คู่มือดูแลนักเขียนสุดเทพ ตอนที่ 4
ตอนที่ 004
“ไม่เหมือนยังไง?” หลิงเหมี่ยวท่าทางหงุดหงิด แล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่อวี้หยางพูดนั้นน่าขัน
‘โครม’ สมองหลิงเหมี่ยวเดือดพล่าน เขาชี้อวี้หยางแล้วถามว่า “คุณบอกว่าเมื่อกี้คุณคอยสังเกตผมมาตลอด พูด นี่คุณคิดจะทำอะไรผมใช่ไหม?” พูดถึงตอนท้าย เสียงหลิงเหมี่ยวเริ่มสั่นขึ้นมา
อวี้หยางหน้าเหลอหลา เห็นชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าหลิงเหมี่ยวจะคิดไปในทางนั้น เขายิ้มพลางอธิบายว่า “ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณ” อวี้หยางหยุดเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ผมก็บอกแล้วว่า คุณไม่เหมือนคนอื่น คุณดูสงบ ไม่กระสับกระส่าย เลยเวลาเริ่มสอบสัมภาษณ์ที่เทพซูกำหนดไว้สามชั่วโมงแล้วแต่คุณยังสุขุมอยู่ จะเห็นว่าคุณเป็นคนมีความอดทนมาก ยิ่งไปกว่านั้น…”
“สามชั่วโมงก็สามชั่วโมงเถอะ พูดจริงๆ สามชั่วโมงนี้ผมไม่ได้รอเปล่าๆ… ผมแต่งนิยายได้ตั้งห้าพันตัวแน่ะ” หลิงเหมี่ยวพูดแทรกอวี้หยางขึ้นมา… เขาไม่รู้สึกสนใจในสิ่งที่อวี้หยางพูดจริงๆ
ถูกหลิงเหมี่ยวพูดขัดอย่างไร้ความปรานี อวี้หยางยังคงรักษารอยยิ้มไว้ เขาพูดว่า “คุณนี่ใจกว้างดีนะ”
หลิงเหมี่ยวค้อนควัก คิดในใจว่า ‘นอกจากรอ ฉันยังจะทำอะไรได้หรือไง หรือจะให้ลากเทพซูออกมาซ้อมหนักๆ สักยกถามเขาว่าทำไมปล่อยให้พวกเรารอนานขนาดนี้’
สายตาดูแคลนของหลิงเหมี่ยวไม่อาจรอดพ้นสายตาของอวี้หยาง อวี้หยางไม่ได้แสดงให้เห็นว่าใส่ใจ เขาอยากเปลี่ยนเรื่องคุยกับหลิงเหมี่ยว แต่จู่ๆ หลิงเหมี่ยวก็ลุกขึ้นมา
เห็นหลิงเหมี่ยวสะพายโน้ตบุ๊กท่าทางเตรียมจะจากไป อวี้หยางรีบถามว่า “คุณจะไปแล้วเหรอ”
หลิงเหมี่ยวชี้เวลาแล้วบอกอวี้หยางว่า “พี่ชาย ตอนนี้เที่ยงแล้ว ผมหิวมาก”
……………………
ทั้งสองคนรับประทานมื้อเที่ยงด้วยกัน พบว่ารสนิยมการกินของอีกฝ่ายไม่ต่างจากตัวเองเท่าไร เพราะอย่างนี้ หลิงเหมี่ยวและอวี้หยางจึงคุยกันต่ออีกสักพัก ความรู้สึกที่เขามีต่ออวี้หยางดีขึ้นไม่น้อย ทั้งสองยังนัดกันว่าหากมีเวลาว่างจะไปเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน
เวลาไม่เช้าแล้ว อวี้หยางหาเหตุผลแยกตัวจากหลิงเหมี่ยว หลิงเหมี่ยวเปิดโน้ตบุ๊กแต่งนิยายต่อ ส่วนอวี้หยางยังคงวนเวียนอยู่ในห้องอาหาร เขาแทบจะคุยกับผู้สมัครทุกคนคนละแป๊บๆ
เพียงแต่เห็นชัดว่าไม่มีคนสังเกตถึงจุดนี้
พริบตาเดียวก็ถึงเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ในระหว่างนี้มีคนจำนวนหนึ่งกลับไปแล้วเพราะรอนานเกินไป
ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงตอนนี้ เทพซูหรือผู้รับผิดชอบการสอบสัมภาษณ์ไม่มีใครปรากฏตัวสักคน ในกลุ่มสอบสัมภาษณ์เงียบเป็นเป่าสาก… มู่อวี่ไม่อนุญาตให้คุยเล่นกันในกลุ่ม… คนที่ยังรออยู่มีบางส่วนเริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมา ความกังวลแผ่ซ่านภายในผู้สมัครอย่างรวดเร็ว มีคนทนไม่ไหวเข้าไปถามมู่อวี่ในกลุ่ม มู่อวี่บอกเขาให้กลับไปได้ จากนั้นก็เตะเขาออกจากกลุ่ม หลังจากนั้นคนจำนวนไม่น้อยต่างก็สงบลง
อวี้หยางนั่งอยู่มุมห้อง สายตาของเขาจับจ้องที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา นิ้วมือจิ้มหน้าจอโทรศัพท์ไม่หยุด ดูเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่
เมื่ออวี้หยางเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าได้ประมาณครึ่งนาที ในกลุ่มสอบสัมภาษณ์ก็มีข้อมูลใหม่เข้ามา
“มู่อวี่บอกว่าที่สุดท้ายในการสอบสัมภาษณ์อยู่ที่ห้องครัวของร้านอาหารเจ๊ฟางใกล้อุทยานนคร แต่มีแค่หมายเลขเจ็ด หมายเลขสิบ หมายเลขสิบแปด หมายเลขยี่สิบสี่เท่านั้นที่ได้เข้าร่วมการทดสอบสุดท้าย” มีคนอ่านข้อมูลของมู่อวี่ออกมาเสียงดัง
หมายเลขเจ็ด หมายเลขสิบ หมายเลขสิบแปด หมายเลขยี่สิบสี่… หลิงเหมี่ยวคือหมายเลขสิบพอดี และถ้าจำไม่ผิด อวี้หยางคือหมายเลขยี่สิบสี่
“ทำไมถึงเหลือแค่ไม่กี่คนนี้ล่ะ” มีคนถามอย่างไม่ยอม
มู่อวี่ตอบว่า ‘ซูหยางสังเกตพวกคุณมาตลอด เขาเป็นคนกำหนดคนที่จะเข้าร่วมการทดสอบสุดท้าย’
“เทพซูอยู่ที่นี่?”
‘เทพซูอยู่ที่นี่’ คำพูดประโยคเดียวทำให้ทุกคนแตกตื่นขึ้นมา ทุกคนต่างคุณมองดูฉันฉันมองดูคุณ อยากให้อีกฝ่ายเป็นซูหยางเสียให้ได้ ทว่าแต่ละคนต่างส่ายศีรษะออกตัว ‘ฉันไม่ใช่ซูหยาง!’
“ที่จริงเทพซูอยู่ที่นี่ก็ฟังดูมีเหตุผลนะ แม้พวกเราจะรู้ว่านี่เป็นการสอบสัมภาษณ์ แต่สภาพแวดล้อมทำให้พวกเราผ่อนคลาย จนลืมไปว่านี่คือการสอบ ผมคิดว่าเทพซูเลือกคนที่เหมาะสมจะเป็นผู้ช่วยของเขาที่สุดจากการแสดงออกของพวกเรา เพียงแต่จำนวนคนเยอะไปหน่อย”
“อย่ามาหลอกซะให้ยาก” หลิงเหมี่ยวมองดูคนคนนั้นอย่างเหยียดหยาม “อวี้หยาง คุณเปลี่ยนอาชีพเป็นนักต้มตุ๋นตั้งแต่เมื่อไร”
“ผมเป็นมาตลอดแหละ คุณไม่รู้หรือเนี่ย” อวี้หยางตกใจจนคางแทบตกลงไปอยู่บนพื้นแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตามีสีต่างๆ จากรอบทิศทาง หลิงเหมี่ยวกระแอมสองที “แค่กๆ เอ่อคือ พวกเราควรไปแล้วนะ การทดสอบครั้งสุดท้าย…”
“แหะๆ หลิงเหมี่ยวผมขอทำนายนะ” จู่ๆ อวี้หยางก็มาพูดอยู่ที่ข้างหูของหลิงเหมี่ยว ไอร้อนจากการพูดกระจายไปทั่วขอบไรผมของหลิงเหมี่ยวหมด
“ทำนาย? ทำนายอะไร?” หลิงเหมี่ยวเริ่มรู้สึกกลัวอวี้หยางอย่างไม่มีเหตุผล แม้แต่เสียงพูดก็กระเส่า
อวี้หยางพูดอย่างมั่นใจ “ผมรู้สึกว่า ในระหว่างพวกเราสี่คน คนที่เทพซูเลือกจะต้องเป็นคุณแน่ๆ” ตอนที่พูดประโยคนี้อวี้หยางพูดแนบกับหูของหลิงเหมี่ยว ดังนั้นจึงมีแต่หลิงเหมี่ยวคนเดียวที่ได้ยิน
ลมหายใจขณะพูดของอวี้หยางกระจายออกข้างหูหลิงเหมี่ยว จนหลิงเหมี่ยวหน้าร้อนผ่าว
“คำพูดของคุณ เชื่อไม่ได้” หลิงเหมี่ยวผลักอวี้หยางออก แล้วรีบร้อนเดินลงบันไดไป อวี้หยางมองดูแผ่นหลังหลิงเหมี่ยวที่หนีเตลิดไป หัวเราะก่อนถามว่า “หลิงเหมี่ยว คุณรู้ทางเหรอ?”
ความจริงพิสูจน์แล้วว่าหลิงเหมี่ยวรู้ทาง กลับเป็นสองคนที่เหลือที่ไปไม่ถูก ดังนั้นอวี้หยางจึงกลายเป็นมนุษย์GPSไปครั้งหนึ่ง
การทดสอบครั้งสุดท้ายคือการทำอาหาร คนที่ทำเสร็จคนแรกคือหลิงเหมี่ยว หลิงเหมี่ยวทักทายอีกสามคนที่ยังคงยุ่งอยู่แล้วผิวปากพลางเดินเนิบๆ ไปทางห้องเช่า
หลังจากหลิงเหมี่ยวไปไม่นาน อาหารของอีกสองคนก็ทำเสร็จแล้วเช่นกัน ส่วนอวี้หยางยังคงยืนทำอะไรดุกดิกอยู่หน้าหม้อ
เมื่อแน่ใจว่าทั้งสามคนจากไปหมดแล้วอวี้หยางถึงได้ปิดไฟ… เขาต้มน้ำประปาไว้หม้อหนึ่ง
เจ้าของร้านอาหารหน้าบูดพลางห่ออาหารที่ทั้งสามคนทำไว้ อวี้หยางนับธนบัตรหลายใบยื่นให้เจ้าของร้าน เจ้าของร้านรับธนบัตรแต่สีหน้ายังไม่ดีขึ้นเท่าไร “ถ้าไม่เห็นแก่นายที่เป็นลูกค้าประจำ ฉันไม่มีทางรับปากให้นายยืมห้องครัวไปทำการแข่งขันอะไรนี่หรอก”
“เจ๊ฟาง ผมรู้ว่าเจ๊เป็นคนดี ผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เหมือนเดิม” อวี้หยางถืออาหารสามอย่างที่ห่อไว้แล้วจากไปโดยไว
คอมเมนต์