คู่มือดูแลนักเขียนสุดเทพ ตอนที่ 3

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 003

อีเมลแจ้งสอบสัมภาษณ์ถูกส่งมาอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านอีเมลแจ้งจากมู่อวี่แล้วหลิงเหมี่ยวก็ทุบเตียงหัวเราะลั่นขึ้นมา “จี้หลินซีนายรู้ไหม ที่สัมภาษณ์อยู่ที่โรงแรมโอเรียนทอลฮ็อตสปริงที่อยู่ทางใต้ของเมือง!”
จี้หลินซีนับว่าได้ประสบกับตัวแล้วว่าหนวกหูแทบแตกเป็นอย่างไร เขาอยากจะเอาปืนฉีดน้ำแรงดันสูงสูบน้ำจากห้องน้ำ แล้วฉีดใส่หลิงเหมี่ยวสักทีจริงๆ จะได้ดับเปลวเพลิงที่เร่าร้อนบ้าคลั่งของหลิงเหมี่ยวซะ
“เฮ่อ” จี้หลินซีถอนหายใจยาว “นายจะตื่นเต้นเพราะที่สัมภาษณ์อยู่โรงแรมโอเรียนทอลฮ็อตสปริงทางใต้ของเมืองทำไม?”
“แสดงว่าซูหยางอาศัยอยู่ไม่ไกลจากฉันไงล่ะ!”
จี้หลินซีเห็นหลิงเหมี่ยวลิงโลดจนแทบจะขึ้นไปรื้อหลังคาแล้วจึงเตือนสติหลิงเหมี่ยว “เวลาเจอท่านเทพ อย่าตื่นเต้นให้มากนักนะ ไม่อย่างนั้นท่านเทพเห็นนายบ้าคลั่งเกินไป จะนึกว่านายหนีออกมาจากสวนสัตว์ไหนสักแห่ง แล้วข้ามนายไปซะ”
“ขอบคุณที่เตือนสติ” พูดจบ หลิงเหมี่ยวห้อยมือไว้นอกเตียง ออกแรงข้อมือเล็กน้อยแก้วน้ำที่อยู่ในมือก็บินออกไปอย่างราบรื่น แต่ไม่มีเสียงร้องโหยหวนตามที่หลิงเหมี่ยวคาดไว้
“ฉันแต่งนิยายแล้ว” หลิงเหมี่ยวแย่งพูดก่อนที่จี้หลินซีจะประชดประชันเขา จี้หลินซีส่งเสียง ‘ฮึ’ แรงๆ หนึ่งทีแสดงออกถึงความไม่พอใจของตนเอง
สถานที่สอบสัมภาษณ์ของหลิงเหมี่ยวคือห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมโอเรียนทอลฮ็อตสปริง ส่วนสาเหตุว่าทำไมถึงกำหนดไว้ที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นั้น ไม่เพียงหลิงเหมี่ยว ผู้คนมากมายในกลุ่มสอบสัมภาษณ์ก็ไม่เข้าใจ สำหรับข้อนี้คำตอบของมู่อวี่คือ ‘สถานที่สอบสัมภาษณ์ซูหยางเป็นคนกำหนด ส่วนสาเหตุที่กำหนดไว้ที่ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!’
“เทพซูช่างเป็นคนแปลกเสียจริง” หลิงเหมี่ยวอ่านข้อมูลพลางเอ่ยอย่างครุ่นคิด
ณ วันสอบสัมภาษณ์ หลิงเหมี่ยวตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ถึงออกจากบ้าน จี้หลินซีมองดูหลิงเหมี่ยวที่ไม่ค่อยคุ้นเคยตรงหน้า อึ้งอยู่หลายวินาทีกว่าจะพูดว่า “ถ้านายไม่บอกว่าวันนี้ไปสอบสัมภาษณ์ ฉันก็นึกว่านายจะไปดูตัวเสียอีก”
หลิงเหมี่ยวถีบจี้หลินซี พูดด้วยความโมโหว่า “ฮึ วันนี้ฉันจะไปดูตัว ดูตัวกับงานไงล่ะ!”
“แมวโง่” จี้หลินซีมองดูหลิงเหมี่ยวแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็ออกจากบ้านไป
หลิงเหมี่ยวมองดูแผ่นหลังของจี้หลินซีแล้วตะโกนว่า “หลินซี รอฉันด้วย ฉันขอไปหยิบโน้ตบุ๊กก่อน!”
เวลาหลิงเหมี่ยวออกจากบ้าน นอกจากกุญแจและกระเป๋าเงิน ยังมีของสองสิ่งที่ขาดไม่ได้ หนึ่งคือโทรศัพท์มือถือ อีกหนึ่งก็คือโน้ตบุ๊ก
จี้หลินซีเคยถามหลิงเหมี่ยวว่าทำไมต้องพกโน้ตบุ๊กติดตัว คำตอบของหลิงเหมี่ยวคือ ‘เวลาไม่มีอะไรทำก็แต่งนิยายได้ จะได้ไม่เสียเวลาเปล่าไงล่ะ’ ดังนั้น ในระหว่างรอสอบสัมภาษณ์ หลิงเหมี่ยวใช้เวลาส่วนใหญ่ในการแต่งนิยาย… นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่หลิงเหมี่ยวหางานไม่ได้สักทีก็ได้
หลิงเหมี่ยวนำบัตรหมายเลขที่ได้รับติดไว้ที่เอว เขาสูดหายใจเข้าลึก ก้าวหนักๆ เข้าไปในห้องอาหาร
หลิงเหมี่ยวปรากฏตัวที่ห้องอาหารได้เพียงไม่กี่วินาที เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาจับจ้องจากทุกทิศทุกทาง ทุกสายตาต่างมาบรรจบกันที่บัตรหมายเลขที่เอวของเขา
หลิงเหมี่ยวไม่มีอารมณ์ไปสนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นหรือสายตาหดหู่หรือสายตาไม่ประสงค์ดีพวกนั้น เขาเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างอยู่แล้วเตรียมตัวแต่งนิยาย
คนในห้องอาหารไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรหลังจากที่หลิงเหมี่ยวเข้ามาแล้ว ทุกคนบ้างนั่งคุยกันเป็นกลุ่มสองสามคน บ้างฟุบอยู่บนโต๊ะเล่นโทรศัพท์มือถือ บ้างนอนหนุนโทรศัพท์มือถือ และก็มีคนรับประทานอาหารพลางมองไปรอบๆ
ดูเหมือนว่ามีเพียงหลิงเหมี่ยวคนเดียวเท่านั้นที่แม้จะมาสัมภาษณ์ก็ยังไม่ลืมอาชีพเสริม
ดนตรีอันนุ่มนวลค่อยๆ ลื่นไหล แสงแดดส่องทแยงลอดม่านหน้าต่างเข้ามาตกอยู่บนบ่าหลิงเหมี่ยว ส่องจนคนรู้สึกขี้เกียจ
“เฮ่อ…” หลิงเหมี่ยวบิดขี้เกียจ ในใจรู้สึกเซ็ง ‘แสงแดดแบบนี้ ดนตรีแบบนี้ นี่มันสะกดจิตชัดๆ ฉันยังจะมีอารมณ์แต่งนิยายที่ไหนกัน!’
“ผมนั่งนี่ได้ไหมครับ?” มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งลอยมา
หลิงเหมี่ยวเงยหน้าขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้มเข้ามาในสายตาเขา
ชายหนุ่มยิ้มละมุน แสงสีทองที่ประดับที่มุมปากเพิ่มความอ่อนโยนให้ใบหน้าของเขา
ไม่พูดไม่ได้ว่าใบหน้าของผู้ชายคนนี้สร้างความประทับใจให้หลิงเหมี่ยวได้ไม่เลว หลิงเหมี่ยวจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับ”
“ผมชื่ออวี้หยาง คุณล่ะ?”
“หลิงเหมี่ยว”
อวี้หยางน้ำเสียงเป็นมิตรมาก แต่ไม่รู้เพราะอะไร หลิงเหมี่ยวรู้สึกว่าเขาเป็นบุคคลอันตราย เมื่ออวี้หยางยิงสายตาค้นหามาที่หลิงเหมี่ยว หลิงเหมี่ยวรู้สึกใจหายวูบจนแทบหายใจไม่ออก
ที่หลิงเหมี่ยวไม่รู้คือ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงมือแต่งนิยาย ผู้ชายที่ชื่ออวี้หยางคนนี้ก็เริ่มจับตาดูเขา
อวี้หยางเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาในห้องอาหาร ไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อเขามาถึงก็เริ่มเดินไปเดินมาในห้องอาหาร บางทีเขาก็เข้าไปคุยกับคนอื่น บางทีก็จะฟังคนอื่นคุยกัน ทว่าเวลาส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่ในห้องอาหาร… ไม่หยิบของ ไม่หาที่นั่งนั่งลง
บนหน้าของอวี้หยางประดับด้วยรอยยิ้มลึกลับยากจะหยั่งถึงตลอดเวลา แววตาฉายแววครุ่นคิดเป็นครั้งคราว แตกต่างกับผู้สมัครคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ผ่อนคลายประหนึ่งเขาเป็นเพียงคนเดินผ่าน
หลิงเหมี่ยวไม่สามารถรวบรวมสมาธิแต่งนิยายได้ จึงนั่งคุยสัพเพหระกับอวี้หยางไปเรื่อย อวี้หยางดูออกว่าความสนใจของหลิงเหมี่ยวไม่ได้อยู่ที่เขา เขากลอกตาแล้วเปลี่ยนหัวข้อคุยทันที
“ผมสังเกตคุณมาตลอดตั้งแต่เมื่อกี้ พบว่าคุณไม่เหมือนคนอื่น” อวี้หยางมองหลิงเหมี่ยวด้วยความชื่นชม หลิงเหมี่ยวรู้สึกสับสน คิดในใจว่า ‘ไอ้นี่คงไม่เหมือนเจ้านายของจี้หลินซีที่ชอบไม้ป่าเดียวกันหรอกนะ?’

คอมเมนต์

Chapter List