ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 5

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 5

ฉีเยี่ยนล้วงกระดาษแผ่นหนึ่ง กับปากกาด้ามหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นไปเบื้องหน้าหยางเทา “คุณเขียนตัวหนังสือสักตัวให้ผมดูหน่อย”
หยางเทาก็ไม่รังเกียจที่กระดาษแผ่นนั้นมีรอยยับเล็กน้อย เขาลากปากกาสองสามครั้งเขียนคำว่า “ไป่” แม้จะเขียนด้วยท่าทางสบาย ๆ เป็นธรรมชาติ แต่ตัวหนังสือกลับดูน่าเกลียดอยู่หน่อย ๆ
“คำว่าไป่นั้นมีความหมายมงคลคืออยู่ยั้งยืนยง ตัวอักษรไป่คือตัวอักษรรื่อที่มีขีดบนหัว ด้านซ้ายเป็นตัวมู่คอยพึ่งพิง ก็ให้ความหมายถึงสิ่งที่คุณขอ เพราะได้พบคนสูงศักดิ์ ในที่สุดก็จะมีวันได้ก้าวสู่เบื้องหน้า” ฉีเยี่ยนเอากระดาษในมือวางลงบนมือหยางเทา “ยินดีด้วย คุณจะได้รับทุกสิ่งสมปรารถนา”
“จริงเหรอ” หยางเทามองฉีเยี่ยนอย่างไม่อยากเชื่อ นั่นมันตระกูลเฉินเชียวนะ ตระกูลเฉินที่มีคนตั้งเท่าไหร่คอยตามก้นอยู่ บ้านของเขาจะเกาะขาคนใหญ่คนโตรายนี้ได้จริง ๆ น่ะหรือ
“เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมพูดคุณก็ฟังไว้เชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับใจของคุณ” ฉีเยี่ยนเอามือไพล่หลัง เขายิ้มนิ่ง ๆ แต่หยางเทากลับดูคล้ายเชื่อถือเขาเป็นพิเศษ ราวกับไม่คิดสงสัยในตัวฉีเยี่ยนอีก
“ท่านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นผมถามอย่างอื่นอีกหน่อยได้ไหมครับ” หยางเทากดเสียงลงต่ำ “คุณคิดว่าชีวิตนี้ผมยังจะเจอเคราะห์ใหญ่อะไรอีกไหมครับ”
ฉีเยี่ยนมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าพลางว่า “ชีวิตคนมีขมมีหวานเป็นสัจธรรม พื้นดวงกำเนิดของคุณดีทีเดียวไม่ต้องสนใจเคราะห์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันหน้าหรอก ถ้าคุณรู้เรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณในอนาคตทั้งหมดอย่างกระจ่างแจ้ง เช่นนั้นจะยังสนุกสนานอันใดเล่า”
คำพูดนี้สำหรับคนธรรมดาทั่วไปก็คงคิดว่าฉีเยี่ยนแค่หาข้ออ้างพูดไปเรื่อยเพราะว่าทำนายไม่ได้ แต่ในสายตาของหยางเทาแล้วนั่นคือคำสำคัญที่ท่านอาจารย์พูดกับเขา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะ ผมเข้าใจแล้วครับ”
ท่าทีอย่างนี้กลับทำให้ฉีเยี่ยนรู้สึกดีกับเขามากขึ้นอีก สายตาของฉีเยี่ยนหยุดลงตรงบ่าของหยางเทา เขาปัดบ่านั้นด้วยท่าทางคล้ายไม่ได้ตั้งใจ ถ้ามีใครอีกคนที่เข้าใจสถานการณ์และอยู่ ณ ที่นั้นก็คงจะมองเห็นไอสีดำสองสามสายหายไปในชั่วขณะที่ฉีเยี่ยนดีดนิ้ว
หยางเทาแค่รู้สึกว่าไหล่ที่ตึง ๆ ของเขาคลายลง อย่างอื่นเขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น
“ท่านอาจารย์ ท่านจะช่วยทิ้งช่องทางการติดต่อเอาไว้ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” หยางเทาถูมือ พยายามกดข่มความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ “ได้ยินว่าผู้มีวิชาอาคมอย่างท่านไม่เพียงแต่สามารถดูดวงได้เท่านั้น แต่ยังสามารถดูฮวงจุ้ยได้ด้วย เรื่องราคานั้นสามารถพูดคุยกันได้…”
คำเรียกเปลี่ยนจาก “คุณ” เป็น “ท่าน” อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
เมื่อตระหนักได้ว่าการที่ตัวเองเอ่ยเรื่องนี้ออกมาอย่างคล่องแคล่วเกินไปอาจจะทำให้ความสูงส่งบริสุทธิ์ของท่านอาจารย์ต้องแปดเปื้อนหยางเทาก็รีบเปลี่ยนคำพูดแล้วว่า “หากท่านอาจารย์มาได้ จะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่บ้านอันธรรมดาสามัญของผมอย่างแน่นอนครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนยกยอปอปั้นกันตรง ๆ อย่างนี้ ฉีเยี่ยนรู้สึกว่าตัวเองปรับตัวเก่ง หลายปีมานี้เขาอยู่กับตาแก่ เรื่องอื่นเขาไม่ได้เรียนเรียนแต่ทักษะหน้าด้าน ใจสงบนิ่ง ทักษะการเล่นละครตบตา และทักษะอีกหลาย ๆ อย่าง เขานั้นนับว่าเป็นศิษย์ที่ก้าวไกลล้ำหน้ายิ่งกว่าอาจารย์มากทีเดียว
“เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นตามชะตาลิขิตก็พอ” ฉีเยี่ยนส่ายหน้า “ผมว่าวันนี้อากาศไม่ค่อยดี น่ากลัวว่าฝนจะตก คุณก็ควรจะรีบกลับบ้านนะครับ”
หยางเทาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโล่งกว้าง เขามองไม่ออกสักนิดว่าท้องฟ้าเช่นนี้มีเค้าว่าฝนจะตกตรงไหน แต่ปากก็ยังคงยิ้มรับพลางว่า “ท่านอาจารย์ ไม่ทราบเงินค่าดูดวงของท่าน…”
“เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นตามชะตาลิขิตก็พอ ตามชะตาก็เพียงพอ” ฉีเยี่ยนยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง ท่าทีเหมือนมองเงินทองเป็นเพียงเศษหินเศษดินเท่านั้น
ดูสิ นี่ละถึงจะเป็นท่านอาจารย์ที่แท้จริง! มีเรื่องเหนือธรรมดาไม่คาดคิดมากมายอย่างนี้ ลักษณะงดงามเกินธรรมดาอย่างนี้ ถ้าไอ้พวกนักต้มตุ๋นตามข้างถนนมาอยู่ต่อหน้าท่านอาจารย์ก็คงกลายเป็นพวกไร้ความสามารถไปเลย! แต่ถึงท่านอาจารย์ไม่เห็นเงินทองเป็นสำคัญอย่างนี้ เขาก็ไม่อาจทำให้ท่านอาจารย์เสียเปรียบได้
หยางเทาล้วงกระเป๋าสตางค์ของตนออกมา เขาเอาเงินสดที่มีอยู่ในนั้นทั้งหมดยัดใส่มือฉีเยี่ยน “ท่านอาจารย์ ขออย่าได้รังเกียจ ท่านเก็บเงินจำนวนนี้เอาไว้เถอะ”
ฉีเยี่ยนดึงธนบัตรสองใบจากปึกนั้นออกมาวางในมือหยางเทา “เงินพวกนี้คุณยังต้องใช้จ่าย เอาคืนไปเถอะ”
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอาจารย์จึงคืนธนบัตรสองใบให้ตน แต่หยางเทาก็ยังรับเงินนั้นกลับไปอย่างยินดี สุดท้ายเขาก็ยังยืนกรานที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของท่านอาจารย์เอาไว้
“ท่านอาจารย์ กลับดี ๆ นะครับ” หยางเทายืดคอมองส่งท่านอาจารย์เดินจากไป กระทั่งเขามองไม่เห็นเงาฉีเยี่ยนแล้วจึงเลิกมอง
“คุณชายครับ บริษัทลากรถโทร.มาบอกว่ารถลากออกมาได้ครึ่งทางก็เกิดปัญหา ต้องรออีกสิบกว่านาทีถึงจะมาครับ” คนขับรถถอดถุงมือที่เปื้อนดำออก สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย
หากใครได้เห็นลูกชายเจ้านายตัวเองให้เงินพวกต้มตุ๋นข้างถนนอย่างหน้าชื่นตาบานก็คงมีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เขารู้จักอารมณ์ของคุณชายใหญ่ผู้นี้ดี คนคนนี้เป็นคนที่ทั้งดื้อและไม่ฟังใคร ตัวเขาเป็นแค่คนขับรถ มองคุณชายโปรยเงินเงียบ ๆ ก็พอ
อย่างไรเสียก็เป็นรสนิยมคนรวยนี่นะ
“อะไรกัน…” หยางเทาขมวดคิ้ว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากำลังจะโทรศัพท์หาเพื่อนให้มารับตัวเองก็ได้ยินที่บนหัวจู่ ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องเมฆดำบดบังดวงอาทิตย์อย่างรวดเร็ว ท้องฟ้ามืดครึ้มลงทันที
คนขับรถกับหยางเทามองท้องฟ้าพร้อมกัน พวกเขามองเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้าแล้วก็อึ้งไป
ฝนจะตกจริง ๆ เหรอ
ทั้งสองพลันนึกถึงคำที่หมอดูเอ่ยไว้เมื่อครู่ พวกเขาสบตากันด้วยสายตาตะลึงงัน
สุดท้ายหยางเทาก็หาแท็กซี่ได้คันหนึ่งด้วยความยากลำบาก เขานั่งรถกลับบ้าน ค่ารถกลับบ้านทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบสองหยวน เขาถือเงินทอนสิบแปดหยวนที่คนขับรถแท็กซี่ทอนให้มาแล้วก็ยืนอึ้งอยู่หน้าประตูบ้านตัวเอง
ท่านอาจารย์ผู้นี้มีตาทิพย์จริง ๆ มิน่าล่ะ ถึงได้เหลือเอาไว้ให้เขาสองร้อยหยวน ที่แท้ก็มองออกว่าเขาต้องการเงินเท่านี้!
“ลูกจ๊ะ ข้างนอกฝนตกหนัก ลูกยืนอยู่นอกประตูทำไมล่ะ สมัยนี้พยากรณ์อากาศไม่ตรงเอาเสียเลย บอกว่าวันนี้ฟ้าใส แต่ก็กลับมีฝนตกหนักขนาดนี้” คุณแม่หยางเห็นลูกชายถือธนบัตรยับย่นสองสามใบยืนเหม่ออยู่ก็เดินมาหยุดข้างกายเขาอย่างสงสัยแล้วก็มองไปรอบ ๆ “เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก”
“แม่” หยางเทามองแม่ของตนอย่างตื่นเต้นยินดี “ผมได้เจอผู้มีวิชาอาคมเข้าแล้ว!”
“เล่นอะไรอีกล่ะลูก!” คุณแม่หยางตกใจเพราะอาการตื่นเต้นดีใจกะทันหันของลูกชาย จึงเผลออุทานออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดของเธอโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นหยางเทาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังรอบหนึ่ง คุณแม่หยางรู้สึกว่า ถึงแม้เรื่องนี้จะน่าเหลือเชื่อไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นความบังเอิญ กระทั่งคุณพ่อหยางกลับมาแล้ว เธอก็เอ่ยเรื่องนี้กับสามี
“เจ้าเด็กนั่นตั้งแต่เล็กจนโตเคยเจอคนน่าเชื่อถือเมื่อไหร่กัน” คุณพ่อหยางไม่หวังเรื่องสติปัญญาของลูกชายตัวเองเลยสักนิด ดังนั้นเมื่อได้ยินภรรยาเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาจึงมีท่าทีไม่ใส่ใจเท่าไหร่ “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้มีวิชา-อาคมนั่นอายุเท่าไหร่เชียว สักยี่สิบใช่มั้ย ผู้มีวิชาอาคมที่แท้จริงของเมืองตี้ตูเรามีไม่กี่คน แล้วมีใครบ้างที่ไม่ถึงหกสิบน่ะ ลูกศิษย์ของพวกเขาที่พอจะมีฝีมือเกินอาจารย์ได้ก็อายุสามสิบสี่สิบแล้ว ความสามารถของคนเหล่านี้จะเทียบกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้มีวิชาอาคมที่แท้จริงจู่ ๆ ก็มาเจอกันข้างถนนง่าย ๆ อย่างนี้ได้หรือ คงไม่นับเป็นผู้มีวิชาอาคมหรอกมั้ง” คุณพ่อหยางโบกมือ “คนพวกนี้ดูก็รู้ว่าเป็นพวกต้มตุ๋น”
“เมื่อตอนกินข้าวเย็น เทาเทายังพูดกับฉันอีกนะคะคุณ ว่าจะเชิญท่านอาจารย์หนุ่มคนนี้มาดูฮวงจุ้ยบ้านเรา ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไปบอกลูกว่าไม่ต้องเชิญมา” คุณแม่หยางยังรู้สึกลังเลใจ ยากนักที่ลูกชายจะคิดช่วยงานที่บ้าน แม้ว่าท่านอาจารย์ที่หามานั้นจะเชื่อถือไม่ได้ แต่หยางเทาก็ทำไปด้วยความปรารถนาดี ถ้าบอกเขาไปตรง ๆ ว่าท่านอาจารย์ไม่น่าเชื่อถือ ที่บ้านไม่เตรียมพร้อมต้อนรับเขา มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรือเปล่า
“ไม่ พวกเราไม่เพียงแต่จะต้องเชิญเขามาเท่านั้น แต่ยังต้องต้อนรับเขาอย่างดีอีกด้วย” คุณพ่อหยางแค่นเสียงเฮอะ “ผมต้องให้ลูกเข้าใจว่าที่ตัวเองเชิญมาน่ะ แท้จริงแล้วเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงแบบไหน คราวหน้าจะได้ไม่โดนคนไม่มีความสามารถพวกนี้หลอกเอาอีก”
การถูกคนเข้ามาหลอกนั้น เขาพอทนให้มันผ่านไปได้ แต่การกระทำของลูกชายนี้ มันคือการเอาตัวเองไปส่งถึงหน้าประตูให้คนอื่นเขาหลอกชัด ๆ คนแก่อย่างเขาถ้าดีใจก็คงแปลก
“ตกคูสักครั้งจะได้ฉลาดขึ้นสักหน่อย มีแต่ต้องถูกเรื่องที่พบเจอตบหน้าเอาสักที ลูกถึงจะมีสมองขึ้นมาบ้าง” คุณพ่อหยางเกลียดนักที่ตอนแรก ๆ เขารักประคบประหงมลูกมากเกินไป ทำให้โตมากลายเป็นคนไม่รู้จักคิด ตอนนี้อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
“อย่างนี้จะดีหรือคะ” คุณแม่หยางยังรู้สึกไม่อยากให้ลูกชายถูกตบหน้าอย่างนี้อยู่บ้าง
“แม่ใจดีน่ะทำให้ลูกเสียคน!”
“คุณพูดอะไรคะ” คุณแม่หยางขมวดคิ้ว เธอตีป้าบลงไปบนแขนคุณพ่อหยาง “สอนลูกเป็นเรื่องของฉันคนเดียวเหรอคะ คราวนี้ลูกมีข้อบกพร่อง คุณก็ผลักให้เป็นความผิดของฉัน คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกันคะ”
คุณพ่อหยางลูบแขนตัวเองที่ถูกตีจนเจ็บ เขาย่นคอเงียบ ๆ ไม่กล้าพูดพล่อย ๆ อีก
ตอนที่ฉีเยี่ยนได้รับโทรศัพท์จากหยางเทา เขากำลังเปิดคอมพิวเตอร์ฆ่าปีศาจในเกมอยู่ ในทีมมีสองคนเป็นไอ้งั่ง เวลาโจมตี พวกเขาใช้เทคนิคมั่ว ๆ ทำให้บอสโกรธ ทำเอาทั้งทีมตายไปเกือบครึ่ง
เขาอดไม่ไหวด่าไปประโยคหนึ่งแล้วก็ออกมาจากทีมเสียเลย เขาใช้ยันต์สะกดแล้วก็กลับเข้ามาในเมืองหลักถึงจะสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์มือถือมีสองสายไม่ได้รับ เบอร์ที่โทร.มาเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ฉีเยี่ยนเหลือบมองอยู่สองรอบก็ไม่ได้โทร.กลับไป
ทว่าอีกฝ่ายก็โทร.มาอีกอย่างรวดเร็ว ฉีเยี่ยนรับโทรศัพท์แล้วจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็คือเด็กหนุ่มหัวยุ่งที่เขาเจอเมื่อสองสามวันก่อน
“ได้ ถึงเวลาผมจะไปเยี่ยมที่บ้านนะครับ” ฉีเยี่ยนวางสายแล้วก็โยนโทรศัพท์มือถือไปบนโซฟา “ธุรกิจมาหาถึงบ้านแล้ว”
วิชาเอกตอนเรียนมหาวิทยาลัยของเขาก็คือการจัดการการเงิน ที่จริงตัวเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย ถ้าเทียบกันแล้ว เขาชอบดูดวงดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นมากกว่า ก่อนตาแก่จะตายก็เคยให้เขาสาบานเอาไว้ว่า ก่อนอายุสิบแปดปีเต็มจะไม่ดูฮวงจุ้ยให้ใคร และไม่อาจเปลี่ยนแปลงฮวงจุ้ยด้วย
ตอนนี้เขาบรรลุนิติภาวะแล้ว แถมยังมีทักษะการมองเห็นด้วยตาเนื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างประหลาดอีกด้วย ดูท่าชะตาชีวิตของเขาจะกำหนดมาว่าเขาควรจะทำอาชีพด้านนี้
ยิ่งไปกว่านั้น…
เขารู้ดีว่าในใจของตาแก่ยังคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถสืบทอดวิชาต่อไป แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมตาแก่มีความสามารถด้านนี้อยู่ล้นตัวแต่กลับมาอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ห่างไกลเช่นนี้ ทว่าจนถึงบัดนี้ เรื่องทั้งหมดมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นทั้งลูกบุญธรรมและลูกศิษย์ของตาแก่ เขาจะไม่มีทางทำให้สิ่งที่สืบทอดมาจากตาแก่ต้องสูญหายไป
ฉีเยี่ยนเดินมาหยุดหน้ารูปของตาแก่แล้วก็จุดธูปดอกหนึ่ง เขาหัวเราะคิกคักแล้วว่า “ตาแก่ รอดูอยู่บนฟ้าอย่างสบายใจเถอะ”
ชายชราในรูปสวมหมวกสีเขียว ใบหน้าซูบตอบ ดวงตาอบอุ่นมองเขาอย่างสงบ
ฉีเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ เขาเปิดม่านที่บังหน้าต่างเอาไว้ แสงจันทร์สาดเข้ามา ทำให้ใบหน้าของเขาดูเรื่อเรือง
ในสายตาของคนอื่น ทิวทัศน์นอกหน้าต่างเป็นทิวทัศน์ยามกลางคืนที่งดงาม แต่ในสายตาของฉีเยี่ยน ที่นี่คือเมืองที่มีแต่ไอสีม่วงทองมากมายเต็มไปหมด

คอมเมนต์

Chapter List