คู่มือดูแลนักเขียนสุดเทพ ตอนที่ 1
ตอนที่ 001
“เฮ่อ”
พอเปิดประตู จี้หลินซีได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากเหนือศีรษะ เขาวางโน้ตบุ๊กไว้บนเตียงแล้วพูดล้อเล่นว่า “แมวโง่ หางานไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”
“เฮ้ย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่าแมวโง่!” หลิงเหมี่ยวตบโต๊ะโวยวาย “ที่จริงฉันก็ฉลาดมากนะ เพราะโดนพวกนายเรียกแต่แมวโง่ๆ ทั้งวันนี่แหละ ฉลาดแค่ไหนก็โง่หมดแล้ว”
จี้หลินซีตวัดสายตาเพ่งหน้าอมทุกข์ของหลิงเหมี่ยว คำสองคำพ่นออกจากริมฝีปากอย่างเย็นชา “แมวโง่”
“ไสหัวไปเลย!” จู่ๆ หลิงเหมี่ยวนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะปาไปที่จี้หลินซี ทันทีที่จี้หลินซีเอียงศีรษะก็ได้ยินเสียง ‘ตึง’ แก้วน้ำถูกขว้างไปอยู่บนพื้น
“อารมณ์ร้อนขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าเมนส์มา?” จี้หลินซีทำท่าครุ่นคิด
หลิงเหมี่ยวมองซ้ายมองขวา…จะเป็นลม รอบๆ มีแต่ของที่ขว้างไม่ได้ จี้หลินซีสองมือกอดอกรอการกระทำต่อไปของหลิงเหมี่ยวอย่างเงียบๆ เห็นแต่หลิงเหมี่ยวสองมือทุบไปที่คีย์บอร์ดอย่างแรง พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ตอนแรกบริษัทเตรียมจะจ้างฉันอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีผู้หญิงวุฒิการศึกษาต่ำกว่าฉันโผล่มา คนที่รับผิดชอบรับสมัครงานของบริษัทนั้นเลยบอกฉันว่า ‘ขอโทษนะ’”
หลิงเหมี่ยวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่งานรับสมัครงานให้จี้หลินซีฟังอย่างหมดเปลือก จี้หลินซีคิ้วขมวดเป็นเกลียว สุดท้ายหลิงเหมี่ยวก็ชูนิ้วกลางใส่เพดาน “ไอ้อ้วนบ้านั่นนึกว่าฉันมองไม่เห็นเหรอไง! ตอนที่เห็นผู้หญิงคนนั้น น้ำลายแทบจะไหลลงพื้น ก็ไม่ใช่ว่าจะสวยอะไรนักหนา เฉพาะแป้งรองพื้นบนหน้าก็พอทุ่มคนตายเป็นเบือ ไหนจะกลิ่นน้ำหอมคุณภาพห่วยชวนอ้วกที่โชยจากตัวอีก วุฒิการศึกษาต่ำกว่ายังไม่ว่านะ ฝีมือก็สู้ฉันไม่ได้ ดูผลงานพวกนั้นสิ ยังสู้ที่ฉันทำครั้งแรกไม่ได้เลย! ก็แค่เส้นการงาน[1]ดีกว่าฉันไม่ใช่หรือไง? มีอะไรน่าภูมิใจ! เบียดๆ เอาฉันก็มีวะ!”
เมื่อหลิงเหมี่ยวระบายเสร็จ จี้หลินซีแอบดึงเสื้อหลิงเหมี่ยวมาเช็ดหน้า จากนั้นกล่าวอย่างรังเกียจว่า “หลิงเหมี่ยว เวลานายพูด อย่าพ่นน้ำลายได้ไหม?”
“แหะๆ ตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ” หลิงเหมี่ยวยิ้มพลางยื่นกระดาษทิชชูให้แผ่นหนึ่ง
“เพราะฉะนั้น ผลสรุปสุดท้ายคือ นายหางานไม่ได้อีกแล้ว?”
หลิงเหมี่ยวพยักหน้า สายตาที่มองไปที่จี้หลินซีแฝงไว้ด้วยความเร่าร้อน จี้หลินซีรู้สึกคุ้นเคยกับสายตาของหลิงเหมี่ยว เขาตะคอกเบาๆ ว่า “อย่ามองฉันด้วยสายตาชวนอ้วกแบบนั้น”
หลิงเหมี่ยวรู้ว่าจี้หลินซีหมายความว่าอย่างไร เขาวางมือทั้งสองไว้บนกำแพง ศีรษะหนุนไว้ที่แขนพลางทอดถอนใจว่า “หลินซี ดวงนายนี่ไม่เลวจริงๆ สัมภาษณ์งานก็ยังเจอดวงความรักได้ ไม่ถูก ดวงผู้ชายสิ! เป็นไง นายกับผู้จัดการแผนกนายมีแนวโน้มจะพัฒนาต่อไปไหม?”
“ไม่มี” ระหว่างที่คุยกับหลิงเหมี่ยว จี้หลินซีก็เปิดโน้ตบุ๊กทำงานที่ยังค้างคาอยู่ของบริษัทต่อ ฟังเสียง‘ก๊อกๆ แก๊กๆ’ ที่เกิดจากการเคาะคีย์บอร์ด ความคิดของหลิงเหมี่ยวยิ่งสับสนขึ้นไปอีก
อาจเพราะเซ็งจากเรื่องที่งานรับสมัครงาน ดังนั้นหลิงเหมี่ยวจึงไม่อาจข่มใจให้สงบมาแต่งนิยายได้ทั้งคืน มองดูตอนที่เขียนได้ครึ่งเดียว หลิงเหมี่ยวได้แต่ยิ้มระทม “ตอนใหม่วันนี้ยังขาดอีกเก้าพันตัว ตามความเร็วระดับนี้ หวาดเสียวอยู่นะ!”
หลิงเหมี่ยว บัณฑิตที่จบการศึกษามาหนึ่งปี ทุกวันนี้ต้องวิ่งเต้นเพื่องาน จนถึงตอนนี้ก็ยังหางานไม่ได้สักงาน แน่นอน นอกจากเขาจะเป็นบัณฑิตที่หางานไม่ได้แล้ว ยังเป็นนักเขียนขายไม่ออกอีกด้วย หนึ่งปีที่จบการศึกษานี้ เขาได้แต่พึ่งเบี้ยขยันพอถูไถประทังชีวิต สำหรับหลิงเหมี่ยวแล้วการมีคนยอมกดซื้อนิยาย เป็นเรื่องเพ้อฝันซะยิ่งกว่าเพ้อฝัน
เหม่อมองเพดานอยู่ครู่หนึ่ง หลิงเหมี่ยวถึงดึงความสนใจกลับมาที่โน้ตบุ๊ก
‘เขียน…ลบ…เขียน…ลบ…เขียน’ หลิงเหมี่ยวตกลงไปในวงจรอุบาทว์นี้
เมื่อเทียบกับหลายพันตัวอักษรก่อนหน้านี้ หลายร้อยตัวสุดท้ายดูจะเร็วกว่าเสมอ หลิงเหมี่ยวเขียนตอนใหม่ของวันนี้เสร็จ เขามองดูเวลาถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แม่ง!” คำว่า ‘แม่ง’ ของหลิงเหมี่ยว เสียงดังฟังชัดเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจไม่รู้จบ ในความขุ่นเคืองใจยังแฝงไว้ด้วยความเสียใจและทำอะไรไม่ถูกอยู่นิดๆ
จี้หลินซีพลิกตัว เห็นได้ชัดว่าเขาถูกหลิงเหมี่ยวทำให้ตื่น “นายแม่งอะไรของนาย?”
“แม่งไอ้ความเร็วเน็ตเฮงซวยนี่แหละ!” ตระหนักถึงเวลา หลิงเหมี่ยวลดเสียงลงหลายเดซิเบล “นายรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันอยากตัดไอ้เน็ตเน่านี่แค่ไหน?” หลิงเหมี่ยวตะโกนอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพื่อนที่อยู่ในห้องคนหนึ่งได้ยินเข้า แซวว่า “หลิงเหมี่ยว อย่าตื่นเต้นอย่าวู่วาม ฉันกำลังเล่นเกมอยู่ ถ้าเน็ตหลุด คนซวยก็ฉันน่ะสิ”
เราเตอร์อยู่เหนือศีรษะหลิงเหมี่ยวนี่เอง หากเขาไม่พอใจจนตัดเน็ต ทั้งคนดูคลิป คนเล่นเกม จะร้องไห้ก็ไม่มีที่ให้ร้อง
“นั่นน่ะสิ ฉันกำลังวีดีโอคอลกับสาวสวยอยู่เลย ถ้าอยู่ๆ ออฟไลน์ สาวสวยจะเสียใจนะ”
“ให้ตาย แสงแค่นี้อะนะ นายแน่ใจเหรอว่าอีกฝ่ายเห็นนาย?” หลิงเหมี่ยวด่าเสียงเบา แต่ตาของเขากลับจับจ้องไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก ‘00:00’ นั้นช่างขัดหูขัดตา!
ไม่ผิดหรอก แค่หนึ่งนาที…ไม่สิ หรืออาจแค่ไม่กี่วินาที เบี้ยขยันของหลิงเหมี่ยวก็จะ…ก็จะ…หลิงเหมี่ยวอยากจะร้องไห้ให้สะใจสักยก หนึ่งพันหยวนของเขานะ! แต่งนิยายล่วงเวลาทุกวัน ยืนหยัดเขียนตอนใหม่หนึ่งหมื่นตัวอักษรทุกวัน ทำเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อเบี้ยขยันหนึ่งพันหยวนนี้หรอกเหรอ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าเทพ[2]ทั้งหลายที่หาเงินหลักหมื่นต่อเดือนเลย แต่ก่อนจะหางานได้ หลิงเหมี่ยวก็อาศัยเบี้ยขยันหนึ่งพันนี้ประทังชีพ ไม่มีหนึ่งพันหยวนนี้ แถมยังหางานไม่ได้อีก เดือนหน้าเขาจะอยู่อย่างไรล่ะ?
————————————————–
[1] เส้นการงาน ในภาษาจีน หมายถึง เส้นลายมือ แต่ในภาษาแสลงจะหมายถึง ร่องอก
[2] เทพ นิยมใช้เรียกนักเขียนที่มีชื่อเสียง
คอมเมนต์