คู่มือดูแลนักเขียนสุดเทพ ตอนที่ 5
ตอนที่ 005
กลับถึงห้องเช่า หลิงเหมี่ยวล้มลงบนเตียงของจี้หลินซี ในห้องที่สลัวเงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงหายใจของหลิงเหมี่ยว
หลิงเหมี่ยวมองดูเส้นเส้นหนึ่งสว่างอยู่บนเพดาน นั่นคือแสงไฟที่ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง แสงสว่างและความมืดบรรจบกัน หลิงเหมี่ยวรู้ดีว่าแสงไม่ได้ขยับ แต่ตาของเขากลับเห็นแสงกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ สุดท้ายที่หยุดอยู่หน้าเขาคือใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง
“อวี้หยาง” หลิงเหมี่ยวหลุดชื่อของผู้ชายคนนั้นออกมาเบาๆ “อวี้หยาง…ทำไมจู่ๆ ฉันถึงนึกถึงเขาขึ้นมาวะ?” หลิงเหมี่ยวแทบจะคำรามคำพูดนี้ออกมา หลังจากคำรามไม่ว่าอย่างไรหลิงเหมี่ยวก็สงบลงไม่ได้ เพราะว่าอวี้หยางอยู่ในสมองของเขาตลอดไม่ยอมออกไปเสียที
“เฮ้ย ทำไมนึกถึงเขาเรื่อยเลย หรือว่าโดนเขาเล่นของใส่?” หลิงเหมี่ยวลุกขึ้นนั่งขยี้ผมไม่หยุด ดูท่าทาง ไม่ขยี้จนผมร่วงจะไม่ยอมเลิกรา
“อวี้หยางคนนี้ แปลกๆ อยู่นะ” หลิงเหมี่ยวนึกย้อนถึงเรื่องแปลกๆ บางเรื่องตอนที่เสวนากับอวี้หยาง “เมื่อกี้ตอนอยู่ที่ห้องอาหาร เวลาที่เขาทำอาหารเขาเปิดฝาหม้อเติมน้ำแค่สองครั้ง ตอนที่เปิดฝา เราไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ตกลงเขามาสมัครงานหรือว่ามาเป็นพิธีไปอย่างนั้นเอง? หรือว่าเขาก็คือเทพซู? หรืออาจจะเป็นเพื่อนของเทพซู? แต่ว่า นิสัยแบบเขานี่ ดูไม่น่าจะเป็นเทพซูนี่นา!”
“โวยวายอะไร เพิ่งเดินถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของนาย” เสียงเย็นชาของจี้หลินซีลอยมา หลิงเหมี่ยวเหล่เขาทีหนึ่งแล้วพูดอย่างรำคาญว่า “ตอนสัมภาษณ์วันนี้ เจอคนโรคจิตคนนึง ตอนแรกยังรู้สึกว่าเขาไม่เลว ตอนหลัง…ตอนหลังเวลาเขาพูด ชอบเป่าลมใส่หูฉันเรื่อยเลย น่ารำคาญเป็นบ้า”
“น่ารำคาญเหรอ? ฉันกลับรู้สึกว่านายชอบนะ”
“ไอ้บ้า!” หลิงเหมี่ยวชูนิ้วกลางให้จี้หลินซี “ไม่พูดมากกับนายแล้ว ฉันจะไปแต่งนิยาย!”
“เฮ่อ” เปิดไฟล์ออก หลิงเหมี่ยวถอนหายใจทีหนึ่ง “เทพซูเทพซู ทำไมคุณต้องทำตัวเองให้ลึกลับแบบนี้ด้วยนะ?”
ทำไมซูหยางต้องทำตัวเองให้ลึกลับแบบนี้ด้วยนะ? เพราะว่าของบางอย่างจะกลายเป็นอาวุธที่คนอื่นใช้โจมตีตัวเอง
………………….
“เอิ๊ก…” เมื่อกินอิ่ม ชายหนุ่มก็เรออย่างห้ามตัวเองไม่ได้ จ้องดูอาหารสองอย่างที่ยังไม่ได้แตะต้องบนโต๊ะและซุปใสเนื้อที่ถูกตนกินจนเกลี้ยง ซุปใสเนื้อเป็นผลงานของหลิงเหมี่ยว ชายหนุ่มโยกศีรษะเบาๆ สองที
มือซ้ายของชายหนุ่มเคาะพื้นผิวโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ มือขวาจับเมาส์กดเปิดไฟล์ขึ้นมาไฟล์หนึ่ง
ไฟล์นี้เห็นชัดว่าเป็นแบบฟอร์มสมัครงานของหลิงเหมี่ยว!
“หลิงเหมี่ยว หลิงเหมี่ยว” ชายหนุ่มเรียกชื่อของหลิงเหมี่ยวเบาๆ จากนั้นกดเปิดแบบฟอร์มสมัครงานอีกสองฉบับ
“หลินซู เยี่ยจิ่น” ชายหนุ่มนวดขมับ คิ้วขมวดแน่นดูเหมือนกำลังตัดสินใจบางสิ่งที่ลำบาก
แน่นอนว่าผู้ชายคนนี้ก็คือเทพนักเขียนซูหยางผู้ไม่เคยปรากฏตัว… ชื่อจริงซูอวี้หยาง
ก่อนสอบสัมภาษณ์ความประทับใจที่ซูอวี้หยางมีต่อหลิงเหมี่ยวก็มากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว เพราะว่าหลิงเหมี่ยวเป็นคนเดียวในบรรดาผู้สมัครที่ด่าเขาว่าสารเลว
‘เทพซูเอาแต่ทำตัวลึกลับ ทำให้คนอยากพบแต่พบไม่ได้ สารเลวจริงๆ เลย!’ นี่ก็คือความเข้าใจที่หลิงเหมี่ยวมีต่อซูหยาง
ซูอวี้หยางนึกถึงการแสดงออกของหลิงเหมี่ยววันนี้ รู้สึกประทับใจในตัวเขาขึ้นมาอีกนิด ลองคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง คล้ายว่านอกจากหลิงเหมี่ยวแล้ว ภาพของคนอื่นที่หลงเหลืออยู่ในสมองเขาล้วนเลือนรางหมดแล้ว รวมทั้งคู่แข่งสองคนสุดท้ายของหลิงเหมี่ยว
“หลิงเหมี่ยวคนนี้ หน้าตาก็ดูฉลาดดีแท้ๆ สมองกลับโตไม่ถูก ภายนอกดูเข้าใจอะไรไปซะหมด ความจริงกลับไร้เดียงสามาก มิหนำซ้ำบางทีก็ไร้เดียงสาเกินไป จนทำให้รู้สึกว่าโง่เสียอย่างนั้น
หลิงเหมี่ยวยังนับว่าเข้าใจเรา แล้วก็เข้าใจผลงานของเรา เหมือนเขาจะเป็นนักเขียนนิยาย ถ้าอย่างนั้นเขาน่าจะรู้ว่าต้องอัพโหลดยังไง ต่อไปเรื่องการแก้ไข การออกประกาศให้เขาทำก็ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ เขาทำอาหารได้ไม่เลว ต่อไปจะได้ไม่ต้องสั่งเดลิเวอรี่ทุกมื้อแล้ว เฮ่อ ทุกครั้งที่เห็นสีหน้าน่ากลัวของคนส่งเดลิเวอรี่ นึกแล้วยังกลัวไม่หายเลย”
พอคิดว่าจ้างหลิงเหมี่ยวแล้วตัวเองจะได้กินอาหารอร่อยทุกวัน แถมไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนส่งเดลิเวอรี่ท่าทางน่ากลัวนั่น ซูอวี้หยางก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ นะเนี่ย
เมื่อเลือกคนได้แล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นซูอวี้หยางส่งข้อความที่เรียบเรียงไว้แล้วตั้งแต่หลายวันก่อนออกไป ผู้รับย่อมเป็นหลิงเหมี่ยวอยู่แล้ว
หลิงเหมี่ยวถูกเสียงแจ้งเตือนข้อความปลุกให้ตื่น เมื่อเสียงแจ้งเตือนผ่านไปเขาก็นอนต่ออีก ผลลัพธ์ของการนอนต่อก็คือหลับยาวไปถึงบ่ายโมง
หลิงเหมี่ยวหรี่ตาครึ่งหนึ่ง เดินไปห้องน้ำอย่างสะลึมสะลือ สำหรับข้อความเมื่อครู่ เห็นชัดว่าเขาลืมไปแล้ว
หลิงเหมี่ยวรู้สึกหิว เขาเปิดตู้ออกเตรียมหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึงนึกขึ้นได้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินหมดไปตั้งนานแล้ว
“แม่งเอ๊ย เมื่อวานออกไปก็ควรเอากลับมาสักกล่อง” หลิงเหมี่ยวปิดตู้ด้วยความหงุดหงิด
หลิงเหมี่ยวใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็หาวพลางออกจากบ้านไป
ก่อนไปซุปเปอร์มาร์เก็ต หลิงเหมี่ยวตรวจดูเงินออมของตัวเองก่อน… หน้าจุดทศนิยมมีไม่ถึงสี่หลัก เลขหลักร้อยคือเลขสาม
ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ๆ นี้ หลิงเหมี่ยวคุ้นเคยเสียจนเหมือนเขาเป็นคนแนะนำสินค้าของที่นี่ ดังนั้นเมื่อเข้าไปถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตเขาก็พุ่งไปที่แผนกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทันที ไม่ว่ารสอะไรก็หยิบมารสละสองห่อ คิดๆ แล้วก็หยิบไส้กรอกมาอีกห่อหนึ่ง
เตรียมเสบียงเกือบเดือนเสร็จแล้ว หลิงเหมี่ยวเดินไปเคาน์เตอร์คิดเงินอย่างพอใจ
ขณะที่คิดเงิน พนักงานเก็บเงินมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ หลิงเหมี่ยวไออย่างกระอักกระอ่วนหนึ่งที จากนั้นยื่นบัตรให้
พนักงานเก็บเงินส่งสลิปให้ใบหนึ่ง หลิงเหมี่ยวกวาดตามองปราดหนึ่งกำลังเตรียมตัวเซ็นชื่อเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น ‘เฮ่อ ความเร็วในการหักเงินนี่ก็เร็วไปหน่อยนะ’
หลิงเหมี่ยวออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถุงเบ้อเริ่มเดินตรงไปห้องเช่า
“ข้อความยังไม่อ่านสองข้อความ?” มองดูการแจ้งเตือนข้อความ หลิงเหมี่ยวรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย
ข้อความยังไม่อ่านสองข้อความ ข้อความหนึ่งคือข้อความแจ้งการหักเงินจากธนาคาร อีกข้อความหนึ่งล่ะ?
คอมเมนต์