ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 6
บทที่ 6
“ท่านอาจารย์ เชิญทางนี้ครับ” คุณพ่อหยางมารับผู้มีวิชาอาคมที่ลูกชายพูดถึงด้วยตัวเอง หยางเทายืนอยู่ด้านข้างแทบจะพูดแทรกไม่ได้ด้วยซ้ำ
ฉีเยี่ยนเหลือบมองคุณพ่อหยาง เขายิ้มและเดินตามไปโดยไม่พูดอะไร สายตาของเขามองพุ่มดอกกุหลาบในสวนดอกไม้หน้าวิลล่าของตระกูลหยาง กุหลาบมากมายบานสะพรั่ง ระหว่างกุหลาบแต่ละต้นมีหญ้าวัชพืชขึ้นปะปน แต่ก็ไม่ได้ดูรกสะดุดตานัก กลับดูมีสไตล์ไปอีกแบบ
“ท่านอาจารย์ ท่านต้องการจะดื่มชาสักถ้วยก่อนหรือเปล่าครับ แล้วค่อย…”
“ไม่จำเป็น” ฉีเยี่ยนเอามือไพล่หลัง สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งเล็กน้อย “ดูเสร็จผมก็จะไปแล้ว” ท่าทีของคุณหยางท่านนี้ดูคล้ายกระตือรือร้น แต่ฉีเยี่ยนรู้สึกได้ว่าคนคนนี้ในใจลึก ๆ ไม่ได้ชื่นชมให้เกียรติเขาแม้แต่น้อย
เขาไม่จำเป็นต้องเล่นละครไปกับคนอื่นด้วย มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรง ๆ จะโล่งใจกว่า
ไม่คิดว่าเจ้าคนที่ทำทีหลอกลวงเป็นอาจารย์ใหญ่โตนี่จะตรงไปตรงมาขนาดนี้ คุณพ่อหยางมีสีหน้านิ่งอึ้ง เขาหันศีรษะไป เห็นลูกชายคล้ายต้องการจะเอ่ยปากพูดอะไรก็จ้องลูกชายเขม็ง จากนั้นจึงหันกลับมายิ้มแฉ่งให้ฉีเยี่ยนแล้วว่า “จะเสียมารยาทอย่างนั้นได้อย่างไรเล่าครับ ท่านอุตส่าห์มาถึงบ้านอันต่ำต้อยของเรา จะไม่ให้ดื่มแม้แต่ชาถ้วยเดียวได้อย่างไร”
“คุณหยางไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คนรุ่นผมไม่เคร่งครัดพิธีรีตองอะไร” ท่าทีของฉีเยี่ยนยังคงสงบนิ่งอย่างที่สุด เขาชี้น้ำพุที่อยู่ข้างประตูใหญ่ “ด้านนอกตรงนี้เป็นสถานที่ที่ลมผ่านและรับแสงอาทิตย์ ถ้ามีน้ำพุอยู่ตรงนี้จะไม่เกิดผลเรื่องรวมน้ำให้ร่ำรวย แต่กลับทำให้สภาวะดวงตกอับมากกว่าแม้ว่าเรื่องใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบมากมาย แต่กระทำการใดก็อาจแตกหักเสียหายได้โดยง่าย จะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานได้”
คุณพ่อหยางมองน้ำพุที่ตนใช้เงินจำนวนมากสร้างมันขึ้นมาแล้วก็อดย้อนนึกถึงสภาวะดวงสองปีหลังจากที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ในวิลล่าใหม่แห่งนี้ไม่ได้ คล้ายว่าพวกเขาจะมีเรื่องที่ทำไปแล้วเสียเปล่ามากกว่าแต่ก่อนไม่น้อยจริง ๆ
ไม่ถูกสิ ไม่ถูก นี่จะต้องเป็นเล่ห์กลของพวกนักต้มตุ๋นอย่างแน่นอนเขาต้องมั่นคงเข้าไว้
ประตูใหญ่ของบ้านหยางหากเทียบกับของบ้านหวังหังแล้วดูใช้เงินมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ประตูใหญ่ชุบทองสีชมพูมุก มองแล้วรู้สึกกระแทกตาอย่างรุนแรง ทั้งยังมีนกที่เชิดหน้ากู่ร้องอยู่บนประตูนั่นอีกมันนกยูงหรือนกฟีนิกซ์ล่ะนั่น
“สภาวะดวงของบ้านคุณหยางแม้ว่าจะดี แต่ต้องทราบหลักการเรื่องเคราะห์ที่ออกมาจากปากด้วย หากได้พบคนธรรมดาก็ยังดี แต่หากพบกับคนที่มีสภาวะดวงร่ำรวยยิ่งกว่าพวกคุณละก็ โชคดีก็ได้แต่เปลี่ยนเป็นโชคร้ายแล้ว” ฉีเยี่ยนหันกลับไปมองหยางเทาที่ยืนอยู่ข้างกายคุณพ่อหยาง “ปากต้องสั่งสมคุณธรรม มิเช่นนั้นจะไม่มีผลบุญในภายหลังประตูใหญ่นี้ก็เปลี่ยนเสียพร้อมกับปากเถิด”
เมื่อถูกฉีเยี่ยนชี้จุดที่ไม่ดีสองจุดติดต่อกัน รอยยิ้มบนใบหน้าคุณหยางก็คลี่ไม่ออกอีกต่อไป แต่ที่มหัศจรรย์ก็คือ ลึก ๆ ในใจของเขากลับยึดมั่นในความแคลงใจเมื่อครู่ไม่ได้อีก เจ้าเด็กหยางเทานี่ไม่รู้จักพูดอยู่หลายเรื่อง ตัวเขาเป็นพ่อในใจรู้อยู่ชัดเจน และก็เพราะปากของลูกชายนี้เอง คนข้างนอกเลยมองลูกชายไม่ค่อยดีมาตลอด ทำให้เขาซึ่งเป็นพ่อก็ขายหน้าไปทั่วเช่นกัน ความขมขื่นในใจนี้มีแต่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้สึกได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็จ้องลูกชายเขม็ง แต่ลูกชายตัวเองกลับมองท่านอาจารย์ใหญ่ หน้าตาราวกับตุ๊กตานั่นด้วยสีหน้านับถือเต็มที่ เห็นอย่างนี้เขาก็ยิ่งพูดไม่ออก
เมื่อเดินเข้าประตูใหญ่มา สไตล์การตกแต่งบ้านของตระกูลหยางก็ยิ่งยากจะบรรยายได้หมด เห็นได้ชัดว่าไม่เคยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยมาดูเลย กระแสอากาศไหลไปมามั่วไปหมด เรียกได้ว่าไม่มีทิศทางแม้แต่น้อย
คุณพ่อหยางเห็นฉีเยี่ยนเดินเข้าประตูมาแล้วยืนนิ่งไม่ขยับ เขาก็อดใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่ได้ เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าคนคนนี้จะมาจับผิดอะไรอีก
หลังจากนั้นฉีเยี่ยนก็ดูห้องรับแขกทั้งห้องแล้วก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่ดู “ภาพวาดชื่อดัง” ที่พวกเขาแขวนเอาไว้บนผนังมากขึ้นอีกหน่อย สีหน้าของคุณพ่อหยางกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง เขาชัดเจนแก่ใจว่าภาพวาดชื่อดังเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของเลียนแบบที่แขวนเอาไว้เพื่อเสริมหน้าตา ของจริงมีอยู่แค่ภาพสองภาพเท่านั้น และยังเป็นผลงานที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่ด้วย
“ท่านอาจารย์ พวกเราไปดูข้างบนกันเถอะ”
แปลกที่คุณพ่อหยางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นนักเรียนชั้นประถมที่กำลังถูกครูตรวจการบ้านอยู่หน่อย ๆ แม้ว่าตัวเขาเองจะยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้นก็ตาม
บันไดบ้านเป็นบันไดวนแบบยุโรปดูเหมือนใส่เอฟเฟ็กต์มลังเมลืองไปหมด เป็นสไตล์โรงแรมที่เขาเอาไว้ถ่ายละครเกี่ยวกับตระกูลเศรษฐีอะไรเทือกนั้น ตรงมุมยังมีแจกันตั้งพื้นขนาดใหญ่วางอยู่อีกด้วย ความสูงของมันเกือบเท่าเขาที่สูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลยทีเดียว
“ท่านอาจารย์ อันนี้ผมซื้อมาจากงานประมูลงานหนึ่งครับ ราคาสี่แสนห้า ท่านคิดว่าเป็นยังไงครับ” คุณพ่อหยางรู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็มีของที่สามารถจะเอามาอวดได้บ้างแล้ว
ฉีเยี่ยนมองคุณพ่อหยางแล้วก็มองแจกัน เขายังคงยิ้มไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าอย่างสำรวมเล็กน้อย แต่กิริยานั้นช่างน้อยนิดจริง ๆ จนคุณพ่อหยางคิดว่าตนตาฝาดไปเสียด้วยซ้ำ
คุณพ่อหยางนำเขาไปดูห้องนอนใหญ่ เมื่อเปิดประตูออกไปเขาก็มองเห็นนาฬิกาลูกตุ้มแบบโบราณวางอยู่ที่มุมห้อง ด้านนอกเป็นไม้สีแดงด้านบนยังสลักลวดลายวิจิตรเอาไว้ด้วย ฝั่งตรงข้ามของนาฬิกามีโต๊ะเครื่องแป้งแบบยุโรปตั้งอยู่ บนโต๊ะเครื่องแป้งมีกล่องเครื่องประดับที่ไม่ได้ล็อกวางอยู่สองสามกล่อง ดูก็รู้ว่าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของมันคงจะมีเครื่องประดับไม่น้อยทีเดียว ซ้ำยังมีทัศนคติสบาย ๆ กับเครื่องประดับเป็นอย่างมากอีกด้วย
ทว่าหากดูจากบรรยากาศของห้องนี้แล้ว ผู้เป็นเจ้าของห้องคงจะเป็นคนโอบอ้อมอารีมากทีเดียว
หลังจากนั้นคุณพ่อหยางก็นำเขาไปดูห้องอื่น ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบฉีเยี่ยนพูดเพียงไม่กี่ประโยค เมื่อทั้งสามกลับมาที่ห้องรับแขก ฉีเยี่ยนก็นั่งลงบนโซฟาหรูแล้วเอ่ยตรง ๆ “คุณหยางดูท่าไม่ค่อยเชื่อฮวงจุ้ยสักเท่าไหร่ใช่ไหมครับ”
คุณพ่อหยางหัวเราะฮ่า ๆ แล้วว่า “ท่านอาจารย์ก็ช่างล้อเล่น ถ้าผมไม่เชื่อจะเชิญท่านมาบ้านผมทำไมกันล่ะครับ”
“ถ้าคุณเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยจะวางนาฬิกาลูกตุ้มเอาไว้ใกล้ ๆ เตียง แล้ววางกระจกโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ตรงกับหัวเตียงทำไมล่ะครับ” ฉีเยี่ยนหัวเราะเสียงเบา “ช่วงนี้คุณหยางสุขภาพเป็นอย่างไรบ้างครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณพ่อหยางแข็งค้าง สองปีมานี้เขาไม่ได้เจ็บป่วยหนักหนาอะไร แต่มักจะปวดหัวตัวร้อนอยู่บ่อย ๆ กลางคืนเวลานอนก็มักจะฝันร้าย ระยะหลังมานี้ยิ่งหนักข้อขึ้น ไม่เพียงแต่นอนหลับไม่สนิทแต่อาการผมร่วงยังเห็นชัดเจนขึ้นทุกที เขาคิดแค่ว่ารู้สึกกดดันเรื่องงานมากไม่เคยคิดในแง่อื่นมาก่อนเลย
“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังหมายความว่ามันเป็นเพราะฮวงจุ้ยบ้านผมไม่ถูกต้องหรือครับ”
“ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะครับ” ฉีเยี่ยนเลิกคิ้ว “ผมแค่รู้สึกว่าสีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง ต้องพักผ่อนมากหน่อย”
คุณพ่อหยาง : …
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ครับ” ในที่สุดหยางเทาก็ทนไม่ไหวแล้วเอ่ยปากออกมา “ถ้าอย่างนั้นท่านบอกผมหน่อยเถอะครับว่า ฮวงจุ้ยบ้านผมมีตรงไหนไม่ถูกบ้าง”
“พวกคุณอยากฟังความจริงหรือความเท็จล่ะครับ”
“ความจริงครับ ความจริง ท่านพูดมาได้เลย พวกเราจะแก้แน่ ๆ แก้แน่นอนครับ”
“คุณหยางกับภรรยาของคุณคงจะรักใคร่กันดีนะครับ ภรรยาคุณนิสัยค่อนข้างแข็ง เคลื่อนไหวพูดจารวดเร็ว เรื่องงานก็คงช่วยคุณหยางได้เยอะเลย ถูกไหมครับ” ฉีเยี่ยนเห็นคุณหยางพยักหน้าก็ว่าต่อ “คุณนายก็เหมือนพุ่มกุหลาบในสวนของพวกคุณนั่นแหละครับ มันบานสะพรั่งแล้วก็เป็นอิสระ ผมแนะนำว่าคุณหยางอย่าไปขยับย้ายดอกกุหลาบพวกนั้นแค่ตัดแต่งนิดหน่อยก็พอแล้ว อย่าเคลื่อนย้ายไปไกล ๆ สำหรับน้ำพุที่หน้าประตูนั่นก็ถมเสียเป็นดีที่สุด นอกประตูใหญ่ไม่ควรมีอะไรขวางทาง ลมจะได้ผ่านเข้าออกได้สะดวก
“สำหรับในห้อง…” ฉีเยี่ยนหันไปมองรอบ ๆ วิลล่าแห่งนี้มีสไตล์การตกแต่งที่ยากจะบรรยาย กระแสอากาศก็ค่อนข้างสับสน แต่การวางทิศก็ยังดีอยู่มาก รูปร่างของตัวบ้านก็ออกแบบมาเหมาะสม ของตกแต่งเล็ก ๆ อื่น ๆ แม้ว่าจะเละเทะ แต่รวม ๆ แล้วก็ไม่มีผลกระทบต่อสภาวะดวงมากมายนัก
หลายคนพูดถึงการเปลี่ยนแปลงฮวงจุ้ยแล้วก็คิดคล้ายกับว่าวางกระถางดอกไม้เพิ่มอีกสักกระถางหรือโยนรองเท้าทิ้งไปสักคู่ จะทำให้สภาวะดวงเปลี่ยนเป็นดีหรือไม่ดีได้ แต่ที่จริงคิดแบบนี้ไม่ถูกเอามาก ๆ สำหรับคนทั่วไปส่วนใหญ่แล้ว สไตล์การตกแต่งบ้านต้องเป็นสิ่งที่ตนชื่นชอบนั่นคือเงื่อนไขแรกสุดของฮวงจุ้ย
สำหรับคนเราแล้ว บ้านคือพื้นที่ที่เป็นของเรา หากแม้แต่สไตล์การตกแต่งพื้นฐานที่สุดยังไม่เข้ากับความปรารถนาของเราแล้ว เวลาอยู่บ้านจะไม่รู้สึกว้าวุ่นใจหรือ หากอารมณ์ไม่ดี สภาวะดวงก็ย่อมไม่ดีไปด้วย
อย่างเช่นสไตล์การตกแต่งของบ้านหยาง สำหรับเขาแล้วเป็นอะไรที่ขัดตาสุด ๆ แต่ดูท่าทีคนบ้านหยางแล้วคล้ายจะภูมิใจกับการตกแต่งบ้านของตนเป็นอย่างมาก แสดงว่าเขาพอใจกับบ้านตัวเองมากและสามารถจะค้นพบความสุขในใจตัวเองได้ ถ้าหากเขาต้องไปตกแต่งบ้านในสไตล์อื่นก็จะไม่ตรงกับใจของพวกเขาและทำให้กระอักกระอ่วน
ดังนั้นนอกจากเรื่องการตกแต่งที่ห้ามเป็นพิเศษแล้ว ของอย่างอื่นวางเอาตามใจก็พอ ถ้าพยายามฝืนมากไปก็ไม่สวยอีก
“ลักษณะของวิลล่าดีมาก หน้าต่างเปิดโล่งสว่าง โชคลาภก็เฟื่องฟูไม่มีของอะไรที่กระทบกับสภาวะดวงมากนัก” ฉีเยี่ยนชี้ตรงหัวบันได “แจกันเป็นเครื่องกระเบื้อง กระเบื้องแตกง่าย ยิ่งมันสูงใหญ่เกินไป วางกินพื้นที่ทางเดินก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ ไม่ดีต่อสภาวะดวง คุณหยางสามารถนำมันไปวางเอาไว้ที่มุมห้องนั่งเล่นได้นะครับ ถ้าแบบนั้นจะทำให้ได้ชื่นชมมันมากกว่าและไม่ล้มแตกหักเสียหายง่าย ๆ ด้วย
“สำหรับพื้นที่ที่เดิมเคยวางแจกันเอาไว้ก็สามารถจะวางต้นส้มจี๊ดหรือต้นไม้ที่มีสีเขียวตลอดปีเอาไว้ก็ได้” ฉีเยี่ยนคิดเล็กน้อยแล้วก็เอ่ยเสริมว่า “นอกจากนั้น ตรงหัวเตียงห้ามวางนาฬิกา กระจกห้ามสะท้อนหัวเตียง ถ้าแก้เรื่องพวกนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหนักหนาแล้ว”
คุณหยางฟังเรื่องพวกนี้แล้วความสงสัยในตัวฉีเยี่ยนที่มีอยู่สามส่วนในใจก็กลายเป็นความเชื่อใจไปเสียเจ็ดส่วน อีกฝ่ายไม่ได้ให้เขาซื้อเครื่องมือทางไสยศาสตร์อะไร และก็ไม่ได้เล่นเล่ห์กลอะไรด้วย ท่าทีเช่นนี้กลับทำให้เขารู้สึกเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมา
“แล้วก็…” ฉีเยี่ยนมองคุณหยางด้วยสายตาค่อนข้างลึกลับซับซ้อน “ภรรยาของคุณมีพื้นดวงกำเนิดที่ดีมาก ทั้งเป็นคนใจดีมีเมตตา คุณหยางต้องรักเคารพและทะนุถนอมเธอให้ดี นานวันไปจะมีโชคดีหนาหนักยิ่งนัก”
คุณพ่อหยางสะท้านในใจ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาออกไป ไม่กล้าสบตาฉีเยี่ยน “ผมจะจำคำของท่านอาจารย์เอาไว้อย่างดี”
แล้วก็คิดว่า แม้แต่เรื่องนี้ ท่านอาจารย์ก็ดูออกด้วย
ผู้มีวิชาอาคม…เป็นผู้มีวิชาอาคมจริง ๆ!
เดือนที่แล้วเขารู้จักหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ในใจพองฟูอยู่เล็กน้อยหากไม่นึกถึงความรักที่มีให้ภรรยาหลายต่อหลายปีก็เกรงว่าคงจะทำผิดพลาดเสียแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินคำที่ท่านอาจารย์พูด ใบหน้าก็เกิดเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เขาก็โชคดีที่ท่านอาจารย์เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา เพราะหากปล่อยให้เขาทำผิดพลาดไป เขาคงแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่และคงจะเสียใจยิ่งกว่านี้อีก
จนถึงตอนนี้ เขาเชื่อฉีเยี่ยนอย่างไม่มีข้อกังขาเรียบร้อยแล้วและก็อดกังวลไม่ได้ ท่านอาจารย์เย็นชากับเขาขนาดนี้หรือว่าเป็นเพราะตอนเข้าบ้านมาก็เห็นความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
“ท่านอาจารย์ ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ หากมีเรื่องใดที่ข้าล่วงเกินไปก็ขอให้ท่านอย่าได้ถือสา” คุณพ่อหยางเบิกตาจ้องหยางเทา “ยังไม่รินน้ำให้ท่านอาจารย์อีก มัวนั่งทำอะไรอยู่”
หยางเทาโดนดุจนมึน นั่งอยู่ดี ๆ ก็โดนซะงั้น นี่เขาทำอะไรผิดเนี่ย
“ไม่ต้องแล้วละครับ” ฉีเยี่ยนลุกขึ้นจากโซฟา “คุณหยางคงจะงานยุ่งมาก ผมคงไม่รบกวนแล้ว”
“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์…” คุณพ่อหยางจะกล้าปล่อยให้ฉีเยี่ยนไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไรเล่า “ท่านดูสิครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวเราสั่งอาหารจากร้านอาหารแถวนี้มา ขอเชิญท่านรับประทานอาหารด้วยกันเถอะครับ”
“คุณหยางไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ขอตัวนะครับ” ฉีเยี่ยนไม่หวั่นไหว เขายืนยันจะไป
คุณพ่อหยางยังโน้มน้าวรั้งเอาไว้อีกหลายครั้งก็เห็นว่ารั้งไม่ได้ จึงได้แต่ยัดเช็คใบหนึ่งให้ฉีเยี่ยนแล้วไปส่งเขาขึ้นรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านอาจารย์กลับดี ๆ นะครับ เอาไว้ท่านมีเวลาว่าง ผมจะขอไปรบกวนใหม่นะครับ” คุณพ่อหยางโบกมือ เมื่อมองไม่เห็นแม้แต่เงารถแล้วจึงลดมือลง
“พ่อ…”
“ตอนนี้ลูกอย่าเพิ่งพูดอะไรกับพ่อ ท่านอาจารย์บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าปากลูกนั่นน่ะคือสิ่งที่ต้องแก้ไข!” คุณพ่อหยางรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาเริ่มหาคนงานมาถมน้ำพุหน้าประตูแล้วก็เปลี่ยนประตูเสียใหม่
คำของท่านอาจารย์จะไม่ฟังไม่ได้!
สำหรับท่านอาจารย์ฉีที่ได้รับการยกย่องจากคุณพ่อหยางให้เป็นผู้มีวิชาอาคมนั้น ตอนนี้เขากำลังมองตัวเลขหนึ่งแสนหยวนบนเช็ค จากนั้นก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
คอมเมนต์