ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 10

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 10

เฉินไป่เฮ่อ ฟังผู้ดำเนินรายการใช้เสียงแหลมปรี๊ดฟังดูกระตือรือร้นลากเสียงยาวเพื่อบรรยายรูปร่างลักษณะคนใจดีที่กล้าหาญกระทำสิ่งถูกต้องยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าโจ๊กในชามรสชาติยากจะกลืนเข้าไปทุกที เขาเงยหน้าดูในโทรทัศน์ พ่อแม่ของเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือนั้นกำลังขอบคุณคนใจดีต่อหน้ากล้อง แค่ข่าวเดียวก็ออกอากาศไปเสียห้าสิบหกสิบนาทีแล้ว ทว่าแม้แต่รูปภาพชัด ๆ ของพ่อคนใจดีนั้นยังไม่มีเลย เพราะงั้นคงไม่ต้องพูดถึงชื่อแซ่หรอกว่าเป็นใคร
สุดท้ายประเด็นของข่าวนี้ก็ถูกผู้ดำเนินรายการสรุปง่าย ๆ ว่า “คนดีจะมีชีวิตสงบสุข” เฉินไป่เฮ่อวางโจ๊กที่กินไปเพียงเศษหนึ่งส่วนสามลงเขาขดตัวนอนลงบนเตียง ไม่อยากจะขยับเขยื้อนอีก
ตอนที่เหลียงเฟิงมาเห็นกับข้าวบนโต๊ะพร่องไปไม่เท่าไหร่ เขาก็ช่วยย้ายโต๊ะที่คร่อมอยู่บนเตียงไปอีกทาง “ประธานเฉิน คุณกินแค่นี้เองเหรอครับ”
“ไม่อยากอาหาร” เฉินไป่เฮ่อเห็นสองมือของอีกฝ่ายว่างเปล่า เขาหยิบรีโมตคอนโทรลมาปิดโทรทัศน์เสีย “เย็นขนาดนี้แล้ว นายมาทำไม”
“ผมเพิ่งได้ยินข่าวหนึ่งมาครับ ดูเหมือนผู้อาวุโสจะกำลังเตรียมซ่อมแซมปรับปรุงบ้านบรรพบุรุษ หลัง ๆ มานี้เขากำลังหาอาจารย์ฮวงจุ้ยที่เก่ง ๆ อยู่” เหลียงเฟิงเห็นใบหน้าของเฉินไป่เฮ่อยังไม่แสดงสีหน้าใดจึงเสริมขึ้นอีกประโยค “ได้ยินว่ามีคนไปพูดกับผู้อาวุโสว่าบ้านบรรพบุรุษไม่ได้ซ่อมแซมนาน ฮวงจุ้ยก็เกิดการเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลร้ายต่ออายุขัยของลูกหลานได้ ท่านผู้อาวุโสจึงเพิ่งจะตัดสินใจทำเรื่องนี้ครับ”
ทุกคนรู้กันทั้งนั้นว่าในบรรดาห้าพี่น้องตระกูลเฉิน มีเพียงเฉินไป่เฮ่อเท่านั้นที่ป่วยกระเสาะกระแสะแต่เด็ก ผู้อาวุโสทำแบบนี้เกรงว่าก็ทำเพื่อเขานั่นเอง
ลูกชายคนเล็ก หลานชายคนโต สาระสำคัญในชีวิตของผู้อาวุโสสำหรับผู้อาวุโสแล้ว ลูกหลงอย่างเฉินไป่เฮ่อเป็นลูกที่เขามีความรักเอ็นดูซึมลึกในกระดูก เอาใจใส่ยิ่งกว่าลูกหลานคนใดมากนัก
เฉินไป่เฮ่อขมวดคิ้วน้อย ๆ เขาเห็นเหลียงเฟิงทำเหมือนจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็กลับเงียบเสีย
สีหน้าท่าทางของเขาอยู่ในสายตาของเหลียงเฟิง ชั่วขณะหนึ่งเหลียงเฟิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เขาเพียงนั่งอยู่เป็นเพื่อนเฉินไป่เฮ่อครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “อาจจะได้ผลก็ได้นะครับ”
เพียงแต่น่าเสียดายที่หลังจากเขาหลุดประโยคนี้ออกไป กลับได้รับกลับมาเพียงสายตาที่ดูเย็นชาเล็กน้อยของเฉินไป่เฮ่อ
“เอาเถอะครับ” เหลียงเฟิงยักไหล่ “ผมก็แค่คิดว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่ขนาดนี้ บางทีอาจจะมีพลังลึกลับอะไรสักอย่างที่เราไม่รู้อยู่ก็ได้ไม่แน่หรอก จริงไหมครับ”
เฉินไป่เฮ่อยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ ดูไม่ยี่หระและไม่เกรงกลัวพอสมควร “พอเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว นายควรจะรีบกลับไปได้แล้ว”
เหลียงเฟิงดูทรงแล้วไม่น่าจะโน้มน้าวได้อีก จึงรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่บริษัทให้เฉินไป่เฮ่อฟัง หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นจากไป
ตอนที่เขาเดินผ่านนางพยาบาลที่ยืนอยู่ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่พวกพยาบาลคุยกันเมื่อหลายวันก่อน มีคนมีคาถาอาคมไปดูฮวงจุ้ยที่บ้านคนมีเงินแล้วไม่นานคนบ้านนั้นก็ฟื้นขึ้นมา ในใจของเขาครึ่งหนึ่งไม่ควรจะเชื่อเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าเรียบนิ่งอย่างคนที่มองความเป็นความตายทะลุปรุโปร่งของเจ้านายตัวเองแล้ว เขาก็หยุดฝีเท้า หันไปมองนางพยาบาลสองสามคนที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่
บางทีอาจเพราะเขาดวงดี เพียงแค่มองปราดเดียวก็เห็นนางพยาบาลคนที่คุยเรื่องโชคดวงคนนั้น เขาเดินเข้าไปเคาะเคาน์เตอร์นางพยาบาลสองสามครั้งแล้วก็เหลือบมองป้ายกำลังปฏิบัติงานที่นางพยาบาลคนนั้นติดอยู่ “คุณจางครับ ขอรบกวนหน่อยนะครับ ผมมีอะไรจะถามคุณสักหน่อย ไม่ทราบว่าคุณพอมีเวลาไหมครับ”
นางพยาบาลจางไม่คิดมาก่อนว่าคนข้างกายคนสำคัญจะมาหาตนเธออึ้งไปครู่หนึ่งแล้วก็หันไปหาหัวหน้าพยาบาลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นหัวหน้าพยาบาลพยักหน้าจึงยืนขึ้นแล้วว่า “เชิญคุณเหลียงพูดมาเลยค่ะ”
เหลียงเฟิงมองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยกับนางพยาบาลจาง “สองสามวันก่อนผมได้ยินคุณพูดเรื่องคนไข้ที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราฟื้นขึ้นมาไม่ทราบว่าคุณจะช่วยผมติดต่อครอบครัวของเธอหน่อยได้ไหมครับ”
นางพยาบาลจางได้ยินดังนั้นก็ว่า “รบกวนรอสักครู่นะคะ เรื่องนี้ฉันต้องติดต่อครอบครัวของคนไข้ก่อน ต้องรอคำอนุญาตจากเขาน่ะค่ะ”
เหลียงเฟิงยิ้มพลางพยักหน้า “รบกวนด้วยนะครับ”

ระยะนี้ตู้ตงอารมณ์ดีมาก ร่างกายอ้วนใหญ่เดินตัวปลิว การผ่าตัดของแม่เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พักฟื้นในระยะเวลาสั้น ๆ ก็กลับบ้านได้ สุขภาพของภรรยาเขาก็ฟื้นฟูขึ้นมาก ลูกสาวก็แข็งแรงร่าเริงจนรบเร้าจะไปโรงเรียนแล้ว บริษัทของเขาก็มีเงินทุนแหล่งใหม่ไหลเข้ามาทำให้ธุรกิจหมุนเวียนคล่องตัว ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดนี้ทำให้วันคืนเมื่อครึ่งเดือนก่อนเหมือนเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อเขาได้รับการติดต่อจากผู้ช่วยของท่านห้าเฉิน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะติดต่อเขาเพื่ออะไร แต่ก็ยังไปพบอีกฝ่ายอย่างยินดียิ่งนัก
“คนมีคาถาอาคมหรือครับ” ตู้ตงตกใจ ใบหน้ามีรอยยิ้มอารี “คุณเหลียงครับ ผู้มีคาถาอาคมผู้นั้นไปมาไม่มีร่องรอยแน่ชัด ให้ผมติดต่อเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยติดต่อคุณไปดีไหมครับ”
แม้ว่าเขาอยากจะกอดขาตระกูลเฉินเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ใช่หมาป่าตาขาว [1] เหลียงเฟิงอยากจะตามหาท่านอาจารย์ฉีให้พบ แต่กลับไม่ยอมอธิบายจุดประสงค์ให้เขาฟังอย่างชัดแจ้ง ถ้าเขาเสนอท่านอาจารย์ฉีออกไปทั้งอย่างนี้แล้ว กลายเป็นการนำพาความลำบากมาสู่ท่านอาจารย์ฉีจะทำอย่างไรเล่า
เกิดเป็นคนไม่ควรลืมรากเหง้า ท่านอาจารย์ฉีช่วยเหลือเขาทั้งครอบครัว หากเขากลับไปขายท่านอาจารย์ให้คนอื่นโดยเห็นแก่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว เขาจะกลายเป็นคนแบบไหนเล่า
เหลียงเฟิงมองออกว่าตู้ตงไม่ได้พูดความจริง เขาคงเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่จึงไม่ได้แสดงอาการกดดันจนเกินไปนัก เพียงแต่หัวเราะพลางว่า “หวังว่าคุณตู้จะนำข่าวดีมาให้ผมนะครับ”
ตู้ตงหัวเราะแห้ง ๆ เขาพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
หลังจากฉีเยี่ยนรู้ว่าตนออกโทรทัศน์ เขาก็หลบอยู่ในบ้านหลายวันกินแต่อาหารที่สั่งมาจากข้างนอกจนแทบจะอ้วกอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อหวังหังโทรศัพท์มาหาเขาเพื่อชวนไปกินปิ้งย่าง เขาจึงตอบตกลงไปอย่างไม่ลังเล
ตลาดกลางคืนตอนหน้าร้อนกิจการดีมาก มีสาว ๆ แต่งตัวสวย ๆ หนุ่ม ๆ เอาอกเอาใจไม่ได้ขาด แล้วก็ยังมีครอบครัวที่มาเดินเล่นด้วยกันอีกด้วย ทุกคนเบียดเสียดกันอยู่บนถนนเก่าแคบดูคึกคักเป็นพิเศษ
รถของหวังหังขับเข้ามาไม่ได้ เขาทำได้แค่เดินเข้ามากับฉีเยี่ยนพวกเขาเจอแผงที่ดูจะฮ็อตที่สุดตรงหัวมุม จึงสั่งเนื้อย่างเสียบไม้มากมายไปจนถึงปลาย่างอีกสองตัว
ทั้งสองนั่งอยู่ข้างโต๊ะตัวเล็กอย่างง่าย ๆ หวังหังดื่มเบียร์เย็นเจี๊ยบอึกหนึ่ง “สองสามวันก่อนฉันไปเจอเพื่อนสมัยประถมคนหนึ่ง เขาบอกว่าหลังจากที่บ้านเชิญคนมีคาถาอาคมคนหนึ่งมาดูฮวงจุ้ยให้ ดวงก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยังบอกอีกว่าคนมีคาถาอาคมคนนั้นแซ่ฉี คนมีคาถาอาคมคนนั้นคงไม่ใช่นายหรอกใช่ไหม”
“แล้วเด็กคนนั้นชื่ออะไรล่ะ” ฉีเยี่ยนไม่ชอบดื่มเหล้า เขาจึงซื้อชาเย็นเจี๊ยบมากระป๋องหนึ่งแล้วค่อย ๆ ดื่ม
“เขาชื่อหยางเทา เมื่อก่อนเวลาเจอกันก็มักจะชอบคุยโม้โอ้อวดคราวนี้เปลี่ยนไปไม่น้อยเลย” เมื่อเบียร์เย็น ๆ ลงท้อง หวังหังก็พลันรู้สึกว่าความร้อนในร่างกายของตัวเองหายไปไม่น้อย สีหน้าของเขาผ่อนคลายขึ้น “รีบบอกฉันมาเร็ว คนมีคาถาอาคมที่บ้านเขาเชิญไปนั่นน่ะ ใช่นายหรือเปล่า”
ฉีเยี่ยนพยักหน้าแล้วว่า “พอดีเจอกันโดยบังเอิญ ก็เลยช่วยดูให้นิดหน่อย”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ของหวังหังก็โน้มเข้าไปเบื้องหน้าฉีเยี่ยน “เฉียนเฉียน นี่นายเปลี่ยนแปลงชะตาให้คนอื่นได้จริง ๆ เหรอ”
“ฉันเปลี่ยนชะตาให้คนอื่นไม่ได้หรอก แค่ให้คนเดินทางคดเคี้ยวน้อยลงหน่อยเท่านั้น” ฉีเยี่ยนส่ายหน้าพลางว่า “ชีวิตคนเราบางครั้งก็ได้ดังปรารถนา ชีวิตคนเราบางครั้งปรารถนาเพียงใดก็ไม่อาจได้ดังหวัง”
“ที่นายพูด ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่น่ะนะ” หวังหังเกาศีรษะ “แต่มาคิดดูดี ๆ แล้วก็เหมือนจะเข้าใจ ความหมายรวม ๆ ก็คือ นายแค่ช่วยให้คนได้รับสิ่งที่เขาสมควรได้รับอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถจะช่วยให้คนแย่งเอาของที่สมควรจะเป็นของคนอื่นไปได้ อย่างนั้นใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นแหละ” ฉีเยี่ยนยื่นมือออกมาชี้บนศีรษะ “พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องรับกรรมน่ะ”
หวังหังมีสีหน้านับถือ แม้ว่ามีหลายเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าเจ๋งมาก
“คราวที่แล้วนายช่วยดูฮวงจุ้ยให้บ้านฉัน ดูแค่ครึ่งเดียวก็ไปแล้วเสียดายจริง ๆ” ในใจของหวังหังรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง สีหน้าของเขาดูหงุดหงิด
“จะเป็นไรไป คราวหน้าฉันหาเวลาไปบ้านนายอีกก็โอเคแล้ว” ฉีเยี่ยนหุบยิ้ม “ว่ากันตามตรง ฉันไม่รู้สึกถึงอะไรไม่ดีที่บ้านนายเลย เพราะงั้นจะดูหรือไม่ดูก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่”
เมื่อได้ฟังดังนั้น หวังหังก็รู้สึกดีขึ้นมาก กระทั่งเจ้าของร้านมาเสิร์ฟเนื้อย่าง เขาก็กินไปหลายไม้จึงค่อยหยุดแล้วเอ่ยเสียงเบา “ได้ยินว่าบ้านตระกูลเฉินจะจ้างอาจารย์ฮวงจุ้ยเก่ง ๆ มาในราคาแพง นายจะไปลองหน่อยมั้ยล่ะ”
ฉีเยี่ยนส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องหรอก เมืองตี้ตูมีพยัคฆ์หลับใหลมังกรเร้นกาย คนเก่ง ๆ ประเภทไหนก็มีทั้งนั้น ฉันคงไม่ไปร่วมวงด้วยหรอก”
เพียงแต่คนเก่ง ๆ เหล่านี้ก็มีทั้งที่มีฝีมือจริง ๆ และทั้งที่เพียงแค่คุยโม้โอ้อวดโดยไม่รู้จักการดูฮวงจุ้ยเลยสักนิด แต่ว่าปากกลับฟุ้งฝอยพลิกตายกลับกลายมาเป็นได้ ที่จริงคนประเภทนี้มีชื่อเรียกอยู่แค่สองประเภทคือคนละโมบกับคนร้ายกาจ
มีนักต้มตุ๋นในยุทธภพบางคนไม่เพียงหลอกเอาทรัพย์สิน แต่ยังคุกคามทางเพศหรือทำร้ายคร่าชีวิตกันอีกด้วย คนพวกนี้ใช้วิทยายุทธ์หลอกเอาทรัพย์สินและคุกคามทางเพศ ทำให้คนที่มีประสบการณ์ไม่ดีเท่าไหร่ไปทำเรื่องโง่ ๆ คนประเภทนี้ต่างหากที่สมควรโดนสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น
ตอนเด็ก ๆ เขาเคยเห็นคนที่เรียกว่าแม่หมอบอกว่าเด็กสาวบ้านหนึ่งจะขาดพ่อขาดแม่ขาดพี่น้อง หลังจากนั้นบ้านนั้นก็เชื่อที่แม่หมอพูดอย่างสนิทใจ พวกเขาทั้งด่าทอตบตีเด็กสาวคนนั้น จนสุดท้ายเด็กสาวคนนั้นก็ทนชีวิตที่ถูกทำร้ายทารุณอย่างนั้นไม่ไหว จึงไปกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตาย
หลังจากเรื่องนี้ ตาแก่ก็พูดกับเขาว่านี่ละคือความชั่วร้ายในสันดานมนุษย์ เพราะแม่หมอรู้ดีว่าพ่อแม่ของเด็กสาวคนนั้นให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เรื่องเงินทองของครอบครัวก็ไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงจับเอาสภาพจิตใจของพวกเขามาพูดจามั่วซั่ว
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่เจ็บป่วยแล้วไม่ไปหาหมอ แต่กลับไปเชิญร่างทรง ดื่มน้ำมนต์ หรืออะไรทำนองนั้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเขลาทั้งสิ้น
หากเจ็บป่วยแล้วเพียงไปเชิญร่างทรงมาก็หายดีได้ละก็ โลกใบนี้ยังจะมีหมอไปเพื่ออะไร และจะมีเกิดแก่เจ็บตายได้อย่างไร
ในเมืองหรืออำเภอเล็ก ๆ ห่างไกลนั้นมีการต้มตุ๋นโดยอาศัยความเขลาเช่นนี้มากมาย ฉีเยี่ยนรู้สึกรังเกียจพวกนักต้มตุ๋นเช่นนี้เหลือเกิน จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่ยอมติดต่อคบหากับพวกอาจารย์ที่บ้างก็จริงบ้างก็หลอกเหล่านี้เลย
“ฉันคิดอยู่แล้วว่านายคงไม่ไปร่วมวงกับเขาหรอก” หวังหังเช็ดปากที่มันแผล็บ “ต้นไม้ใหญ่แซ่เฉินนี่น่ะนะ มีคนอยากจะไปโอบกอดเยอะแยะ”
“คนสำคัญที่ก่อนหน้านี้นายต้องไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็คือคนของตระกูลเฉินเหรอ” ฉีเยี่ยนชอบกินปีกไก่ ดังนั้นเขาจึงรีบกินไปสองไม้อย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่เอ่ยถึงตระกูลเฉินนั้นฟังดูไม่ใส่ใจอย่างที่สุด
“ทุกคนก็อยากจะไปแสดงความภักดีที่โรงพยาบาลกันสักครั้งนั่นแหละถ้าบ้านฉันไม่ไปสักครั้งก็จะดูไม่ดี” หวังหังกระจ่างชัดในใจว่าสถานะของบ้านเขายังดูดีในสายตาคนทั่วไป แต่ในสายตาของตระกูลเฉิน พวกเขาเป็นเพียงแค่เศษอะไรสักอย่างเท่านั้น
เขาโบกมือ “แต่ก็ไม่มีใครได้เห็นตัวคนคนนั้นหรอกนะ”
ฉีเยี่ยนแสดงอาการเข้าใจ เรื่องธรรมดาของคน หากจะทำแบบนี้ก็เป็นปกติ
ทั้งสองกินเนื้อย่างเสียบไม้กันเสร็จก็เตรียมจะเดินผ่านซอยเล็กกลับบ้าน เมื่อนั้นเองพวกเขาก็เห็นผู้ชายร่างผอมคนหนึ่งกำลังดูลายมือให้เด็กสาววัยรุ่นสองคนอยู่ข้างทาง
ถ้าเป็นแค่การดูลายมือก็แล้วไป แต่ชายหนุ่มคนนี้ลูบคลำมือของเด็กสาวหนึ่งในสองคนนั้นไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์
เมื่อรู้สึกได้ว่าเด็กสาวเริ่มมีท่าทีต่อต้าน ชายหนุ่มร่างผอมแห้งก็เอ่ยด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ว่า “สาวน้อย ฉันว่าแฟนหนุ่มของเธอดูเหมือนจะมีสาวคนใหม่นะ”
เด็กสาวมองผู้ชายคนนี้ด้วยสีหน้าตกใจ แม้แต่จะขัดขืนการลวนลามก็ลืมสิ้นแล้ว
เขารู้ได้ยังไงว่าเธอมีแฟนแล้ว

คอมเมนต์

Chapter List