางเคยคุยกับเซี่ยหลิงหยา เขารู้ว่าอีกฝ่ายยุ่งกับงานศพของนักพรตหวัง ไหนจะต้องจัดการงานเบ็ดเตล็ดที่กองพะเนินภายในอารามอีก เนื่องด้วยมีตัวคนเดียว ไม่มีทางที่จะดูแลได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงปิดประตูเงียบมาหลายวัน
วันนี้คงเคลียร์งานหมดแล้วมั้ง ซุนฟู่หยางคิดในใจ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เซี่ยหลิงหยาจะทำอย่างไรต่อ ขายที่นี่ ออกบวชเอง หรือว่ารับสมัครนักพรตเข้ามา เด็กหนุ่มหน้าตาดีแถมยังเรียนจบมหาวิทยาลัย คง…
เวลานี้เซี่ยหลิงหยาคลี่กระดาษในมือแล้วติดบนประตู บนกระดาษเขียนอักษรพู่กันที่ค่อนข้างแข็งทื่อว่า ‘น้ำจากบ่อฟรี’ ตอนเด็กเขาเคยฝึกเขียนพู่กันกับหวังอวี่จี๋ช่วงหนึ่ง แต่เพราะสมาธิสั้นจึงฝึกไม่ชำนาญ พอจะพูดได้ว่าบรรจงหน่อยก็เท่านั้น
ซุนฟู่หยางนึกขึ้นได้ว่าอารามเป้าหยางคล้ายมีบ่อน้ำเก่าแก่ ช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าวขนาดนี้ ทุกพื้นที่ยังหยุดจ่ายน้ำ เสี่ยวเซี่ยเปิดอารามให้ทุกคนมาตักน้ำฟรีนับว่าเป็นเรื่องดี อีกทั้งยังอาจเพิ่มผู้มากราบไหว้ได้บ้าง
ลำพังแค่ตัวซุนฟู่หยาง เขาคิดในใจว่าจะตักน้ำกลับไปหนึ่งถังจะได้อาบน้ำสักที ถึงอย่างไรบ้านเขาก็อยู่ไม่ไกล
เซี่ยหลิงหยาราวกับอ่านความคิดซุนฟู่หยางออก จึงเดินเข้ามาทักทาย อธิบายเรื่องที่ตั้งใจว่าจะเปิดอารามให้คนเข้ามาตักน้ำฟรี แถมยังบอกซุนฟู่หยางว่า ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ก็เข้าไปตักเองได้เลย
แน่นอนว่าซุนฟู่หยางต้องตกลงอยู่แล้ว เขาโทรไปบอกคนที่บ้านให้นำภาชนะใส่น้ำมา
เขาเช่าที่นี่มานานแล้ว รู้เพียงแค่มีบ่อน้ำเก่าแก่อยู่หนึ่งบ่อแต่ยังไม่เคยเข้าไปดูเองกับตา ทั้งยังเคยคิดว่าบ่อน้ำนั้นแห้งขอดไปแล้วด้วย
ภรรยาของซุนฟู่หยางนำถังน้ำมันที่ล้างสะอาดแล้วมาสองถัง ตักน้ำใส่จนเต็ม ซุนฟู่หยางมองดูแวบหนึ่ง น้ำจากบ่อไม่เพียงแต่ใสสะอาดอย่างเดียว ยังมีไอน้ำเย็นๆ เกาะอยู่ด้วย ขอบถังน้ำมันมีละอองน้ำจับตัวกันบางๆ หนึ่งชั้น พอยื่นมือไปลูบก็รู้สึกเย็นสบาย
คุณนายซุนเอ่ยขึ้น “ในอารามเย็นสบายมาก โดยเฉพาะริมบ่อน้ำ ฉันถามเสี่ยวเซี่ยมาแล้ว น้ำในบ่อดื่มได้ด้วย แค่นำไปต้มก็ดื่มได้เลย แต่น้ำสองถังนี้คุณเอาไปอาบก่อนแล้วกัน”
ซุนฟู่หยางพยักหน้าพัลวัน ในที่สุดก็ได้อาบน้ำแล้ว
…
ระหว่างคุณนายซุนเดินทางกลับก็พบเพื่อนบ้านพอดี แน่นอนว่าทุกคนถามว่าเธอไปตักน้ำมาจากที่ไหน คุณนายซุนก็บอกไปตามตรง แถมยังบอกให้ทุกคนลองจับถังน้ำดู กลับมาแล้วยังเย็นอยู่เลย
ช่วงนี้เกิดภัยแล้ง ได้ยินว่าคนที่อาศัยแถบชานเมืองยังต้องขึ้นไปขุดตาน้ำบนเขามาใช้ พวกเขาอาศัยอยู่ใจกลางเมืองยิ่งไม่มีหนทาง พอรู้ว่าอารามเป้าหยางที่อยู่ไม่ไกลมีบ่อน้ำสะอาดก็รู้สึกตื่นเต้น โดยเฉพาะบ้านที่ขาดแคลนน้ำใช้จำนวนมาก ต่างนัดกันไปตักน้ำทันที
อีกด้านหนึ่ง ซุนฟู่หยางก็กระจายข่าวนี้กับเจ้าของร้านในละแวกใกล้ๆ อย่างใจกว้าง เซี่ยหลิงหยาไม่สนิทสนมกับคนเหล่านี้ แต่ตัวเขาสนิทสนมเป็นอย่างดี บางคนอาจไม่ได้อาศัยอยู่ในละแวกนี้ แต่ก็ตักน้ำไปตุนไว้ในร้านของตัวเองแค่สำหรับล้างมือหรือเข้าห้องน้ำเท่านั้น ถึงอย่างไรก็อยู่ข้างๆ นี่เอง
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน หนึ่งบอกสิบ สิบบอกร้อย อารามเป้าหยางที่เคยเงียบเหงาก็คึกคักขึ้นมาชั่วพริบตา
นี่เป็นข้อได้เปรียบสำหรับการมีทำเลที่ตั้งที่ดี เวลามีเรื่องอะไรดีๆ ก็เป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ริมบ่อน้ำวางเรียงด้วยภาชนะเป็นแถวยาว มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก เหล่าเจ้าของต่างยืนคุยกันอยู่ด้านข้าง พอถึงคิวตัวเองก็เข้าไปตักน้ำจนเต็ม เป็นไปอย่างมีระเบียบเรียบร้อยมาก ถ้าหากเป็นของเจ้าของร้านค้าข้างเคียงก็ฝากคนช่วยเฝ้าก่อน พอถึงคิวแล้วก็ค่อยออกมาเรียกหน้าทางเข้า
ในลานแม้ไม่มีต้นไม้ใหญ่ แต่พื้นที่ร่มเงาจากสิ่งปลูกสร้างก็มีกว้างมากเช่นกัน แผ่ร่มเงาเย็นสบาย
เมื่อคนมากันมาก เซี่ยหลิงหยายังยกม้านั่งจากข้างในมาให้ทุกคนได้นั่งพักระหว่างรอด้วย
“ลำบากเธอแล้ว เสี่ยวเซี่ย” คนที่อยู่ละแวกใกล้ๆ รู้จักเซี่ยหลิงหยาจึงกล่าวขอบคุณ
เซี่ยหลิงหยายิ้มกว้าง หายเข้าไปต้มน้ำแล้วชงชามาให้ทุกคนที่กำลังรอได้ดื่มกัน ขณะเดียวกันก็นำน้ำเย็นที่แช่เอาไว้ในบ่อน้ำขึ้นมาด้วย การกระทำนี้ทำให้ทุกคนเกิดความประทับใจต่อเขาและอารามเป้าหยาง
ผู้คนทั้งนั่งทั้งยืนในลาน อยากดื่มชาก็ดื่ม ไม่อยากดื่มชาก็รินน้ำเปล่าจากอีกเหยือกหนึ่งได้ อันที่จริงคนส่วนมากมาตักน้ำเพื่อนำกลับไปใช้ล้างผักหรืออาบน้ำ แต่เซี่ยหลิงหยานำน้ำในบ่อที่ผ่านการต้มแล้วมาเสิร์ฟให้พวกเขา พอพวกเขาดื่มแล้วถึงพบกับความแปลกใจ
เอ๋? น้ำนี่เหมือนว่า…อร่อยมากเลยแฮะ
ไม่ว่านำไปต้มเพื่อชงชาหรือแช่เย็นแก้กระหายก็อร่อยมากทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างหลัง วันที่อากาศร้อนจัดได้ดื่มน้ำเย็นๆ แก้วหนึ่งแบบนี้ ความสดชื่น ความเย็น ความหวานเข้าปากตกถึงท้อง ทำให้ผู้ดื่มสดชื่นขึ้นมาก
และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนกับว่าความคิดที่ตีบตันเพราะอากาศร้อนจัดถูกชะล้างออกไปจนผ่อนคลาย ปลอดโปร่งขึ้นทันตา
หลายคนอาศัยอยู่ในละแวกนี้มานานมากแล้ว แต่ไม่เคยมาเหยียบอารามเป้าหยางเลยสักครั้ง กระทั่งเกิดวิกฤตสถานการณ์ในตอนนี้ พอมาเพื่อตักน้ำถึงพบว่าข้างในไม่เหมือนกับที่เห็นภายนอก ดูโบราณเรียบง่าย เย็นสบาย ให้ความรู้สึกสงบอยู่บ้างท่ามกลางความวุ่นวายข้างนอก
ได้เข้ามานั่งข้างในพลางดื่มน้ำเย็นๆ อากาศร้อนอบอ้าวที่สะสมมาหลายวันนี้พริบตาเดียวก็ถูกขจัดออกไปไม่น้อย
ผู้คนที่เดิมทีไม่คิดจะนำน้ำในบ่อที่ยังไม่ผ่านการต้มไปดื่มใช้ต่างเปลี่ยนความคิดแล้ว รสชาตินี้ไม่ต่างอะไรจากน้ำแร่บรรจุถังที่ซื้อเข้าบ้านเลย และคล้ายว่าจะดีกว่าด้วย!
“บ่อน้ำสะอาดแบบนี้หาได้ยากแล้วในยุคนี้ ตอนเด็กเราเคยอยู่ในชนบท ตักน้ำในบ่อขึ้นมาดื่มได้เลย”
“ใช่ๆ ตอนนี้ไม่กล้าแล้ว ต้องต้มก่อน”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างเบิกบานใจ บรรยากาศแห่งการรอคอยผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก
…
ไม่ใช่คนแก่คนเฒ่าทุกคนจะชอบไปเต้นรำแบบสแควร์ที่จัตุรัส อย่างเช่นแม่ของซุนฟู่หยาง
หลังบ่อน้ำในอารามเป้าหยางเปิดให้บริการ คุณยายซุนรับหน้าที่ดูแลการต่อแถว คอยดูแลให้การตักน้ำเป็นระเบียบเรียบร้อย คนมาตักน้ำที่บ่อน้ำในอารามเป้าหยางมีมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะพ่อค้าในตลาดสดข้างๆ ยังมีประชาชนที่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ตอนนี้ต้องใช้เวลาต่อแถวค่อนข้างยาวแล้ว
ทุกวันคุณยายซุนจะรีบกินมื้อเย็นให้เสร็จแล้วเดินทอดน่องมายังอารามเป้าหยาง หลังวางถังต่อแถวเสร็จแล้วก็พูดคุยกับคนคุ้นเคยพลางตากอากาศ จนถึงคิวตัวเองก็วานให้คนหนุ่มแข็งแรงมายกถังน้ำไป
พวกเขาเหล่านี้อยู่ในวัยกลางคนเริ่มมีอายุ เวลาว่างมักไปเดินเล่นที่จัตุรัสเป็นประจำ ตอนนี้เพียงแค่ย้ายสถานที่มาต่อแถวพลางคุยเล่นพลางในอารามเต๋าแทน ระหว่างนั้นหากหิวน้ำก็สามารถดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ ที่เตรียมไว้ให้ฟรีในอารามเต๋าได้เลย หากว่างแล้วก็ซื้อเมล็ดแตงมากินเล่นได้ด้วย
อารามเริ่มขายเมล็ดแตงแล้ว แม้ข้างๆ มีร้านสะดวกซื้อ แต่ทุกคนต่างสมัครใจเลือกซื้อที่นี่แทน
เพียงไม่กี่วันคุณยายซุนก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มชินกับการเดินทอดน่องมาที่อาราม ตากอากาศ พูดคุย แล้วดื่มน้ำ
“น้ำนี่ในบ้านเราก็เริ่มต้มดื่มเองแล้วเหมือนกัน ฉันชิมดูแล้วไม่เลว ดีกว่าไปซื้อเป็นไหนๆ”
“ฮ่าๆ เมื่อวานฉันรีบก็เลยไม่ได้ต้ม ดื่มโดยตรงเลยสองอึก อร่อยมาก ไม่เป็นไรเลย!”
“ดื่มน้ำดิบโดยตรงไม่ค่อยดีนะ…”
…
เซี่ยหลิงหยาเปิดถุงเมล็ดแตงใบใหญ่แล้วเทลงบนถาด หลายวันนี้เขาเปลี่ยนสถานที่อ่านหนังสือมาเป็นลานข้างหน้าแทนแล้ว เวลาว่างก็ไปต้มน้ำ ขายขนมขบเคี้ยวนิดหน่อย
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีใครเข้าไปกราบไหว้ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยตอนนี้เพราะมีคนรวมกันมาตักน้ำทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมา คนเดินเท้าไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเข้ามามองข้างใน ถึงอย่างไรก็ล้วนเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากคนจำนวนมาก
เซี่ยหลิงหยาอยากรับสมัครนักพรตสักคน อารามของเขาเดิมทีไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ทุกคนเต็มใจมาก็จริงแต่ไม่ได้เต็มใจมาจุดธูปกราบไหว้ นับประสาอะไรกับการเป็นผู้ศรัทธา แม้แต่นักพรตสักคนยังไม่มี มีเพียงนักศึกษาจบใหม่หน้าละอ่อนอย่างเขาเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครเข้ามากราบไหว้เทพเจ้า
แต่การรับสมัครนักพรตไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการรับสมัครพนักงานในร้านอาหาร นอกจากเขาต้องจ่ายเงินเดือนแล้ว อีกฝ่ายยังต้องมีบัตรนักพรตที่ผ่านมาตรฐานด้วยถึงจะประกอบอาชีพได้
แล้วเมื่อไหร่จะได้นักพรตผ่านมาตรฐานล่ะ เขาจะต้องขายเมล็ดแตงอีกกี่ห่อกัน…
คนไม่รู้เรื่องภายในเห็นหนุ่มหล่อขายเมล็ดแตงคนนี้คงคิดว่าเป็นฆราวาสประจำอารามเต๋าหลังนี้ หรือไม่ก็มาทำหน้าที่ดูแลกิจการแทน ยังมีคนพูดกับเขา “ที่นี่เย็นสบายมากๆ เลย ฉันคิดว่าอารามหลายแห่งปลูกต้นไม้เพื่อต้อนรับแขก ถ้าหากเจ้าอารามของพวกเธอปลูกต้นไม้ใหญ่สักสองต้น บรรยากาศคงดีขึ้นมากเลย”
แต่ตำแหน่งเจ้าอารามว่างอยู่น่ะสิ…
เซี่ยหลิงหยาได้ยินแบบนี้ก็ตอบว่า “คุณอา ในลานของเรามีบ่อน้ำ บ่อน้ำมีห้าธาตุเป็นอิน ถ้าหากปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มจะนำพาโชคร้ายมา ดังนั้นจึงปลูกได้แค่ต้นไผ่จำนวนหนึ่ง”
คุณอาคนนั้นอึ้ง “เด็กหนุ่มแบบเธอ…”
คำพูดข้างหลังคงอยากบอกว่าช่างงมงายเหลือเกิน แต่พอคิดว่าที่นี่เป็นอารามเต๋าจึงไม่ได้พูดออกมา
เซี่ยหลิงหยายิ้มตอบ แม้เขามีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ แต่ก่อนหน้านี้ได้อ่านเจอเรื่องนี้ในสมุดบันทึกเป้าหยางสักเล่ม
ในศาสตร์ด้านฮวงจุ้ย ตำแหน่งบ่อน้ำสำคัญมาก หากขุดบ่อน้ำถูกตำแหน่งจะส่งผลดีต่อตัวบ้าน น้ำในบ่อก็จะกลายเป็นน้ำมหัศจรรย์ แต่ถ้าหากขุดผิดตำแหน่งก็จะนำพาสิ่งอัปมงคล น้ำในบ่ออาจเป็นพิษหรืออาจเป็นน้ำแห่งความตายได้
บ่อน้ำในอารามเป้าหยางเป็นทรงแปดเหลี่ยม แฝงความหมายถึงการเสริมธาตุทองกับน้ำควบคู่กัน ตำแหน่งที่ขุดก็เป็นตำแหน่งที่นำพาความรุ่งเรืองเข้ามา
ได้ยินว่าก่อนขุดบ่อน้ำ เป็นสมัยที่เจ้าอารามเริ่นยังอยู่ เขาลงมือคำนวณด้วยตัวเอง ตอนที่ขุดบ่อน้ำก็ต้องรอฤกษ์ที่แม่นยำ บ่งบอกถึงความตั้งใจแน่วแน่ ถึงอย่างไรวิชาฮวงจุ้ยก็ยึดถือสายน้ำเป็นหลัก
แถมที่คนเหล่านั้นรู้สึกสดชื่นหลังดื่มน้ำก็ไม่ใช่ความเข้าใจผิดหรือความบังเอิญ อันดับแรกเป็นเพราะพิถีพิถันเลือกตำแหน่งตอนขุดบ่อน้ำ คุณภาพน้ำจึงยอดเยี่ยม รองลงมาอาจเป็นผลพวงมาจากการที่เซี่ยหลิงหยาท่องคาถาอิ่มทิพย์ข้างบ่อน้ำอย่างเต็มที่เวลาว่าง
คาถาอิ่มทิพย์เป็นคาถาที่บันทึกใน ‘คัมภีร์อวิ๋นจี๋เจ็ดส่วน’ ตำราเกิดขึ้นในราชวงศ์ซ่งเหนือ เขียนและเรียบเรียงโดยจางจวินฝาง เนื้อหาข้างในเกี่ยวพันกับคัมภีร์มากมาย อารามเป้าหยางมีฉบับคัดลอกด้วยลายมือหนึ่งชุด ผ่านยุคสมัยมาอย่างยาวนาน ทั้งยังเขียนอธิบายเพิ่มเอาไว้ด้วย เวลาเซี่ยหลิงหยาอ่านบันทึกมักจะค้นหาหลักฐานอ้างอิงในหนังสือเล่มอื่นควบคู่ไปด้วย หรือเวลาอ่านเจออะไรก็ลองทำตาม คาดไม่ถึงว่าจะได้ผลจริงๆ
การใช้คาถาอิ่มทิพย์นี้จริงๆ แล้วต้องท่องหน้าอาหาร ใช้จิตวิญญาณควบคู่ลมปราณทำให้อาหารลงสู่กระเพาะ แถมยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีด้วย
หลายวันนี้เซี่ยหลิงหยาศึกษาบันทึกเพิ่มเติม ค่อนข้างใช้เวลาไปกับยันต์คาถาและวิชาปลีกย่อยเหล่านี้ ระหว่างที่ศึกษาค้นคว้าก็คิดได้ว่าคงใช้วิธีการแบบเดียวกับเฮ่อจุนที่ค่อยๆ พัฒนากลายเป็นผู้ศรัทธาไปตลอดไม่ได้ วิธีนั้นต้องใช้เวลานาน อีกอย่างตัวเขาก็ไม่ใช่นักพรตด้วย อย่างไรก็ตามต้องทำให้อารามเป้าหยางเป็นที่รู้จักก่อน
คอมเมนต์