คู่มือดูแลนักเขียนสุดเทพ ตอนที่ 12
ตอนที่ 012
“เฮ่อ” คำพูดของหลิงเหมี่ยวไม่มีความคุกคามแม้แต่น้อย ในใจซูอวี้หยางยังคงบีบรัดหนึ่งที เขาฉวยโอกาสที่หลิงเหมี่ยวเดินผ่านข้างตัวเองดึงหลิงเหมี่ยวไว้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจ แค่ไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วมึนหัวน่ะ”
เหตุผลข้อนี้ของซูอวี้หยาง หลิงเหมี่ยวไม่สงสัยแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้นยังเห็นใจนิดหน่อยด้วยซ้ำ
หลิงเหมี่ยวนั่งลง เขาเปิดกระติกเก็บอุณหภูมิออก พูดกับซูอวี้หยางอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าวเช้า รีบๆ กิน ผมกลับก่อนแล้วนะ”
“กลับ?” ซูอวี้หยางขมวดคิ้วขึ้นมา หลิงเหมี่ยวอธิบายว่า “ตอนออกมารีบไปหน่อย ทั้งโน้ตบุ๊กโทรศัพท์มือถือลืมเอามาหมดเลย”
ซูอวี้หยางจ้องหลิงเหมี่ยว ราวกับกำลังตัดสินความสัตย์จริงในคำพูดของเขา
หลิงเหมี่ยวอ่านความคิดของซูอวี้หยางไม่ออกหรอก แต่ซูอวี้หยางเอาแต่มองดูตัวเองแล้วไม่กินข้าว หลิงเหมี่ยวเป็นห่วงสุขภาพซูอวี้หยางจึงกดซูอวี้หยางลงกับโซฟา “รีบกินข้าว ผมตื่นมาทำให้คุณแต่เช้า ถ้าคุณไม่กินให้เกลี้ยง พรุ่งนี้ก็รอดื่มกลูโคสแล้วกัน”
ทิ้งคำขู่ไว้แล้วหลิงเหมี่ยวก็พุ่งออกจากบ้านซูอวี้หยางไป
ซูอวี้หยางเทของกินในกระติกเก็บอุณหภูมิใส่ในชาม
“โจ๊ก?” ซูอวี้หยางตกใจเล็กน้อย
โจ๊กทั้งหอมทั้งข้น ด้านบนโรยไว้ด้วยสีเขียวละเอียด ยังมีสีชมพูเป็นจุดๆ ดมกลิ่นหอมของโจ๊ก น้ำลายของซูอวี้หยางก็ไหลอย่างบังคับไม่ได้
ซูอวี้หยางยกชามกินเข้าไปคำใหญ่ รสชาติที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้กระจายไปทั่วปาก กินกับผักดองที่หลิงเหมี่ยวเตรียมไว้ ซูอวี้หยางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆ โจ๊กถูกกินหมดอย่างรวดเร็ว แม้ข้าวสักเม็ดก็ไม่เหลือ ซูอวี้หยางมองดูกระติกเก็บอุณหภูมิที่ว่างเปล่า เขาอยากโทรศัพท์ให้หลิงเหมี่ยวต้มมาอีกหม้อหนึ่งมาก ที่ที่หลิงเหมี่ยวอยู่ไม่ไกลจากบ้านซูอวี้หยาง ซูอวี้หยางคำนวณเวลา หลิงเหมี่ยวน่าจะถึงแล้ว ดังนั้นเขาจึงโทรหาหลิงเหมี่ยว
โทรศัพท์โทรติดแล้ว ที่ซูอวี้หยางได้ยินกลับเป็นเสียงของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
“หลิงเหมี่ยวไปทำงานแล้ว ไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือไปด้วย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มพูดเร็วมาก ราวกับไม่อยากคุยกับตัวเอง ทำให้ซูอวี้หยางรู้สึกสงสัย
“ถ้าไม่มีอะไรล่ะก็ผมวางแล้วนะ ผมยังต้องไปทำงาน” ชายหนุ่มพูดอย่างรีบร้อน
ซูอวี้หยางกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “ไม่…”
ซูอวี้ยางยังพูดไม่จบ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์เสียแล้ว ฟังเสียง ‘ตู๊ดๆ’ ที่ดังออกมาจากในโทรศัพท์มือถือ ซูอวี้หยางอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
แต่ว่า โทรศัพท์มือถือของหลิงเหมี่ยวทำไมถึงไปอยู่ในมือผู้ชายคนนั้นล่ะ? หรือว่าเขาเป็นแฟนของหลิงเหมี่ยว?
นึกถึงตรงนี้ ซูอวี้หยางก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าหลิงเหมี่ยวเคยบอกว่าเขาไม่ชอบผู้ชาย
“หลิงเหมี่ยวไม่ชอบผู้ชายนี่นา” ซูอวี้หยางบ่นประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา ในใจแอบรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง
หลิงเหมี่ยวไปแล้วกลับมา เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ตอนที่หลิงเหมี่ยวหอบหายใจพลางเปิดประตูกันขโมย ซูอวี้หยางกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา
“เฮ้ย ซูอวี้หยาง?” หลิงเหมี่ยวก้าวข้ามมาในสองก้าว กลัวซูอวี้หยางจะเป็นลม
ซูอวี้หยางได้ยินเสียงจึงหันหน้ามา เห็นซูอวี้หยางไม่เป็นไร หลิงเหมี่ยวถึงวางของลง “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เห็นคุณไม่ขยับ ผมยังนึกว่าคุณเกิดเรื่องแล้วเสียอีก”
หลิงเหมี่ยวหมดแรงอยู่บนโซฟา แหงนหน้าคอหนุนไว้บนพนัก ริมฝีปากที่อ้าออกสั่นเบาๆ แม้แต่พูดก็หอบหายใจ “ซูอวี้หยาง ทำไมผมต้องมาเจอเจ้านายอย่างคุณด้วยนะ?”
“ฉันทำไมเหรอ?”
“คุณทำไมเหรอ? คุณสารเลวไงล่ะ!” หลิงเหมี่ยวตบที่วางมืออย่างแรง “โจ๊กกินหมดหรือยัง?”
“ดูเอง” ซูอวี้หยางทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งแล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องหนังสือ ก่อนปิดประตูเขาพูดเสียงเบาว่า “โจ๊กไม่เลว พรุ่งนี้ทำต่อนะ”
“ในเมื่อโจ๊กไม่เลว เพิ่มเงินเดือนได้หรือเปล่าล่ะ?” หลิงเหมี่ยวถามเหมือนล้อเล่น
ซูอวี้หยางไม่ได้ตอบหลิงเหมี่ยว หลิงเหมี่ยวด่าว่าใจแคบแล้วเริ่มทำงานของตัวเอง
ซูอวี้หยางเคยย้ำไว้ ห้องนอนและห้องหนังสือของเขาเป็นเขตหวงห้ามของหลิงเหมี่ยว นอกจากสองห้องนี้แล้วบ้านซูอวี้หยางก็ไม่มีห้องเหลือแล้ว ดังนั้นหลิงเหมี่ยวจึงได้แต่ขดอยู่บนโซฟาเพื่อแต่งนิยาย
ใช้เวลาไม่กี่วันในการปรับตัว หลิงเหมี่ยวสามารถเข้าถึงบทบาท ‘ผู้ช่วยส่วนตัวของซูหยาง’ นี้ได้แล้ว ยิ่งกว่านั้นการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของซูอวี้หยางก็ไม่ได้เหนื่อยอย่างที่หลิงเหมี่ยวคิด ทุกวันเขานอกจากรับผิดชอบอาหารสามมื้อของซูอวี้หยาง ก็คือช่วยซูอวี้หยางแก้ต้นฉบับ ตั้งเวลาอัพโหลด ดูแลพื้นที่วิจารณ์หนังสือไปด้วย งานยังถือว่าสบาย เพียงแต่เวลาทำงานต้องอยู่บ้านซูอวี้หยางตลอด… ทว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนไม่เป็นปัญหา
แต่มีจุดหนึ่งที่หลิงเหมี่ยวไม่เข้าใจอย่างมาก… เขาและซูอวี้หยางไม่สามารถเสวนากันโดยสันติ ทั้งสองคนมักทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้เรื่องนั้นสักสองสามนาทีทุกวัน
“เฮ้ยซูอวี้หยาง คุณแตะโน้ตบุ๊กของผมใช่ไหม?” หลิงเหมี่ยวมองดูไฟล์เอกสารที่กลายเป็นไฟล์เปล่า เปลวไฟอันร้อนแรงเกือบเผาหัวใจของเขาให้เป็นเถ้าถ่าน เมื่อคิดว่าผลงานที่ตัวเองลำบากมาสองวันหายไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ก็คือ ‘ซูอวี้หยางไอ้สารเลว ยุ่งกับโน้ตบุ๊กของฉันอีกแล้ว!’
สามวันก่อนซูอวี้หยางยุ่งกับโน้ตบุ๊กของหลิงเหมี่ยว เป็นเหตุให้ต้นฉบับที่หลิงเหมี่ยวยังไม่ได้เซฟหายไป วันนี้ต้นฉบับหายไปอย่างไร้สาเหตุ ซูอวี้หยางย่อมเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง
ซูอวี้หยางไม่ได้แก้ตัว และก็ไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขาพูดตรงๆ อย่างมีเหตุผลว่า “ฉันเคยบอกเธอแล้ว ฉันแก้ต้นฉบับให้เธอ เธออัพโหลดเสร็จต้องลบทิ้งทั้งหมด ต้นฉบับของเมื่อวานทำไมไม่ลบ?”
“ผมลืม” หลิงเหมี่ยวหลุดปากออกมา
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ลืมแล้วว่าลบผิดไฟล์ไปหรือเปล่า”
“ซูอวี้หยาง!” หลิงเหมี่ยวกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น ลาวาที่พ่นออกจากตากลับอ้อมซูอวี้หยางไป
“มีเวลามาทะเลาะกับฉัน ไปใช้โปรแกรมหาต้นฉบับที่ถูกลบทิ้งกลับมาไม่ดีกว่าเหรอ” ซูอวี้หยางเตือนสติหลิงเหมี่ยวประโยคหนึ่งแล้วกลับเข้าห้องหนังสือไป
คอมเมนต์