ฉันเกลียดนาย ฉันรักนาย ตอนที่ 8
รักนายครั้งที่ 8
หลังจากถูกกระตุ้นให้คึกราวกับฉีดเลือดไก่เข้าไป วันต่อมาหยางไป่ชวนก็ไปถึงห้องเรียนด้วยพลังอันล้นปรี่ ระหว่างทางเขาไม่ลืมซื้อเซาปิ่งที่เจียงซานชอบกินมาขอโทษเขา เจียงซานลืมเรื่องไม่สบายอกสบายใจระหว่างพวกเขาเมื่อวานนี้ไปแล้ว ขณะที่กำลังกินเซาปิ่งอย่างซาบซึ้งใจเขาก็นึกขึ้นได้ว่า “เมื่อวานที่นายบอกว่าจะยอมแพ้เรื่องเจี่ยงเมิ่งอวิ๋น นายยังตั้งใจอย่างนั้นอยู่ไหม”
“แน่นอนว่าไม่” หยางไป่ชวนว่าพลางกัดเซาปิ่งไปครึ่งชิ้น ตอบคลุมเครือว่า “ตามจีบมาตั้งนานขนาดนั้น เมื่อวานก็แค่สับสนนิดหน่อย”
เจียงซานหมดความอยากอาหารทันที เมื่อเห็นท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อนของหยางไป่ชวนเขาก็เริ่มกังวล จากนั้นจึงพูดว่า “เอางี้ไหม ทีมการแสดงยังขาดคนอยู่ไหม ฉันจะไปแสดงด้วย”
หยางไป่ชวนกลืนเซาปิ่งอีกครึ่งชิ้นลงไปอย่างยากลำบาก กรอกน้ำตามไปอึกใหญ่ก่อนจะพูดว่า “นายจะมาร่วมด้วยทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาก่อกวน แค่นี้ก็วุ่นวายพอแล้ว”
เขานึกถึงใบหน้าไร้อารมณ์ของโหยวเปิ่นเฉาแล้วถอนหายใจแรง “วุ่นวายเกินไปแล้ว”
เจียงซานอยากจะฟาดไปสักทีเมื่อเห็นท่าทางไม่เอาไหนของเขา “นายอย่าทำเป็นรู้มากกับฉันหน่อยเลย”
ทันใดนั้นหยางไป่ชวนก็กระโจนใส่เขา พูดว่า “งั้นนายก็เอาเซาปิ่งฉันคืนมา! กินขนมฉันแล้วยังจะมาด่าฉันอีก!”
เจียงซานหัวเราะและหลบหยางไป่ชวนที่กระโจนเข้าหาจนเขาเกือบหน้าคะมำลงกับพื้น ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นเตรียมเอาเรื่องต่อก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ “อะแฮ่ม ขอรบกวนหน่อยสิ”
หยางไป่ชวนเงยหน้ามอง เห็นเจี่ยงเมิ่งอวิ๋นกำลังก้มมองเขา รอยยิ้มที่หาดูได้ยากปรากฏขึ้นในดวงตา เขารีบลุกขึ้นอย่างอึดอัดขัดเขินเล็กน้อย แสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่สนใจว่า “มีอะไรเหรอ”
“ยังจะมีเรื่องอะไรได้อีก” เจียงซานที่อยู่ข้างๆ แขวะอย่างกระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วม
หยางไป่ชวนจ้องเขาเขม็ง เตือนว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระ
เมื่อเจี่ยงเมิ่งอวิ๋นเห็นว่าสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเธอ จึงกระแอมเบาๆ “บ่ายนี้เราจะซ้อมการแสดงที่ระเบียงทางเดินนะ”
หยางไป่ชวนรีบเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม “ไม่มีปัญหา เธออยากให้ฉันเอาอาหารกลางวันเผื่อไหม”
“ไม่เป็นไร ขอบใจนะ” เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป
หยางไป่ชวนยังจ้องมองอยู่อีกครู่หนึ่งจนกระทั่งเจียงซานพูดขึ้นมาว่า “ตื่นๆ เธอไปแล้ว โอเคยัง”
“ยุ่งน่ะ ฉันชอบของฉัน”
หยางไป่ชวนซึ่งตกอยู่ในภวังค์ของความสุขใจที่จะได้ซ้อมละครกับเทพธิดาในตอนเที่ยง ไม่รับมุกเขาเลยสักนิด เขายิ้มอย่างอิ่มอกอิ่มใจพลางกินเซาปิ่งที่เหลืออย่างใจลอย
เจียงซาน ‘ไอ้บ้านี่ก็เป็นแค่เซาปิ่ง (ไอ้โง่)’
ตอนเที่ยงหยางไป่ชวนเบียดเสียดกับผู้คนเพื่อซื้ออาหารอยู่ในโรงอาหารตามลำพัง เจียงซานบอกว่าติดธุระจึงมากับเขาไม่ได้ หยางไป่ชวนกำลังรู้สึกชื่นมื่นและสั่งอาหารที่มีเนื้อสัตว์เยอะเป็นพิเศษ
คนเต็มโรงอาหาร หยางไป่ชวนยืนถือจานข้าวอยู่นานเพราะหาที่นั่งไม่ได้ ตอนแรกเขาแทบจะหมดหวังแล้วแต่ทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง
ผมหางม้าสูง เครื่องแบบนักเรียนเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวก็ไม่อ้วน ยิ่งอยู่ท่ามกลางพวกก้อนกลมๆ เหล่านั้นก็ยิ่งโดดเด่น
“เมิ่งอวิ๋น! เธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ โต๊ะนี้ยังมีใครนั่งอีกไหม” หยางไป่ชวนรีบเดินไปหาแล้วส่งยิ้มแป้นทักทาย
เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นสะดุ้งไปนิดหนึ่งเมื่ออยู่ๆ เขาก็เอ่ยทัก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นหยางไป่ชวน แววตาของเธอก็ดูผิดหวังเล็กน้อยทว่ายังตอบอย่างสุภาพ “มีคนนั่ง แต่ยังว่างอยู่หนึ่งที่…”
“งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ” หยางไป่ชวนกลัวเธอจะเอ่ยไล่จึงรีบก้าวเข้ามาจับจองที่นั่งตรงหน้าเธอโดยที่ไม่รอให้เธอพูดจบ
เจี่ยงเมิ่งอวิ๋น “……”
หลังจากนั้นหยางไป่ชวนก็พยายามหาเรื่องคุย แต่เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นตอบอย่างขอไปทีราวกับไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย หลังจากชวนคุยอยู่พักหนึ่งหยางไป่ชวนก็หมดเรื่องจะพูด แล้วทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัด
หยางไป่ชวนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ เขาเพิ่งจะนั่งลงไม่ถึงห้านาทีแต่รู้สึกเหมือนความเงียบน่าอึดอัดนี้กินเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาเหลือบมองเจี่ยงเมิ่งอวิ๋นที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ตรงหน้า เกิดความรู้สึกหวั่นไหวภายในใจ เขารู้ว่าเจี่ยงเมิ่งอวิ๋นเจตนา เพราะเขานั่งลงโดยไม่ได้รับเชิญเธอจึงไม่อยากจะสนใจเขา ปล่อยให้เขาอึดอัดอยู่อย่างนี้
แต่ความจริงใจของเขาไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือ
อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่าจะมีใครสักคนโผล่มาตอนนี้เพื่อช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ ใครก็ได้ ยกเว้น…
“โทษทีฉันมาสาย”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หยางไป่ชวนก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาเงยหน้าขึ้นเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นรีบเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “เปิ่นเฉา ในที่สุดก็มาเสียที”
ทันทีที่เงยหน้า หยางไป่ชวนก็เห็นคนที่ไม่อยากเห็นมากที่สุด
โหยวเปิ่นเฉาถือจานอาหารพร้อมตะเกียบคู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาท่าทางเหมือนคนปกติทั่วไป แต่พอเป็นเขาทำกลับดูเจริญหูเจริญตากว่าปกติ หยางไป่ชวนไม่อยากจะชื่นชมเขาเลยจริงๆ เขาหยุดนิดหนึ่งก่อนจะฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “นายนี่เอง”
โหยวเปิ่นเฉาเหลือบมองเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหยางไป่ชวนถึงอยู่ที่นี่ เขาเอ่ยเสียงต่ำว่า “นายขยับไปข้างในหน่อยสิ”
หยางไป่ชวนบ่นพึมพำในใจแต่ก็ยอมขยับไปข้างๆ อย่างว่าง่าย
หลังจากขยับไป โหยวเปิ่นเฉาก็ถือโอกาสนั่งลงข้างๆ เขา ทันทีที่โหยวเปิ่นเฉานั่งลง เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นที่ดูไม่กระตือรือร้นเมื่อครู่ก็เริ่มพูดไม่หยุด “เปิ่นเฉา วันนี้ฉันไปดูชุดมา มีชุดเจ้าชายชุดหนึ่งดูดีมาก นายใส่แล้วน่าจะหล่อมากเลยล่ะ”
โหยวเปิ่นเฉาก้มหน้าก้มตาคีบเนื้อเข้าปาก “งั้นเหรอ”
หยางไป่ชวนกำลังจะต่อว่าโหยวเปิ่นเฉา และถือโอกาสทำลายความหลงใหลที่เทพธิดามีต่อเขา ทันใดนั้นก็เห็นตะเกียบคู่หนึ่งคีบเนื้อจากจานของเขาไปแล้วยัดใส่ปากโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
เขาลืมไปเลยว่าจะพูดแทนเทพธิดา เขาหันไปมองโหยวเปิ่นเฉา “ทำอะไรของนายน่ะไอ้บ้า ฉันมีเนื้อแค่ห้าชิ้นเองนะ”
แววตาของโหยวเปิ่นเฉามีรอยยิ้มน้อยๆ เขาพูดว่า “มีห้าชิ้นแบ่งให้ฉันหนึ่งชิ้นไม่เห็นจะเป็นไร”
หยางไป่ชวนตกใจกับความหน้าด้านของผู้ชายคนนี้ ขณะที่กำลังจะเถียงกลับ เจี่ยงเมิ่งอวิ๋นที่หาโอกาสแทรกไม่ได้ก็พูดแทรกขึ้นมาจนได้ “ก็แค่เนื้อชิ้นเดียว วันนี้ฉันสั่งหมูสามชั้นกับผักกาดดองเค็มมา เลี่ยนไปหน่อย ไป่ชวน ถ้านายอยากกินเนื้อ ฉันยกเนื้อของฉันให้นายก็ได้”
กินอาหารจานเดียวกับเทพธิดา!!
ดวงตาของหยางไป่ชวนเป็นประกาย เขารีบยื่นตะเกียบออกไปเตรียมจะคีบเนื้อ ทว่ายังไม่ทันจะคีบก้อนเนื้อติดมันนั้นขึ้นมา ตะเกียบอีกคู่หนึ่งก็พุ่งออกมาหยุดตะเกียบของเขาไว้ในทันที
“เขาไม่ชอบกินเนื้อติดมัน”
ขณะที่หยางไป่ชวนหันไปถลึงตาใส่โหยวเปิ่นเฉา เขาก็ได้ยินคนผู้นี้พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย พูดจบยังหันมาถามเขาอีกว่า “ใช่ไหม”
เดิมทีเจี่ยงเมิ่งอวิ๋นก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ตอนที่เห็นหยางไป่ชวนยื่นตะเกียบออกมายังแอบรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อเห็นโหยวเปิ่นเฉาหยุดหยางไป่ชวนไว้จึงค่อยโล่งใจ รีบดึงจานกลับมาแล้วยิ้ม “เปิ่นเฉารู้จักไป่ชวนดีจังเลยนะ”
หยางไป่ชวนดึงตะเกียบกลับมาอย่างไม่พอใจ “แค่นิดหน่อย”
“รู้จักกันมาสิบกว่าปี ชอบแบบไหนก็รู้หมดนั่นละ” โหยวเปิ่นเฉาตอบ “ถึงแม้…”
เขาพูดไปได้ครึ่งเดียวก็หยุดไม่พูดต่อ ตอนนี้เพื่อนร่วมโต๊ะอีกสองคนไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูด และไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอะไรอีก โหยวเปิ่นเฉาก้มหน้าลงแล้วยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงตักข้าวใส่ปาก
ถึงแม้เจ้าคนงี่เง่าที่อยู่ชั้นเรียนข้างๆ กันคนนี้ยังไม่รู้เลย
คอมเมนต์