ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 2

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 2

คืนต่อมา ฉีเยี่ยนกับพี่น้องชาวหอพักอีกสามคนก็ควงแขนกอดคอกันไปร้านหม้อไฟขายดิบขายดีแห่งหนึ่ง พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ กินกันจนพุงกาง
“ฉันว่านะ คืนหน้าร้อนอันขมุกขมัวแบบนี้เนี่ย กินหม้อไฟดื่มเบียร์เย็นเจี๊ยบเป็นรสชาติที่ใช่สุด ๆ แล้ว” พี่ใหญ่คีบเนื้อสองชิ้นขึ้นมาจากหม้อแล้วดื่มเบียร์อีกอึก “เฉียนเฉียน หลังจากนี้นายวางแผนไว้ยังไงบ้าง” ชื่อของฉีเยี่ยนเวลาเรียกแล้วฟังดูคล้ายคำว่าเฉียน [1] ดังนั้นรูมเมททุกคนในหอพักรวมถึงเพื่อนทุกคนในคลาสจึงชอบเรียกเขาด้วยชื่อเล่นนี้
“ค่อย ๆ ดูกันไปแล้วกัน” ฉีเยี่ยนไม่ชอบดื่มเหล้า แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ และเขาก็ไม่อยากทำให้ทุกคนหมดสนุกจึงดื่มเป็นเพื่อนทุกคนไปสองแก้วแล้ว ใบหน้าเริ่มเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่ยังมีสติดี “ยังไงก็คงต้องให้ตัวฉันกินอิ่ม แล้วก็ทั้งบ้านไม่ต้องทนหิว”
ตอนที่อาจารย์เก็บเขามาเลี้ยง เขายังเป็นตุ๊กตาตัวน้อยที่พูดไม่ได้ หลังจากอาจารย์พากลับมายังวัดเต๋าเล็ก ๆ แล้วจึงได้พบว่าเท้าขวาของเขามีนิ้วเท้าขาดไปหนึ่งนิ้วแต่กำเนิด ภายหลังอาจารย์เข้าเมืองไปแจ้งตำรวจที่สถานีตำรวจท้องถิ่น แต่ก็ไม่มีใครมาตามหาเขา ขณะนั้นคนในเมืองล้วนยากจนความคิดล้าหลัง เด็กก็มีมาก คงเป็นเพราะเขามีนิ้วเท้าขาดไปนิ้วหนึ่งแล้วกลัวคนนินทาว่าเกิดมาไม่ครบสมบูรณ์จึงทิ้งขว้างเขาไปเสียเลย
สมัยนั้นเมืองเล็ก ๆ ไม่ได้มีองค์กรสวัสดิการรัฐอะไร เมื่ออาจารย์เห็นว่าไม่มีใครมารับเขาไปก็เลยสงสารและเลี้ยงเขามาจนโตในที่สุด
อาจารย์สอนสิ่งต่าง ๆ แก่เขาไม่น้อย ทั้งยังส่งเขาเรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง อาจารย์เฒ่านั้นยังมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าก่อนตายให้เขามาเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองตี้ตู ทั้งยังมอบโฉนดบ้านให้เขาหลังหนึ่งบนนั้นเขียนชื่อของเขาเอาไว้ ที่อยู่ของบ้านหลังนั้นอยู่ที่ตี้ตูนี่เอง
ไม่รู้จริง ๆ ว่าอาจารย์แอบซื้อบ้านที่ตี้ตูเอาไว้ตอนไหน ทั้งยังปิดเรื่องนี้เอาไว้เสียมิดทีเดียว
เมื่อนึกถึงอดีต ฉีเยี่ยนก็บีบจมูกเล็กน้อย เขาหัวเราะคิกคักพลางมองพี่น้องอีกสามคน “เดือนนี้ฉันยังไม่ได้ดูดวงสามดวงพอดีเลย ดูให้พวกนายคนละดวงดีมั้ย”
พี่ใหญ่กับพี่รองโบกมือพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าฉีเยี่ยนมีงานอดิเรกเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการดูดวงให้คนอื่น แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นชายหนุ่มเชื้อชาติจีนที่เติบโตมาแบบแข็งแรงสมบูรณ์ อย่างไรก็ยังเชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่า
ทว่าคนที่สนิทกับฉีเยี่ยนที่สุดอย่างหวังหังกลับเอ่ยขึ้นอย่างสนอกสนใจ “เฉียนเฉียน ดูให้ฉันหน่อย”
ฉีเยี่ยนยื่นมือไปทางเขาแล้วก็กางห้านิ้วขึ้นมา
“พี่น้องกันยังจะเอาเงินอีกเหรอ” หวังหังลูบกระเป๋าถือ เขามีสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“พี่น้องแท้ ๆ ยิ่งต้องคิดบัญชีให้ชัดเจน” ฉีเยี่ยนตบบ่าเขาเบา ๆ “ฉันเอาเงินไปก็เอาไปช่วยนายทำเรื่องดี ๆ บริจาคให้คนที่ต้องการนะ”
“ฉันว่านายไม่ควรชื่อเฉียนเฉียน” หวังหังควักเงินห้าร้อยหยวนจากกระเป๋าสตางค์มายัดใส่มือฉีเยี่ยน “ควรเรียกสื่อเย่าเฉียน [2] มากกว่า”
“เรื่องนี้นายต้องไปหารือกับอาจารย์ตาแก่ของฉันแล้วละ” ฉีเยี่ยนเอาเงินมาโบกไปมาแล้วก็หัวเราะ “แต่นายแน่ใจนะว่าอยากจะพูดคุยรับอารมณ์ตาแก่อย่างเขาน่ะ”
“ฉันว่าอย่าไปรบกวนการพักผ่อนอย่างสงบของตาแก่ดีกว่า” หวังหังโบกมือรัว ๆ “นายรีบดูดวงให้ฉันเร็ว ชีวิตฉันเป็นยังไงบ้าง”
หลังจากฉีเยี่ยนเก็บเงินเรียบร้อยจึงค่อยเอ่ยช้า ๆ “เดิมชีวิตนายควรมีพี่สาวคนหนึ่ง แต่ก็กลับไม่มีเพราะอุบัติเหตุ”
หวังหังโบกมือรัว ๆ “เรื่องนี้ไม่ตรงนะ บ้านฉันมีฉันเป็นลูกรักคนเดียวนี่แหละ ฉันจะไปหาพี่สาวที่ไหนได้เล่า” เขาก็บอกแล้วว่าฉีเยี่ยนน่ะไม่มีมาดของผู้มีวิชาอาคมเลยสักนิด จะดูดวงจริง ๆ ได้อย่างไรเล่า
พี่ใหญ่กับพี่รองมองพลางหัวเราะอยู่ข้าง ๆ แม้แต่เนื้อที่ต้มอยู่ในหม้อก็ไม่คีบกันแล้ว
“นายอย่าเพิ่งรีบ ฉันยังพูดไม่จบเลย” ฉีเยี่ยนคีบเนื้อแกะที่ต้มจนสุกแล้วมาใส่ชาม เขามองตอบสายตากึ่งสงสัยกึ่งเฝ้ารอของหวังหัง เขาวางตะเกียบเช็ดปากแล้วว่า “แต่บ้านนายสั่งสมความดีเอาไว้มาก บางทีบรรพบุรุษอาจจะเคยเป็นคนใจบุญสุนทานที่หาได้ยาก คุณธรรมดีงามเหล่านี้มีผลสืบทอดมาถึงพวกนายซึ่งเป็นลูกหลานตระกูลหวัง ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกนายมีชีวิตที่ต้องเอื้ออารีกว่าคนธรรมดาทั่วไป กล่าวคือ ต่อให้มีบุญมากก็ต้องแบ่งบุญออกไปให้คนอื่นด้วย มีคนมากมายที่บรรพบุรุษทำเรื่องดี ๆ เอาไว้ไม่น้อย แต่คนรุ่นหลังกลับไม่กระตือรือร้น ต่อให้มีบุญมากแค่ไหนก็ใช้สิ้นเปลืองจนหมดได้”
พูดถึงตรงนี้ สองตาของฉีเยี่ยนก็จับจ้องอยู่นิ่ง ๆ เขามองเห็นว่าเหนือศีรษะของหวังหังมีไอสีแดงอมม่วงเส้นเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเลือนรางในใจสั่นสะท้าน นี่พลังฝีมือของเขาก้าวหน้าขึ้นแล้วหรือ
ก่อนหน้านี้อย่างดีที่สุดเขาก็ทำได้แค่มองสภาวะดวงของคนออกด้วยการดูลักษณะใบหน้า แต่ไม่สามารถใช้ตาเนื้อมองเห็นไปถึง “ชะตาชีวิต” ได้ ถ้าว่ากันตามนิยายเหนือจริงละก็ นี่มันคือการทะยานจากช่วงฝึกลมปราณขึ้นไปถึงช่วงเสริมวิทยายุทธ์อันยิ่งใหญ่ทีเดียว ถ้าบอกว่าโกงก็คงโกงจนไปถึงระดับที่คนธรรมดาคงไม่เชื่อ
หวังหังเห็นว่าจู่ ๆ ฉีเยี่ยนก็จ้องเขาแล้วก็ไม่พูดไม่จา แถมยังทำสีหน้าแปลก ๆ เล็กน้อย ในใจก็อดหวาดหวั่นขึ้นมานิด ๆ ไม่ได้ “เฉียน…เฉียนเฉียนนายเห็นอะไรเหรอ”
“เห็นว่าชาตินี้นายมีชะตาชีวิตดีมาก ขอแค่ไม่ทำความชั่ว ไม่ก่อปัญหาก็พอ นายมีพื้นดวงกำเนิดครบสองด้านทั้งความสุขและอายุยืนยาว” เอ่ยถึงตรงนี้ ฉีเยี่ยนก็ส่ายหน้าวางมาดเหมือนคนสูงศักดิ์แล้วก็ว่า “ชีวิตดีจนทำให้คนริษยาทีเดียว”
“ช่วยไม่ได้ จะเกิดใหม่มาใช้ชีวิตเจ๋ง ๆ แบบนี้น่ะ คนธรรมดาคงไม่เชี่ยวชาญเท่าฉัน” พอได้ยินคำพูดดี ๆ แบบนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ในใจหวังหังก็ยังพอใจมากอยู่นั่นเอง
พี่ใหญ่กับพี่รองเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองแล้วก็จุปากใส่พวกเขาพร้อมกัน “น้องสาม น้องสี่ พวกนายสองคนพอเถอะ ลองก้มดูบนพื้นสิหน้าพวกนายตกหมดแล้วนะ ยังอยากได้อยู่หรือเปล่า [3] ”
“นี่ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ เฉียนเฉียนบอกว่าฉันจะมีชีวิตดี” หวังหังชี้ไปที่ฉีเยี่ยน “ต่อให้หน้าไม่อาย คนคนนั้นก็คือเฉียนเฉียน ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ฉีเยี่ยนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “พวกนายเป็นคนธรรมดาโง่เง่าจะเข้าใจความเหงาของผู้มีวิชาอาคมได้ยังไง”
“แหวะ!”
“อย่าคลื่นไส้เพราะพวกเราเลย ยังจะกินหม้อไฟกันอยู่มั้ยเนี่ย”
“ฉิบหาย เนื้อแพะของฉัน! เฉียนเฉียน นี่นายแอบคีบเนื้อแพะไปใส่ชามตัวเองมากขนาดนั้นตอนไหนเนี่ย!”
ฉีเยี่ยนเหลือบมอง “ผู้มีวิชาอาคมลงมือ ไหนเลยพวกเจ้าจะมองเห็น”
ชาวหออีกสามคนที่เหลือพอได้ยินเขาตอบด้วยท่าทีแบบนี้จึงรับมุกคำพูดหน้าไม่อายของเขากันอย่างร่าเริง
อาหารมื้อนี้กินกันถึงดึกดื่น ทั้งสี่พาตัวที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นหม้อไฟทั้งยังเมาแอ๋เดินฮัมเพลงกลับหอพัก ฉีเยี่ยนที่นับว่าเป็นคนเดียวที่มีสติแจ่มใสดีพาพวกเขาขึ้นไปนอนบนเตียง ไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็กลับมา พอเห็นทั้งสามนอนหายใจสม่ำเสมอ ไม่อาเจียนใด ๆ ก็วางใจแล้วกลับไปนอนที่เตียงตัวเอง
กลางดึกไม่รู้ว่าใครละเมอออกมาสองสามประโยค ฉีเยี่ยนพลิกกายด้วยสติอันเลือนราง ใบหน้าของเขาหันไปทางหน้าต่างทำให้ใบหน้านั้นอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์สุกสว่าง
สองสามวันให้หลัง รูมเมททั้งสี่แห่งห้อง 4605 ก็ทยอยย้ายออกจากหอพัก จากนั้นก็เริ่มแยกย้ายกันเดินต่อไป
สำหรับหวังหังซึ่งเป็นลูกคนเดียวที่ได้รับความรักความเอ็นดูจากครอบครัวมากที่สุดนั้นก็กลับบ้าน เขาได้รับการต้อนรับอันอบอุ่นจากคนทั้งบ้าน สิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาที่สุดก็คือเงินค่าขนมมากมายแถมยังมีกับข้าวเต็มโต๊ะอีกด้วย
“คุณย่าครับ ผมกินไม่ลงแล้ว” หวังหังลูบท้อง เขาทิ้งตัวบนเก้าอี้ทั้งตัวพลางฟังญาติที่แก่กว่าพูดคุยเรื่องปากว้า [4]
ลูกสาวขุนนางอะไรสักอย่างไปคบกับชายหนุ่มต่ำต้อย ตอนนี้ถูกชายหนุ่มต่ำต้อยหลอกให้เสียทั้งเงินเสียทั้งตัว แม้แต่หุ้นบริษัทก็ถูกหลอกเอาไปจนหมด
“ถึงได้บอกไงว่า คนเราเนี่ยยังไงก็ต้องระวังตัวเอาไว้สักหน่อย” คุณแม่หวังถอนหายใจ “ลูกสาวบ้านนั้นหน้าตาสะสวยนัก นิสัยก็เฉลียว-ฉลาดร่าเริงนัก ดันไปเจอคนเจ้าเล่ห์กลอกกลิ้งอย่างนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้”
คุณพ่อหวังพยักหน้าติด ๆ กัน แสดงถึงอาการเห็นด้วยกับคำพูดนี้เป็นอย่างมาก
แต่คุณแม่หวังนั้นเห็นได้ชัดว่ายังไม่เดินออกไปจากอารมณ์ขุ่นเคืองนั้น “ถ้าปีนั้นลูกสาวของเราไม่ได้แท้งเสียก่อนก็คงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่หนูบ้านนั้นนั่นละ ถ้าใครกล้ามาหลอกลูกสาวเราแบบนี้ล่ะก็ ฉันเอามันตายแน่ ๆ …”
“แม่!” หวังหังตกใจเด้งตัวพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “เมื่อกี้แม่ว่าไงนะ!”
ลูกสาวเหรอ แท้งเหรอ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่พอควร เขาออกจะรับไม่ได้อยู่เล็กน้อย
คุณแม่หวังเพิ่งคิดได้ว่าลูกชายยังนั่งอยู่ด้วย เธอรีบระงับอารมณ์ของตัวเองแล้วว่า “ผู้หญิงที่ถูกหลอกนั่น ลูกรู้จักรึ”
“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงประโยคหลังต่างหาก” หวังหังสังเกตสีหน้าของแม่ตัวเองอย่างระมัดระวัง “เมื่อก่อนแม่เคย…”
เคยท้องลูกสาวคนหนึ่ง แต่ว่าแท้งไปแล้วอย่างนั้นหรือ
คุณแม่หวังเสียงต่ำลงเล็กน้อย “เรื่องมันยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ลูกจะถามทำไม” พอคิดถึงลูกสาวที่เติบโตเป็นทารกอยู่ในท้องแล้วเธอก็รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจเล็กน้อย จึงไม่อยากพูดมากไปกว่านี้อีก
หวังหังเห็นสีหน้าของแม่ไม่ค่อยดีจึงเข้าใจและไม่ถามต่ออีก เขาเพียงแค่นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้อย่างอึ้ง ๆ เท่านั้น
‘เดิมชีวิตนายควรมีพี่สาวคนหนึ่ง แต่ก็กลับไม่มีเพราะอุบัติเหตุ’
ตอนแรกที่เฉียนเฉียนพูดประโยคนี้กับเขา เขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าคำพูดประโยคนี้จะได้รับการพิสูจน์อย่างรวดเร็วขนาดนี้ที่แท้…เฉียนเฉียนก็ทำนายแม่น พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาเป็นผู้มีวิชาอาคมที่ซ่อนตัวอยู่จริง ๆ หรือ
หลังกลับไปที่ห้อง หวังหังก็โทรศัพท์หาฉีเยี่ยนอย่างตื่นเต้น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะให้ฉีเยี่ยนดูดวงให้เขาอีกสักดวง!
ตอนที่ฉีเยี่ยนรับโทรศัพท์ของหวังหัง เขากำลังดูดวงให้แม่ลูกคู่หนึ่งอยู่ พูดให้ถูกก็คือดูดวงให้ลูกชายของคุณแม่คนนี้ ลูกชายมีสีหน้ารำคาญสุด ๆ แต่แม่ของเขากลับดูเกรงอกเกรงใจอย่างที่สุดเช่นกัน แม้ว่าจะมีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ท่าทีค่อนข้างดีทีเดียว
“แม่ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังเชื่อเรื่องพวกนี้อีก” เด็กหนุ่มเหลือบมองฉีเยี่ยนอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “ถ้าแม่อยากดูดวงก็น่าจะไปหาที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย คนนี้ดูแก่กว่าผมไม่กี่ปีเอง จะดูดวงอะไรได้” ที่จริงเขายังอยากพูดอีกว่า หน้าขาว ๆ แบบนี้ยิ่งดูไม่เหมือนคนที่ดูดวงเป็นเข้าไปใหญ่
ฉีเยี่ยนยิ้ม ไม่พูดอะไร สายตาของเขากวาดไปบนตัวเด็กหนุ่มรอบหนึ่ง
ดีมาก ไอ้หนู เธอประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของฉันแล้วละ
ดังนั้นตอนที่คุณแม่ของเด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยขอโทษนั้นเอง ฉีเยี่ยนก็เอ่ยปาก
“ลูกชายของคุณ ชีวิตนี้สภาวะดวงยังนับว่าไม่เลว ตอนสี่ขวบควรจะประสบเคราะห์ทางน้ำ แต่ก็โชคดีที่มีคนช่วย จึงรอดพ้นภัยครั้งนั้นมาได้ตอนอายุสิบสองปีก็มีอุบัติเหตุ แต่นับว่าเป็นแค่การข่มขวัญไร้อันตรายภาษิตว่าไว้ว่า ไม่ตายในเคราะห์ใหญ่คือมีบุญเก่า เคราะห์ใหญ่สองเรื่องในชีวิตลูกชายของคุณได้ผ่านพ้นไปทั้งหมดแล้ว จากนี้ไปจะไม่มีเคราะห์ใหญ่ใด ๆ ให้กังวลอีก”
เรื่องเมื่อตอนสี่ขวบแม้ว่าเด็กหนุ่มจะจำไม่ได้ แต่เขามักได้ยินพ่อกับแม่พูดให้ฟังอยู่เสมอ พ่อแม่บอกว่า ตอนเด็ก ๆ เขาตกลงไปในแม่น้ำเล็ก ๆ แต่โชคดีที่มีทหารปลดประจำการนายหนึ่งเดินผ่านมาพอดี จึงช่วยชีวิตน้อย ๆ ของเขาเอาไว้ได้ ส่วนเรื่องตอนอายุสิบสองนั้น เขายังจำได้อย่างแม่นยำ ปีนั้นเขาเพิ่งจบชั้นประถม ระหว่างทางกลับบ้านเขาถูกรถชน แต่สิ่งที่มหัศจรรย์ก็คือ นอกจากกระดูกหน้าแข้งหักแล้วก็ไม่มีอาการบาดเจ็บสาหัสที่ใดอีก
ถึงตอนนี้ ใจของเด็กหนุ่มก็อ่อนลงบ้างแล้ว เมื่อมองดูใบหน้าขาวงดงามของฉีเยี่ยน เขาก็มีท่าทีดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ยังปากแข็งอยู่ “ที่ทายถูกก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ ตอนเด็ก ๆ ใครจะไม่เคยหกล้มหกลุกบ้างล่ะ แบบเด็ก ๆ ทะเลาะกันอะไรอย่างนั้น”
ใช่ แบบนี้แหละ เทคนิคต้มตุ๋นหลอกลวงแบบนี้ในหนังสือบอกเอาไว้ทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว เขาไม่เชื่อหรอก!

________________________________________
[1] แปลว่า เงิน
[2] แปลว่า อยากได้เงินแทบตาย
[3] หน้าตกลงบนพื้น ก็แสดงว่าไม่เอาใบหน้านั้นแล้ว เป็นการสื่อถึงสำนวนซึ่งแปลว่าหน้าไม่อาย
[4] ปากว้าหรือโป๊ยข่วย เป็นผังสัญลักษณ์แห่งฟ้าและดินตามคัมภีร์อี้จิง รูปร่างแปดเหลี่ยมแทนทิศทั้งแปดทิศ ในประเทศไทยจะเห็นติดไว้ตามบ้านที่อยู่ตรงกับทางแยก เพราะเชื่อว่าจะสะท้อนสิ่งร้าย ๆ ออกไปและเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี

คอมเมนต์

Chapter List