ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 11

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 11

“สาวน้อย ฉันจะบอกอะไรให้นะ ลายมือเธอน่ะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นา” ผู้ชายร่างผอมลูบคลำมือของเด็กสาว “ดูสิตรงนี้ก็ไม่มี เส้นความรักก็มีเส้นมาตัดเยอะจนเกินจะนับ แปลว่าผู้ชายที่เธอเจอตอนแรก ๆ ก็ยังดีอยู่หรอก แต่ตอนหลังกลับเป็นคนมากรักหลายใจ นำพาให้ความรักของพวกเธอไม่ได้จบด้วยดี”
ชายร่างผอมส่ายหน้าอย่างนึกเสียดาย “ชาติที่แล้วน่ะเธอทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ เธอทำบาปโดยการไปตัดสัมพันธ์ซะ ก็เลยถูกกรรมคืนสนองในชาตินี้”
“ทำไมถึงโอเวอร์ขนาดนี้เนี่ย” เพื่อนของเด็กสาวคนนั้นมองชายร่างผอมด้วยสีหน้าสงสัย เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ ๆ มาชาติที่แล้วชาตินี้อะไรกันล่ะ ไม่ใช่นิยายขายตามแผงแบกะดินเสียหน่อยพูดอะไรมั่วซั่วแบบนี้ ใครจะเชื่อ
“ฉันรู้นะว่าพวกเธอไม่เชื่อหรอก แต่ว่าพวกเธอลองคิดดูดี ๆ นะเส้นทางความรักของสาวน้อยคนนี้น่ะ มันไม่ค่อยราบรื่นใช่ไหมล่ะ” ชายร่างผอมสีหน้าสงบนิ่งมั่นใจมาก ขณะที่สองสาวยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาก็เอ่ยต่อ “วัยรุ่นที่มีการศึกษาอย่างพวกเธอเนี่ยนะ มักจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก แต่พวกเธอลองคิดดูให้ถี่ถ้วนสิ เรื่องทั้งหลายแหล่บนโลกนี้ใช้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ทั้งหมดหรือไง
“ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” ชายร่างผอมท่าทางราวกับไม่คิดปล่อยมือของเด็กสาวเลยสักนิด เขาส่ายหน้าแล้วก็เอ่ยพลางถอนหายใจ “พวกเราที่ทำอาชีพดูดวงนี่น่ะ นับวันยิ่งตกต่ำ เพราะว่านักต้มตุ๋นมันเยอะ ทำลายชื่อเสียงของพวกเราไปด้วย พวกเธอสองคนจะไม่เชื่อฉันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ฉีเยี่ยนยืนฟังนักต้มตุ๋นพูดตั้งแต่เรื่องความตกต่ำของวงการดูดวงลากยาวไปเรื่องวิถีสวรรค์ วิถีมนุษย์ สุดท้ายยังลากไปถึงเรื่องที่เหมือนจะจริง แต่ที่จริงก็หลอกอีกสองสามเรื่อง คุยโม้จนสองสาวเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ฉีเยี่ยนก็ยังพอทนได้ แต่เมื่อได้ยินเจ้านักต้มตุ๋นขอช่องทางการติดต่อของสาว ๆ เอาไว้ ในที่สุดเขาก็อดรนทนไม่ไหวต้องเดินเข้าไปตบบ่าชายร่างผอมนั้นสักทีสองที
ชายร่างผอมกำลังนึกลำพอง ตนกำลังจะหลอกเอาช่องทางการติดต่อของสาวสวยสองคนได้อยู่แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าตอนที่กำลังจะสำเร็จนั้นเอง กลับถูกคนขัดจังหวะเสียได้
“ใครเนี่ย!” ชายร่างผอมหันไปอย่างไม่สบอารมณ์ ก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าสวยเหมือนตุ๊กตายืนอยู่ข้างหลัง กำลังมองมาอย่างยิ้มแย้มดูน่ารักไร้พิษสงคนเราเจอคนหน้าตาแบบนี้ก็ย่อมลดระดับการป้องกันในใจลงโดยอัตโนมัติสำหรับชายร่างผอมผู้นี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาเลิกคิ้วแล้วว่า “พ่อหนุ่มหล่อจะดูดวงเหรอ”
“ครับ จะดูดวง” ฉีเยี่ยนค้อมตัวลง ย่อตัวนั่งข้างเด็กสาวทั้งสองแล้วแบมือขึ้น “เมื่อกี้ผมได้ยินพี่พูดฟังดูเจ๋งมาก ลองดูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“พ่อหนุ่ม มาก่อนได้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันดูให้สาวสวยสองคนนี้เสร็จแล้วจะดูให้เธอแล้วกัน”
ชายร่างผอมมีจุดยืนแน่นอนชัดเจนมากว่าเขารักชอบผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวย แม้ว่าฉีเยี่ยนจะหน้าตาหล่อเหลาไร้เทียมทานขนาดไหนก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจง่าย ๆ
น่าเสียดายที่แม้จุดยืนเขาจะแน่นอนชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉีเยี่ยนจะทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย ฉีเยี่ยนขวางมือของชายร่างผอมที่กำลังจะยื่นไปหาเด็กสาวสองคนนั้นตรง ๆ เขายิ้มแล้วก็ว่า “ในเมื่อพี่ไม่ยอมดูดวงให้ผม งั้นผมดูดวงให้พี่แล้วกัน”
เด็กสาวสองคนเดิมถูกชายร่างผอมหลอกจนหัวหมุน ตอนนี้มาเห็นเด็กหนุ่มสุดหล่อขวางอยู่เบื้องหน้าพวกเธอ จึงเพิ่งจะได้สติขึ้นมาอย่างเลือนรางว่าพวกเธออาจจะเจอกับนักต้มตุ๋นเข้าเสียแล้ว
“ตอนอายุสิบห้าพี่เลิกเรียนแล้วก็ออกจากบ้าน อายุสิบแปดต้องเข้าคุก อายุยี่สิบสามทำผิดข้อหาอนาจาร พอหลังสามสิบยิ่งแล้วใหญ่จะขโมยของ หลอกลวงต้มตุ๋นอะไรก็ทำหมด” ฉีเยี่ยนลุกขึ้นยืนทำหน้าเหมือนจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ เขาก้มลงมองผู้ชายคนนั้นอย่างดูถูก “ตอนนี้มาปลอมตัวเป็นหมอดูหลอกสาว ๆ อีก ชีวิตนี้ของพี่นับว่ามีความสามารถหลากหลายทีเดียวละ”
สีหน้าของชายร่างผอมเปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนมารู้อดีตของเขาได้ เขามองไปรอบ ๆ แล้วก็มองฉีเยี่ยนอย่างตกใจ “แกเป็นใครทำไมถึงรู้เรื่องของฉัน”
“เมื่อกี้พี่ไม่ได้เพิ่งจะพูดกับสองสาวนี่หรือไง” ฉีเยี่ยนยิ้มบาง “ว่าศาสตร์การดูดวงน่ะลึกลับเสียยิ่งกว่าลึกลับ สามารถจะหยั่งรู้สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่รู้ มองเห็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็น แล้วทำไมพี่ถึงเดาไม่ได้ล่ะครับว่าผมก็ดูดวงพี่ได้เหมือนกัน”
“แกมันพูดมั่วซั่วแกล้งทำเป็นองค์เจ้าเข้าทรง ถ้าแกดูดวงได้จริงละก็งั้นปู่ฉันก็เป็นอาจารย์ปู่ของบรรพบุรุษแกแล้ว” ชายร่างผอมสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา พูดอย่างทำเป็นข่มขู่ แต่ในใจขลาดเขลา “ฉันว่าแกอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านดีกว่า ไม่อย่างนั้นแกจบไม่สวยแน่”
“ผมจะจบสวยหรือไม่สวย คุณไม่ต้องมาสนใจหรอก แต่ผมรู้ว่าคุณน่ะจบไม่สวยแน่” ฉีเยี่ยนคว้ามือของชายร่างผอมเอาไว้แล้วฉีกทึ้งสิ่งที่อยู่บนใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างแรง เคราบนหน้าของชายผู้นั้นพลันหลุดออก
เมื่อเห็นว่าตนถูกฉีกหน้ากาก ชายร่างผอมก็ไม่คิดถึงสิ่งอื่น เขาหันกายคิดวิ่งหนี ทว่าฉีเยี่ยนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำเช่นนี้ จึงใช้มือเดียวจับเสื้อด้านหน้าของเขาเอาไว้ ต่อให้ออกแรงเต็มที่ก็ดิ้นไม่หลุด
หนึ่งในสองสาวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เห็นดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะแจ้งความ ไหนเลยจะรู้ว่าพวกเธอไม่เร็วพอ ยังไม่ทันกดตัวเลขสามตัวได้ครบก็มีตำรวจสองคนวิ่งมาทางนี้แล้ว
“พี่ตำรวจคะ ทางนี้ค่ะ” คนที่เป็นพยานเห็นฉีเยี่ยนเปิดโปงนักต้มตุ๋นทั้งยังเตรียมส่งตัวผู้ร้ายด้วยมือเดียวอย่างหวังหังนั้น ถึงกับนิ่งอึ้งชะงักค้างไปทั้งตัว เขาเห็นตำรวจรีบวิ่งมาจึงได้สติในที่สุดและก็โบกมือให้ตำรวจสังเกตเห็นพวกเขาที่ตรงนี้
เห็นตำรวจมา ชายร่างผอมก็ยิ่งดิ้นแรงขึ้น ดูท่าจะเกรงกลัวตำรวจมากและไม่อยากให้ตำรวจเห็นหน้าตัวเอง เสียดายที่ยิ่งเขาดิ้นแรงเท่าไหร่แรงมือของฉีเยี่ยนก็ยิ่งมาก เขาจับชายคนนั้นเอาไว้แน่นหนาเหมือนคีมเหล็กอย่างไรอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ตำรวจสองคนเดินมา พวกเขามองฉีเยี่ยนแล้วก็มองชายร่างผอมที่เอาแต่ปิดหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมา สุดท้ายจึงมีสีหน้าผ่อนคลายลงแล้วมองคนที่น่าจะพอพูดรู้เรื่องมากกว่าอย่างฉีเยี่ยน
“พี่ตำรวจครับ เป็นอย่างนี้นะครับ ผมกับเพื่อนกินข้าวเสร็จ เดินออกมาก็เห็นคนคนนี้กำลังปลอมตัวเป็นหมอดูหลอกดูดวงอยู่ ผมเกรงว่าสาวน้อยสองคนนี้จะได้รับอันตรายก็เลยจับตาดูเขาเอาไว้” ฉีเยี่ยนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ไหนเลยจะรู้ว่า ยิ่งดูผมยิ่งรู้สึกว่าเขาหน้าเหมือนผู้ร้ายในประกาศจับที่ตำรวจต้องการตัวอยู่ ก็เลยจงใจเปิดโปงการต้มตุ๋นของเขาแล้วก็รอให้พี่ ๆ ตำรวจมาถึงนี่ละครับ”
ผู้ร้ายในประกาศจับเหรอ!
ตำรวจสองคนฟังแล้วก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งเครียดยิ่งขึ้นทันที เขาหันไปเห็นชายร่างผอมตกใจกลัวจนตัวสั่นก็รู้สึกเชื่อคำพูดของฉีเยี่ยนไปโดยอัตโนมัติประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
สุดท้ายพวกเขาก็พาคนที่อยู่ในเหตุการณ์สองสามคนนั้นกลับไปที่สถานีตำรวจด้วยทั้งหมด รวมถึงเด็กสาวสองคนที่เกือบจะโดนหลอกด้วยผลคือถ้าไม่ถามก็คงไม่รู้ พอถามเข้าก็ต้องตกใจ เพราะชายร่างผอมที่ถูกจับคนนี้คือผู้ร้ายในประกาศจับของตำรวจจริง ๆ คนคนนี้ไม่เพียงแต่เคยมีคดีเท่านั้น ภายหลังยังไปเป็นขโมยขึ้นบ้านคนอื่น แต่กระทำการไม่สำเร็จและถูกขึ้นประกาศจับเอาไว้ ตำรวจตามหาตัวเขาไม่พบมาโดยตลอดไม่นึกว่าในเวลาเพียงเดือนเศษเขาจะเปลี่ยนจากผู้ชายรูปร่างปานกลางมาเป็นคนที่ผอมแห้งขนาดนี้ ซ้ำยังออกมาหลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่นในคราบของหมอดูอีกด้วย
แต่ภาพในประกาศจับนั้น เขามีใบหน้ากลม ตอนนี้ผอมจนหน้าตอบแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ยังจำได้ได้อย่างไรกัน
สำหรับเรื่องนี้ ฉีเยี่ยนใช้วิธีบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ทางตำรวจนั้นแม้จะรู้สึกว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไปแต่ก็ยังรู้สึกขอบคุณพลเมืองดีคนนี้เป็นอย่างมากที่ช่วยตำรวจจับผู้ร้าย ตำรวจยังรับปากด้วยว่าจะรีบโอนเงินค่ารางวัลนำจับตามในประกาศจับไปที่บัญชีธนาคารของฉีเยี่ยนโดยเร็ว
หลังจากฉีเยี่ยนจากไปแล้ว ตำรวจจึงพบว่าบัญชีที่ฉีเยี่ยนให้เอาไว้ไม่ใช่ของฉีเยี่ยนเอง แต่เป็นบัญชีธนาคารสาธารณะของศูนย์รับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งในเมืองตี้ตู
ดังนั้นคนที่ต่อสู้กับผู้ร้ายในประกาศจับอย่างชาญฉลาด แถมยังไม่รับเงินรางวัลอย่างฉีเยี่ยนจึงไม่เพียงสร้างความรู้สึกดี ๆ เอาไว้ที่สถานีตำรวจเท่านั้น แต่เรื่องนี้ยังรู้ไปถึงหูนักข่าวสายสังคมคนหนึ่ง นักข่าวคนนั้นได้รับภาพถ่ายแบบโมเสกหน้าเอาไว้จากตำรวจแล้วก็เอามาเขียนบทความชื่นชมยืดยาวอลังการเอาไปลงในหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์
เพียงแต่ฝีมือการเขียนของนักข่าวคนนี้ออกจะมีสีสันจัดจ้ามากไปหน่อย เขาเขียนเรื่องของการสู้กับผู้ร้ายในประกาศจับด้วยปัญญานั้นอย่างออกรสจนเกือบจะกลายเป็นฉากยอดฝีมือบู๊ลิ้มจับโจรใหญ่ไปเสียแล้วทำให้เหล่าชาวเน็ตที่เอาแต่มาส่องเฉย ๆ แต่ไม่ออกความเห็นอะไรและไม่รู้ความจริงแน่ชัดต้องหัวเราะฮา ๆ แล้วก็ซาบซึ้งในความกล้าหาญของเด็กหนุ่มคนนี้ บวกกับความมีคุณธรรมประจำใจ บลา ๆ ๆ แต่ก็ไม่มีใครเก็บเอามาใส่ใจจริง ๆ กันสักเท่าไหร่
และก็มีคนส่วนน้อยที่สังเกตได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่รับแม้แต่เงินรางวัล แต่กลับให้ตำรวจโอนเงินไปให้สถานเลี้ยงเด็กแทน ดังนั้นคนที่สังเกตเห็นเรื่องนี้จึงชมเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ขาดปาก ทั้งยังคิดด้วยว่าสังคมเราต้องการคนประเภทนี้นี่ละ ถึงจะทำให้ชีวิตยิ่งดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้
หวังหังหลบอยู่บ้าน เขาสไลด์ดูข่าวในอินเทอร์เน็ตอยู่เงียบ ๆ ในใจรู้สึกภาคภูมิสุด ๆ แต่เขากลับบอกชาวเน็ตเหล่านี้ไม่ได้ว่าหนุ่มน้อยผู้กล้าคนนี้ก็คือรูมเมทที่หอของเขาเอง ดังนั้นในใจจึงรู้สึกลำบากอยู่บ้าง
สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจึงโพสต์ข้อความให้เพื่อนในเวยปั๋ว [1] ของเขาเห็นถึงได้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง
หวังหัง : พี่น้องที่บ้านกล้าหาญชาญชัย รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก
ครู่เดียวก็มีสองสามคนมากดไลค์ให้เขา แล้วยังมีคนมาถามด้วยว่าพี่น้องที่ว่านี่คือใคร หวังหังเห็นคอมเมนต์อันเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้พวกนี้แล้วก็ปิดเวยปั๋วอย่างสงบนิ่ง
ได้เห็นคนเหล่านี้ไม่รู้อะไรแล้วยังแสดงท่าทีอยากรู้มากด้วยอย่างนี้เขาก็รู้สึกพอใจแล้ว
ฉีเยี่ยนไม่เล่นเวยปั๋ว และเขาก็ไม่ชอบเล่นเครือข่ายเพื่อนในเวยปั๋วด้วยดังนั้นเรื่องในอินเทอร์เน็ตจึงแทบเรียกได้ว่าเขาไม่รู้อะไรเลย
ตอนที่เขาได้รับโทรศัพท์จากตู้ตง เขากำลังนั่งตากแอร์กินแตงโมทั้งเนื้อทั้งตัวรู้สึกสบายอย่างที่สุด เมื่อฟังสิ่งที่ตู้ตงพูดจบ ฉีเยี่ยนก็พ่นเมล็ดแตงโมในปากออกมาอย่างสงบนิ่งแล้วว่า “ในเมื่อคุณคนนั้นสงสัยในตัวผมคุณก็พาเขามาหาผมก็ได้ครับ สำหรับเรื่องอื่น ๆ คงต้องแล้วแต่โชคชะตา”
“ผมเข้าใจแล้วครับ ท่านอาจารย์ฉี รบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์แล้ว” ตู้ตงวางสาย เขาถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่ว่าท่านอาจารย์จะยินยอมช่วยเหลือธุระของเหลียงเฟิงหรือไม่ อย่างน้อยเรื่องที่เขาควรทำก็ได้ทำแล้วเหลียงเฟิงคงจะโทษว่าอะไรเขาไม่ได้อีก
ตอนที่เหลียงเฟิงรู้ว่าท่านอาจารย์ที่ตู้ตงว่านั้นไม่ยินยอมมาหาเขาด้วยตัวเอง แต่กลับรอให้เขาไปเยี่ยมเยือนนั้น ก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจจากนั้นเขาจึงเอ่ยกับตู้ตงว่า “ขอบคุณคุณตู้มากนะครับที่ช่วยเหลือ ถ้าตอนนี้คุณพอจะมีเวลาว่างละก็ ช่วยไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ”
ทั้งที่เขาเปิดราคาให้สูงขนาดนี้ แต่กลับไม่ขยับเขยื้อนสักนิด คนแบบนี้ไม่ว่าจะมีคาถาอาคมสูงล้ำจริง ๆ หรือเป็นแค่คนที่มาเล่นละครตบตาก็ย่อมคุ้มค่าที่เขาจะไปหาด้วยตัวเองสักครั้ง
คนที่นิ่งขนาดนี้ได้ จะทำอะไรไม่สำเร็จเชียวหรือ
หลังจากทั้งสองขึ้นรถ เหลียงเฟิงก็ว่า “คุณตู้ครับ ไม่ทราบว่าท่านผู้มีคาถาอาคมผู้นี้มีจุดใดที่น่าทึ่งหรือครับ”
ตู้ตงรู้ว่าเหลียงเฟิงยังไม่ค่อยเชื่อถือความสามารถของฉีเยี่ยน เขาจึงเอ่ยว่า “คุณเหลียง ท่านอาจารย์ฉีเป็นคนมีคาถาอาคมจริง ๆ ครับ เอาไว้ตอนที่คุณพบเขาก็อย่าได้เสียมารยาทเด็ดขาดนะครับ”
“เก่งขนาดนั้นเลยหรือครับ” เหลียงเฟิงเห็นท่าทีเช่นนั้นของตู้ตงก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้ในตัวคนมีคาถาอาคมที่ว่าเข้าไปใหญ่
ถ้าคนคนนี้ไม่มีความสามารถสักเท่าใด ก็คงไม่ทำให้ตู้ตงกล้าเสี่ยงทำผิดต่อท่านห้าเฉินโดยการพูดแบบนั้นออกมาแน่นอน

คอมเมนต์

Chapter List