ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 12

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 12

ยันต์นั้น จะใช้กระแสปราณจากตัวเองวาดลวดลายเฉพาะลงไปหยิบยืมกระแสวิญญาณที่ดึงดูดฟ้าดิน หยิบยืมพลังธรรมชาติเพื่อมาเพิ่มความสามารถของตัวเองให้สูงขึ้น และเพื่อจะบรรลุเป้าหมายบางอย่าง
ตอนที่ฉีเยี่ยนเรียนจับพู่กันได้ไม่นาน เขาก็ศึกษาการวาดเขียนอะไรมั่ว ๆ จากอาจารย์ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เขาจะสามารถดึงดูดให้กระแสวิญญาณขยับเขยื้อนได้จริง ๆ และก็เพราะเหตุนี้จึงทำให้อาจารย์แน่ใจว่าฉีเยี่ยนคือคนที่มาสายนี้แต่กำเนิด
จากสี่ขวบมาจนอายุยี่สิบสองปี ฉีเยี่ยนวาดยันต์มาสิบแปดปี แต่มียันต์บางอย่างที่เขาทำได้เพียงจดจำมันไว้ในสมอง แต่วาดออกมาไม่ได้ตาแก่เคยพูดกับเขาว่าตัวเขาเข้ากับกระแสปราณของธาตุทั้งห้าได้ดีเกินไปจะวาดยันต์เพื่อขอพร ขอความสงบสุข ขอฝน ไล่ฝน หรืออะไรพวกนั้นก็ยังพอได้ แต่ถ้าวาดยันต์ที่นำมาซึ่งโชคร้ายเมื่อไหร่อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาวะดวงของคนรอบข้างได้
ดังนั้นหลังจากที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องการวาดยันต์นี้ จึงไม่ลงมือวาดยันต์ง่าย ๆ เพราะเขาไม่อยากจะไปเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนอื่น
เขาเพิ่งวาดยันต์สงบสุขให้ตัวเองแล้วติดไว้บนผนัง จากนั้นก็เตรียมจะวาดยันต์ขอพรอีกอันหนึ่ง ตอนนั้นเองก็ได้รับโทรศัพท์จากตู้ตง ตู้ตงพาคุณเหลียงคนนั้นมาถึงชั้นล่างตึกแล้ว
ฉีเยี่ยนมองกระดาษยันต์ที่กางออกเรียบร้อย เขาวางพู่กันสีแดงชาดจากนั้นก็เดินออกจากห้องหนังสือ
เหลียงเฟิงเดินตามหลังตู้ตง สีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย ในจินตนาการของเขา คนมีคาถาอาคมนั้นต่อให้ไม่ได้อาศัยอยู่ในวิลล่าแบบโบราณก็คงจะอาศัยอยู่ในสถานที่ดี ๆ ที่ติดภูเขาติดแม่น้ำ คนที่เบียดเสียดอยู่ในตึกที่มีลิฟต์แบบธรรมดา ๆ เหมือนคนธรรมดาทั่วไปแบบนี้ จะเป็นท่านอาจารย์ผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมได้จริง ๆ น่ะหรือ
คงไม่ใช่นักตุ้มตุ๋นหรอกนะ
ตอนที่ตู้ตงกดลิฟต์ เหลียงเฟิงก็เหลือบตามองดูเป็นพิเศษ ตัวเลขบอกชั้นก็คือเจ็ด ดูท่าผู้มีคาถาอาคมคนนี้จะไม่ได้วางข้อห้ามอะไรเรื่องตัวเลขแม้แต่น้อย
ในลิฟต์ไม่มีคนอื่น ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงไปถึงชั้นเจ็ดอย่างรวดเร็ว ตู้ตงนำเขามาถึงหน้าประตูบานหนึ่งตรงหัวมุม ดีมาก หมายเลขห้องคือ 704
มือของเขายังไม่ทันกดกริ่ง ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน เหลียงเฟิงมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หลังประตู เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าที่ชวนให้รู้สึกชอบพออย่างที่สุด หรือว่านี่จะเป็นลูกศิษย์ของผู้มีคาถาอาคมกันเล่า
แต่โชคดีที่เขาไม่ได้เอ่ยข้อสงสัยในใจออกมา เพราะชั่วขณะต่อมาเขาก็เห็นตู้ตงก้มศีรษะโค้งคำนับให้กับเด็กหนุ่มผู้นี้ ทั้งยังเอาของบำรุงราคาแพงต่าง ๆ กองใหญ่มาวางบนโต๊ะกินข้าวอย่างระมัดระวัง
เขากวาดตามองข้างใน ห้องทั้งห้องดูแล้วไม่ใหญ่โตเท่าไหร่ มากที่สุดก็น่าจะเกินแปดสิบเก้าสิบตารางเมตร การตกแต่งก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากบ้านคนธรรมดาทั่วไป ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่มีความรู้สึกลึกลับที่ผู้มีคาถาอาคมควรมีสักนิด
เวลานี้เอง เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวจู่ ๆ ก็หันมามองเขา เหลียงเฟิงไม่รู้ว่าจะอธิบายสายตานี้อย่างไรดี แต่วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนถูกเด็กหนุ่มคนนี้มองเสียจนทะลุปรุโปร่ง ย่างก้าวเดิมที่คิดจะก้าวออกไปก็ถอยกลับมาโดยไม่รู้ตัว
“เชิญเข้ามาก่อนครับ” เด็กหนุ่มคล้ายไม่เห็นท่าทางแบบมาดหลุดของเขาเมื่อครู่ แต่ยิ้มจนตาปิดให้เขาแล้วก็หันกายเดินไปที่ครัว
เหลียงเฟิงเพิ่งได้สติกลับคืนมา เขาเดินไปที่ห้องรับแขกแล้วก็นั่งลงบนโซฟาติดกับตู้ตง จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ ห้องรับแขกนี้ทำให้รู้สึกถึงความสบายและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เขาถึงขนาดคิดว่าหากอยู่ที่นี่นานขึ้นอีกนิดคงจะหลับไปโดยไม่ได้ระวังตัวใด ๆ ทั้งนั้น
“คุณเหลียง” ตู้ตงเอ่ยกับเหลียงเฟิงเบา ๆ “คุณมาคราวนี้เพื่อจะมาดูดวงหรือว่าดูฮวงจุ้ยครับ”
เหลียงเฟิงยิ้มพลางว่า “ท่านอาจารย์ฉีเชี่ยวชาญทั้งสองอย่างเลยหรือครับ”
ตู้ตงเห็นเหลียงเฟิงคล้ายยังคงรักษาท่าทีคลางแคลงจึงคิดจะเอ่ยปากอธิบายสักสองสามประโยค แต่เวลานี้เอง ฉีเยี่ยนก็ยกน้ำชาออกมาเสียก่อนเขารีบปิดปากเสียด้วยความหวาดเกรง ตอนนี้เขารู้สึกหวาดเกรงและเชื่อถือฉีเยี่ยนอย่างไร้ขีดจำกัดเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ยังไม่ได้บูชาก็เท่านั้น
ชาสามถ้วยเสิร์ฟเรียบร้อย ฉีเยี่ยนก็นั่งลงเยื้องกับเหลียงเฟิง เขาไม่รีบร้อนเอ่ยถามจุดประสงค์การมาของเหลียงเฟิง แต่กลับพูดกับตู้ตงว่า “ดูสีหน้าของคุณตู้สิครับ ดูท่าคงจะพ้นเคราะห์และมีเรื่องดี ๆ มาเยือนแล้วกระมัง”
“ต้องขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างมากขอรับที่ลงมือช่วยเหลือข้าน้อยตู้ซาบซึ้งน้ำใจไม่จบสิ้น” ตู้ตงลุกขึ้นโค้งคำนับฉีเยี่ยน
ฉีเยี่ยนนั่งรับการคำนับนี้อยู่บนโซฟา แต่เมื่อตู้ตงนั่งลง เขาก็เติมน้ำในถ้วยชาของตู้ตงให้อีก “น้ำเต็มจักหก จันทร์เพ็ญจักคราส [1] คุณตู้แม้ผ่านเคราะห์ใหญ่ในชีวิตมา แต่ก็ต้องไม่ลืมสะสมความดีสร้างคุณธรรม อย่าได้ผยองลำพองจนภัยพิบัติมาเยือนอีกครา”
ตู้ตงพยักหน้ารับคำอย่างต่อเนื่อง เขาตัดสินใจว่ากลับไปจะบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับมูลนิธิการกุศล
แต่ปกติแล้ว คนที่ดูโหงวเฮ้งเป็นจะค่อนข้างอ่อนไหวกับสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนั้นหลังจากตู้ตงพยักหน้า ฉีเยี่ยนจึงหัวเราะ จากนั้นเขาก็หันไปมองเหลียงเฟิง “ไม่ทราบคุณเหลียงมีเรื่องอะไรหรือครับ”
เหลียงเฟิงดื่มน้ำชาอึกหนึ่ง ใบชาธรรมดามาก แต่กลิ่นของมันกลับหอมและมีลักษณะเฉพาะ เขาวางถ้วยชาลงแล้ววางมาดเชิดหน้าพลางว่า “วันนี้บังอาจมารบกวนท่านอาจารย์ฉีก็เพราะผมมีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ชัดเจนแก่ใจ หวังว่าท่านอาจารย์จะช่วยดูดวงให้ผมสักหน่อย”
“ตามที่ผมเห็น คุณเหลียงเป็นลูกชายที่น่าภูมิใจซึ่งมีความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต อีกทั้งยังมีชะตาของคนที่เป็นผู้ช่วยของคนใหญ่คนโตอีกด้วย หากคนอย่างคุณเกิดในกลียุคไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นขุนนางคนสำคัญแห่งยุคเลยก็ว่าได้ คนอย่างคุณนี่มีเรื่องอะไรแก้ไม่ตกถึงต้องมาให้คนอย่างผมช่วยหรือครับ” ฉีเยี่ยนเอ่ยถึงตรงนี้ก็หัวเราะเบา ๆ “ผมคิดว่าที่คุณอยากจะให้ช่วยไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นคนอื่นมากกว่า”
เหลียงเฟิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะเบา ๆ “ท่านอาจารย์ฉีพูดเรื่องตลกแล้ว กระผมความสามารถน้อยนิด ร่ำเรียนตื้นเขินไหนเลยมีทักษะเช่นนั้น”
ฉีเยี่ยนมองเหลียงเฟิงแวบหนึ่งและไม่โต้เถียงกับเขาในประเด็นนี้อีกฉีเยี่ยนเทน้ำชาออกมาจากถ้วยชาครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ผลักถ้วยชาไปเบื้องหน้าเหลียงเฟิง “คุณเหลียงเขียนตัวอักษรสักตัวให้ผมดูหน่อยเถิดครับ”
เหลียงเฟิงยื่นมือออกมา เขาใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชา ความเย็นเล็กน้อยในอากาศส่งจากปลายนิ้วของเขาเข้าไปในใจ มือของเขาสั่น ตัวอักษรยังไม่ทันเขียนจบก็มีน้ำหยดลงบนโต๊ะเต็มไปหมดแล้ว เขายกนิ้วขึ้น มองฉีเยี่ยน ก็เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขาก้มลงเขียนต่อไป
ตัวอักษรนี้เขียนออกมาสวยงามยิ่งนัก ดูแข็งแกร่งทรงพลัง ท่วงท่าไม่ธรรมดา
เฮ่อ [2]
ฉีเยี่ยนมองตัวอักษรนี้อย่างละเอียด “เป็นตัวอักษรที่ดี คุณเหลียงต้องการถามอะไรหรือครับ”
“ผมอยากรู้ว่าเรื่องที่ผมวิตกกังวลอยู่ทั้งหมดตอนนี้จะเปลี่ยนจากวิกฤติเป็นสงบสุขได้หรือเปล่าครับ” คำพูดของเหลียงเฟิงกล่าวออกมาได้อย่างคลุมเครือนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อความสามารถของฉีเยี่ยน
“ยากครับ” ฉีเยี่ยนชี้หยดน้ำที่เมื่อครู่เหลียงเฟิงไม่ทันระวังและทำหยดลงบนโต๊ะ “มีบางสิ่งกดเอาไว้เบื้องบน นกกระเรียนจะบิน แต่กลับยากจะกางปีก ถ้าคุณเหลียงจะขอความช่วยเหลือให้คนอื่นละก็ คนคนนี้คงจะร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะแต่เล็ก แต่ก็ได้รับความรักความเอาใจใส่จากผู้อื่น แม้จะมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่บ้าง แต่ก็มีส่วนที่ทำให้คนชื่นชมอยู่มากมาย”
หลังจากฉีเยี่ยนเอ่ยคำว่า “ยาก” ออกมา สีหน้าของเหลียงเฟิงก็ดูไม่ค่อยดีแล้ว เมื่อฟังฉีเยี่ยนอธิบายจนจบ เขาก็ถามต่อ “ไม่มีทางแก้ไขเลยจริง ๆ หรือครับ”
“สวรรค์ย่อมเมตตา มักเหลือหนทางรอดทางหนึ่งเอาไว้ให้สรรพสิ่งเสมอ” ฉีเยี่ยนยื่นมือมาลูบโต๊ะ ตัวอักษรคำว่าเฮ่อกลายเป็นรอยน้ำเปียกเลอะไม่ชัดเจน มองไม่ออกอีกต่อไปว่าเป็นอะไร “เพียงแต่คุณเหลียงคงจะยกย่องผมมากเกินไป แม้แต่โหงวเฮ้งของคนผู้นี้ ผมก็ยังไม่รู้เลย จะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างไรเล่าครับ”
เหลียงเฟิงเงียบไปอึดใจ “ท่านอาจารย์ฉี อย่างนั้นหนทางรอดทางหนึ่งที่คุณพูดถึงจะไปหาได้จากไหนครับ”
ฉีเยี่ยนมองสำรวจผู้ชายแซ่เหลียงคนนี้ คนคนนี้มีลักษณะใบหน้าดีงาม คิ้วชัด ตาใส ริมฝีปากบาง แต่ในดวงตาก็มีกลิ่นอายของความถูกต้อง ชะตาของเขากึ่งกลางสีขาวมีสีแดง รอบกายยังเจือปนไปด้วยไอสีม่วงงดงามซึ่งไม่อาจรู้สึกถึงมันได้โดยง่าย เพียงแต่ไอสีม่วงนี้ไม่ใช่ของตัวเขา แต่เป็นคนข้างกายเขาคืนให้เขามา
สุภาษิตว่าไว้ “หนึ่งคนมีคุณธรรม ไก่สุนัขก็ขึ้นสวรรค์” [3] บางครั้งคนที่มีอายุขัยดีมาก ๆ ก็จะทำให้คนรอบข้างพลอยโชคดีไปด้วย นี่ต่างหากที่เป็นการเกาะขากันไปอย่างแท้จริง
“ถ้าให้ผมพูดตรง ๆ คนข้างกายคุณเหลียงคงจะมีคนหนึ่งที่มีพื้นดวงกำเนิดดีอย่างยิ่ง คนคนนี้ไม่เพียงทำให้สภาวะดวงของคุณดีขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้คุณหลบหลีกเคราะห์ภัยที่ไม่สำคัญได้อีกด้วย” ฉีเยี่ยนดึงกระดาษเช็ดปากออกมาเช็ดน้ำชาในมือ “ดาวสื่อนำมาพบกับดาวหลักดาวสื่อนำรับเอารัศมีของดาวหลักมา ดาวหลักยิ่งรุ่งเรือง ดาวสื่อนำยิ่งสุกสว่าง ดาวหลักอ่อนแอ เช่นนั้นดาวสื่อนำก็ยิ่งหมองหม่น ผมคิดว่า…คุณเหลียงคงจะมาเพื่อเจ้านายของคุณกระมัง”
ความสงบนิ่งบนใบหน้าของเหลียงเฟิงในที่สุดก็ทานทนไม่ไหว ก่อนมาเขาย้ำกับตู้ตงหลายครั้งหลายคราแล้ว ตู้ตงไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาให้ท่านอาจารย์ฉีรู้ แต่ตอนนี้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดกลับถูกต้องตามสภาวการณ์ของเขาทั้งหมด
เขาเชื่อว่าถ้าดูจากความกล้าของตู้ตงแล้ว คงจะไม่มีทางอาจหาญร่วมมือเป็นก๊วนเดียวกับท่านอาจารย์ฉีผู้หนุ่มแน่นคนนี้เพื่อมาหลอกเขาอย่างแน่นอน หรือว่าโลกนี้จะมีเรื่องราวลึกลับซับซ้อนอย่างนี้อยู่จริง ๆ
“ท่านอาจารย์ฉีมีดวงตาไฟนัยน์ตาทองจริง ๆ ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่รู้” เหลียงเฟิงกัดฟัน เขาตัดสินใจเอ่ย “ไม่ทราบท่านอาจารย์จะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ผมจะขอเชิญท่านอาจารย์ไปดูโหงวเฮ้งเจ้านายของผมหน่อยได้หรือเปล่าครับ”
ตอนที่ตู้ตงได้ยินคำพูดนี้ เขาก็นิ่งงันไปทั้งตัว เจ้านายของคุณเหลียง…คงไม่ใช่ท่านห้าเฉินหรอกมั้ง!
ตัวตนของท่านห้าเฉินคนนั้น ทั่วทั้งเมืองมีใครไม่รู้บ้างว่า เรื่องที่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เกินอายุสามสิบห้าหรือเปล่า นั้นเป็นอะไรที่คงจะพูดยากแม้แต่เทพเทวดาก็ยากจะช่วยเหลือ ตอนนี้เรียกให้ท่านอาจารย์ฉีไปหาคงไม่ใช่จะนำปัญหามาสู่ท่านอาจารย์หรอกนะ แต่คำพูดเหล่านี้ เขาทำได้เพียงคิดอยู่ในใจเท่านั้น ไม่กล้าเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน ทำได้เพียงแอบส่งสายตาให้ฉีเยี่ยนและหวังว่าเขาจะไม่ตอบรับคำเชิญของคุณเหลียงเฟิงคนนี้
“นกกระเรียน…” ฉีเยี่ยนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกต่อเจ้าสัตว์โลกประเภทเดียวกับคู่รักนกกระเรียนขาวตัวน้อย เขายิ้มพลางมองสบดวงตาอันเต็มไปด้วยความคาดหวังของเหลียงเฟิง “คุณเหลียง เรื่องแบบนี้คงจะฝืนกันไม่ได้ หากมีชะตาต้องกันคงได้พบพาน”
ตู้ตงลอบถอนหายใจอยู่ในใจ โชคดีที่อาจารย์ฉีไม่ได้ตอบรับคำเชิญ
“แต่ว่า หากเรื่องราวไม่อาจแก้ไขได้จริง ๆ เมื่อใด คุณเหลียงสามารถโทรศัพท์หาผมได้” ฉีเยี่ยนยื่นนามบัตรใบหนึ่งไปตรงหน้าเหลียงเฟิง “ผมมีความสามารถเบาบางนัก ทำได้เพียงพยายามสุดความสามารถ คุณเหลียงไม่ถือสาก็ดีแล้ว”
“ก๊อก ๆ ๆ!”
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกขัดจังหวะคำพูดที่เหลียงเฟิงยังไม่ได้เปล่งออกจากปาก เขามองนามบัตรสีขาวตัวอักษรสีดำไร้ลวดลายใด ๆ ใบนั้นแล้วก็เก็บเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองอย่างระมัดระวัง คนที่ติดต่อคบหากับคนโน้นคนนี้อย่างคล่องแคล่วมาตลอดเช่นเขาก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเหมือนกัน ถึงได้ไม่เอานามบัตรตนเองให้อีกฝ่ายไป
ฉีเยี่ยนเองก็ไม่ได้ใส่ใจประเด็นนี้ เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องข้างนอกมีผู้ชายสี่คนสวมเสื้อผ้าสไตล์เดียวกันยืนอยู่ ผู้ชายคนที่ยืนอยู่หน้าสุดมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ขอโทษนะครับคุณคือท่านอาจารย์ฉี ฉีเยี่ยนหรือเปล่าครับ”

คอมเมนต์

Chapter List