คู่มือดูแลนักเขียนสุดเทพ ตอนที่ 7
ตอนที่ 007
“แค่กๆ…” อวี้หยางไม่คิดว่าสุดท้ายเฟิงจี้จะพาดพิงถึงตัวเอง กาแฟในปากเขาที่ยังไม่เข้าหลอดอาหารก็เลยเข้าไปในหลอดลมแทน
“ใช่” อวี้หยางพ่นออกมาคำหนึ่งอย่างยากลำบาก
สายตาเฟิงจี้นิ่งงันไปแวบหนึ่ง
ถึงแม้สิ่งที่เขาพูดคือความจริง แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าอวี้หยางจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้!
‘ไม่คิดว่าอวี้หยางจะยอมรับแล้ว ตามหลักแล้วเขาควรจะคัดค้านอย่างเด็ดขาดสิ!’ ความคิดหนึ่งแวบผ่านสมองเฟิงจี้ แล้วหายไปอย่างรวดเร็วในส่วนลึกของความความมืดอีก แต่ว่าสายตาของเฟิงจี้กลับตกไปอยู่บนตัวหลิงเหมี่ยว
‘ใช่หลิงเหมี่ยวเปลี่ยนแปลงเขาหรือเปล่า? นี่…นี่ไม่ค่อยถูกหลักวิทยาศาสตร์นะ! รักแรกพบก็ไม่ได้พัฒนากันแบบนี้นี่นา!’
เฟิงจี้รู้สึกถึงความผิดปกติ แต่หลิงเหมี่ยวและอวี้หยางต่างไม่รู้สึก
หลิงเหมี่ยวมองอวี้หยางอย่างใจลอย เขาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน อวี้หยางนึกว่าหลิงเหมี่ยวเดาอะไรบางอย่างออกแล้ว เขากระแอมทำให้คอคล่องขึ้นกำลังเตรียมจะอธิบายก็ได้ยินหลิงเหมี่ยวพูดว่า “ฟังมาตั้งนาน เทพซูชอบผู้ชายเหรอเนี่ย!”
“ฟู่…” เฟิงจี้บังคับไว้ไม่อยู่ กาแฟในปากถูกพ่นออกมาหมด พ่นไปไหนไม่พ่นดันพ่นใส่ตัวอวี้หยางหมด “ฮ่าๆ! ตลกจังเลย ฉันยังนึกว่าเขา…” เฟิงจี้งอตัว เสียงหัวเราะในปากไม่ได้หยุดเลยสักวินาทีเดียว
วันนี้อวี้หยางใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กาแฟสีน้ำตาลกระจายออกบนเนื้อผ้าสีขาว ภาพวาดที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกก็เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้
ใบหน้าของอวี้หยางราวกับถูกคลุมด้วยผ้าดำชั้นหนึ่ง หลิงเหมี่ยวรู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพลวงตา มีกลุ่มควันสีดำลอยขึ้นจากศีรษะอวี้หยาง
“นายพอแล้วนะ” อวี้หยางกระชากคอเสื้อของเฟิงจี้ดึงเขาขึ้นมา พูดเสียงเย็นชาว่า “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”
เฟิงจี้รับรู้จึงตอบไปว่า “OK”
หลิงเหมี่ยวมองดูเฟิงจี้ด้วยความสงสัย เขาถามอวี้หยางด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “พวกคุณสองคนส่งซิกอะไรกัน?”
“เดี๋ยวคุณก็รู้แล้ว” อวี้หยางไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาลากหลิงเหมี่ยวขึ้นมาแล้วเดินไปทางบันได
หลิงเหมี่ยวดิ้นรนว่า “ปล่อยผมสิโว้ย”
อวี้หยางไม่ได้ปล่อยมือ กลับเป็นหลิงเหมี่ยวที่รู้สึกว่าหูร้อนขึ้น ความโกรธและความหงุดหงิดบนใบหน้าถูกแทนที่โดยความตื่นเต้นดีใจ… อวี้หยางพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังข้างหูเขา
หลิงเหมี่ยวดิ้นหลุดจากการเหนี่ยวรั้งของอวี้หยางแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสองไปอย่างรีบร้อน เฟิงจี้ส่งยิ้มที่แฝงความหมายลึกซึ้งให้อวี้หยาง อวี้หยางเขกศีรษะเฟิงจี้ทีหนึ่งจากนั้นตามขึ้นไปข้างบน
ชั้นสองเป็นที่อยู่ของเฟิงจี้ แม้จะเล็กแต่ยังนับว่าเก็บกวาดสะอาด และเป็นเพราะว่าเล็ก ดังนั้นในห้องมีอะไรบ้าง มองปราดเดียวจึงเห็นหมด… ที่นี่ไม่มีบุคคลที่สามเสียหน่อย
“เทพซูล่ะ?” หลิงเหมี่ยวทวงถาม
ที่แท้ที่อวี้หยางพูดอยู่ข้างหูเขาเมื่อครู่คือ ‘เทพซูอยู่ข้างบน’ เพื่อให้ได้พบกับไอดอล หลิงเหมี่ยวจึงวิ่งขึ้นข้างบนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้เขาเสียใจภายหลังแล้วจริงๆนะ!
“หลิงเหมี่ยว คุณนี่ถูกหลอกง่ายจัง” คิ้วของอวี้หยางขมวดเข้าด้วยกัน คำพูดเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
หลิงเหมี่ยวจับความรู้สึกสำนึกผิดบนหน้าอวี้หยางได้ เขาคิดอย่างสงสัยว่า ‘เขาสำนึกผิดอะไรล่ะ ที่ควรเสียใจภายหลังต้องเป็นเราสิ? สมองเรานี่ ทำไมจู่ๆ ก็เกิดลัดวงจรขึ้นมานะ?’
“เฮ้ย” อวี้หยางตะโกนเบาๆ ทีหนึ่ง คำพูดที่อยากพูดยังไม่ทันได้ออกจากปากหลิงเหมี่ยวก็โวยวายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “คุณจะทำอะไร ผมขอบอกนะว่าผมเป็นผู้ชาย…ถึงแม้…ถึงแม้ผมอาจสู้คุณไม่ได้ แต่…ผม…ผมทำคุณพิการได้นะ ให้ชาตินี้คุณทำได้แค่ถูกคน…”
“พูดพอยัง?” อวี้หยางพ่นออกมาสามคำเนิบๆ น้ำเสียงที่สงบกดดันจนหลิงเหมี่ยวหายใจลำบาก หลิงเหมี่ยวหลังติดกำแพง อีกมือหนึ่งขวางไว้ตรงหน้าอก “คุณ…คุณจะทำอะไร คุณอย่าเข้ามา ผมเคยฝึกวิชามาก่อนนะ!” หลิงเหมี่ยวเสียงไม่นิ่ง เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำราวกับนั่งรถไฟเหาะ
อวี้หยางนับว่าเข้าใจแล้ว ถ้าไม่อธิบายให้ชัดเจนหลิงเหมี่ยวไม่มีทางสงบลงได้เลย
“ผมรู้สึกว่าผมมีความจำเป็นต้องแนะนำตัวเองสักหน่อย” อวี้หย่างไม่ได้ก้าวใกล้เข้ามา เขาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือเข้ามาแล้วนั่งลงที่เดิม
อวี้หยางนั่งตัวตรง มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “ชื่อจริงของผมคือซูอวี้หยาง นามปากกาซูหยาง ปกติทุกคนเรียกผมว่าเทพซู คุณเรียกผมว่าพี่ซูก็ได้”
“ซูอวี้หยาง? ถ้างั้นที่เฟิงจี้เรียกคุณว่าอวี้หยางไม่ใช่เพราะคุณชื่ออวี้หยางเหรอ?” หลิงเหมี่ยวถากถาง เมื่อคำพูดที่สมบูรณ์ของซูอวี้หยางไหลผ่านสมองของเขา เขาถึงร้องออกมาอย่างตกใจว่า “นามปากกาของคุณคือซูหยาง? คุณคือเทพซู?”
ซูอวี้หยางพยักหน้า
“ถุย!”
เมื่อสิ้นเสียงหลิงเหมี่ยว น้ำลายกองหนึ่งก็ตกอยู่บนพื้น เดาได้ว่า ถ้าซูอวี้หยางนั่งกระเถิบมาข้างหน้าอีกครึ่งเมตร น้ำลายกองนี้ก็ไม่ใช่ตกอยู่บนพื้นแล้ว
เห็นชัดว่าซูอวี้หยางคาดไว้แล้วว่าหลิวเหมี่ยวต้องไม่เชื่อ เขาเหล่หลิงเหมี่ยวปราดหนึ่ง แล้วหันสายตาไปที่โน้ตบุ๊กตัวเอง
หลิงเหมี่ยวมองดูกระหม่อมของซูอวี้หยางอย่างสำนึกผิด ในตาส่องแสงระยิบระยับ เขาเคยเดาว่าอวี้หยางก็คือซูหยาง ตอนที่อวี้หยางยอมรับว่าตัวเองคือซูหยางนั้น หลิงเหมี่ยวเกือบจะโถมเข้าไปกอดซูอวี้หยางไว้ แต่กลับใจเย็นลงในพริบตา… ไม่แน่เจ้านี่อาจจะกำลังหลอกตัวเองอีกแล้ว!
ซูอวี้หยางหันจอโน้ตบุ๊กไปทางหลิงเหมี่ยว พูดด้วยความมั่นใจว่า “นี่คือส่วนหลังบ้านของนักเขียนของซูหยาง”
หลิงเหมี่ยวมองทีหนึ่ง เป็นส่วนหลังบ้านของของซูหยางจริงๆ แต่สีหน้าของเขาบอกซูอวี้หยางว่า ‘ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะเป็นเทพซู!’
ซูอวี้หยางก็ขี้เกียจเปลืองน้ำลาย เขาตัดสินใจใช้วิธีที่น่าเชื่อถือกว่าเพื่อพิสูจน์ให้หลิงเหมี่ยวเห็นว่าตัวเองก็คือซูหยาง!
“ชื่อเวยป๋อของคุณ”
“ก่อนศูนย์วินาที” หลิงเหมี่ยวบอกชื่อเวยป๋อของตัวเองออกไปอย่างแหยๆ… และก็เป็นนามปากกาของเขาด้วย ซูอวี้หยางถามว่า “ที่ตรงคำแนะนำตัวคือนักเขียนขายไม่ออก?”
“อันนั้นแหละ” หลิงเหมี่ยวพูดด้วยความโมโห… น้ำเสียงของซูอวี้หยางเมื่อครู่ทำให้เขายากจะสงบจริงๆ
หลิงเหมี่ยวมองไม่เห็นว่าซูอวี้หยางทำอะไรอยู่ ไม่ถึงหนึ่งนาทีซูอวี้หยางก็หันโน้ตบุ๊กเข้ามาอีก
หน้าแรกของเวยป๋อของซูหยาง! ที่ทำให้หลิงเหมี่ยวตกใจยิ่งกว่าคือโพสต์ล่าสุดในนั้น ‘นี่คือผู้ช่วยส่วนตัวที่ผมเลือก@ก่อนศูนย์วินาที’
หลิงเหมี่ยวเปิดเวยป๋อของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ พบว่ามีแท็กเพิ่มมาข้อหนึ่งและผู้ติดตามคนหนึ่ง!
คอมเมนต์