ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 13

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 13

ฉีเยี่ยน มองสำรวจผู้ชายสี่คนที่อยู่ข้างนอก สี่คนนี้ลักษณะใบหน้าดูเป็นคนเคร่งครัด ท่าทางดูน่ากลัวไปทั้งตัว แต่มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนพวกอันธพาล แต่คงจะเคยได้รับการฝึกมาจากกองทัพมากกว่า
คนสี่คนที่ยืนอยู่ข้างนอกเพิ่งเห็นว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่อีก ยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นว่าเหลียงเฟิงนั่งอยู่ในห้อง สายตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ต้องขอโทษด้วยครับ คุณเฉินขอบังอาจมารบกวนครับ” ผู้ชายคนที่พูดประโยคนี้ล้วงจดหมายเชิญสีน้ำเงินประกายทองแดงออกมาส่งถึงเบื้องหน้าฉีเยี่ยน “ได้ยินชื่ออันเกรียงไกรของคุณฉีมานาน วันนี้มาตามคำเลื่องลือที่ได้ยิน จึงขอเชิญคุณฉีรับจดหมายเชิญฉบับนี้ไปด้วยครับ”
ฉีเยี่ยนรับจดหมายเชิญฉบับนั้นมา ที่แท้มีคนเชิญเขาไปดูฮวงจุ้ยชื่อผู้ส่งเขียนเอาไว้ว่าเฉินชิวเซิง
เฉินชิวเซิงหรือ
ฉีเยี่ยนมองชื่อที่ดูไม่คุ้นชื่อนี้ เขาเงยขึ้นมองผู้ชายสี่คนที่ยืนอยู่ตรงประตูแล้วก็ทำหน้าคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่เชิงพลางว่า “ดูท่าคุณเฉินคนนี้จะเป็นบุคคลสำคัญที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียว” ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้คำพูดหรูหราเช่นนี้ ขอเรียนเชิญท่านอาจารย์อย่างกว้างขวางอย่างนั้นหรือ
คนทั่วไปจะเชิญอาจารย์ที่มีฝีมืออย่างแท้จริงมาได้สักคนก็เป็นเรื่องยากเต็มที คุณเฉินคนนี้กลับวางแผนจะเชิญมาหลายต่อหลายคนแสดงว่าเขามั่นใจมากทีเดียวจึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้
เฉิน…
ฉีเยี่ยนนึกถึงที่หวังหังเคยพูดเรื่องตระกูลเฉินให้เขาฟัง หรือว่าจะเป็นตระกูลนี้ เขาไม่สนใจจะไปร่วมวง แต่ก็ไม่คิดว่าวงจะมาเยี่ยมเยือนถึงหน้าประตูบ้านของเขาเอง
ฉีเยี่ยนปิดซองจดหมายเชิญแล้วก็เอ่ยเสียงเรียบ “ต้องขอโทษด้วยครับ ถึงเวลาผมอาจจะไม่ว่าง เกรงว่าจะทำให้งานมงคลของคุณเฉินต้องเสียหาย”
ทั้งสี่ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนปฏิเสธคำเชิญของคนตระกูลเฉิน ท่านอาจารย์คนอื่น ๆ อีกสองสามคนในเมืองตี้ตูนั้นก็แค่วางมาดเล็กน้อยแล้วค่อยตอบตกลง แต่คนที่เอ่ยปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาอย่างเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีเลยจริง ๆ ดังนั้นตอนนี้ในใจของพวกเขาจึงนิ่งอึ้งตะลึงงัน
“สุภาษิตว่าไว้ ช่วยคนหนึ่งชีวิตยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ขอท่านอาจารย์ฉีโปรดไตร่ตรองดูอีกสักครั้งเถิด” สุดท้ายผู้ชายคนที่อยู่หน้าสุดก็มีปฏิกิริยาตอบกลับเร็วที่สุด เขาเอ่ยด้วยท่าทางจริงใจ “ได้โปรดเถิดครับ”
ฉีเยี่ยนมองสำรวจทั้งสี่คนนี้อย่างละเอียดก็พบว่าทั้งสี่มีไอสีม่วงเบาบางมาก ๆ อยู่บนตัว หากมองอย่างละเอียดอย่างไร เขาก็มองเห็น
ช่วงนี้มันวันดีอะไรกัน เขาเห็นคนที่เจือปนไอสีม่วงหลายคนแล้ว
เฉินชิวเซิงคงจะเป็นคนที่มีพื้นดวงกำเนิดสูงค่าเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขายังเป็นคนที่รู้จักกตัญญูบำเพ็ญความดี คนประเภทนี้ถ้าไม่ใช่ช่วยเหลือคนเอาไว้มากก็เสียสละใหญ่หลวงด้วยการทำอะไรบางอย่างเพื่อมนุษยชาติ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รับผลเช่นนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉีเยี่ยนก็ยกจดหมายเชิญในมือขึ้นมา “ผมทราบแล้วครับ จะลองคิดดู”
ทั้งสี่เห็นฉีเยี่ยนมีทีท่าไม่ตกใจไม่ดีใจก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วเขาจะมาหรือเปล่า ทุกคนมองตากันไปมา จากนั้นก็ได้แต่ขอตัวจากไปอย่างสุภาพ
หลังจากทั้งสี่นั่งรถจากเขตที่อยู่อาศัยนั้นไปแล้วจึงมีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยว่า “พวกนายคิดว่าท่านอาจารย์ฉีคนนี้เป็นพวกไร้ความละโมบโลภมากจริง ๆ หรือว่าไม่มีความสามารถจริง ๆ ก็เลยกลัวถูกจับได้กันแน่”
เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจสุด ๆ “จะสนใจทำไมว่าเขามีความสามารถจริงหรือว่าเล่นละคร ยังไงซะ คุณเฉินให้พวกเรามาส่งจดหมายเชิญให้เขา เราก็ส่งแล้ว เขาจะมาหรือไม่มามันก็เป็นเรื่องของเขา”
“อย่าเหลวไหลน่า คุณเฉินส่งจดหมายเชิญให้เขาก็หมายความว่าคนคนนี้ต้องมีความสามารถจริงสิ” ผู้ชายคนที่ยืนอยู่หน้าสุดเมื่อครู่ขมวดคิ้ว “ยิ่งไปกว่านั้น พวกนายไม่เห็นเหรอ ว่าผู้ช่วยของคุณชายห้าก็อยู่ในบ้านของท่านอาจารย์ฉีคนนี้ด้วยน่ะ”
“ผู้ช่วยของคุณชายห้าเหรอ!” คนแรกที่เริ่มพูดเรื่องนี้มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ฉีคนนี้เจ๋งจริง ๆ ถึงขนาดคนข้างกายคุณชายห้ามาเยี่ยมเยือนถึงบ้านเลยเรอะ”
คราวนี้คนที่ได้รับเชิญจากคุณเฉินล้วนเป็นอาจารย์ชื่อดังของเมืองตี้ตูมีเพียงท่านอาจารย์ฉีเท่านั้นที่ทั้งหนุ่มและไม่มีชื่อเสียงอะไร ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณเฉินคิดอย่างไรจึงเชิญคนคนนี้มาด้วย
“ท่านอาจารย์ฉี” รอจนสี่คนนั้นไปแล้ว เหลียงเฟิงจึงยืนขึ้นแล้วเอ่ย “วันนี้รบกวนท่านอาจารย์แล้ว”
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” ฉีเยี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย เขาวางจดหมายเชิญในมือเอาไว้บนโต๊ะแบบส่ง ๆ ราวกับสิ่งที่ตนวางลงไปเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ใช่จดหมายเชิญที่ผู้อาวุโสเฉินเขียนด้วยลายมือตนเอง สายตาของเหลียงเฟิงกวาดไปยังจดหมายเชิญแล้วก็เอ่ยเตือนอย่างอ้อม ๆ “ท่านอาจารย์ฉี บางครั้งการมาเยี่ยมเยือนถึงบ้านก็ถือเป็นชะตาที่ต้องกัน ทำไมอาจารย์ถึงไม่ลองดูล่ะครับ”
“บางทีคุณอาจจะพูดถูก” ฉีเยี่ยนยิ้มบาง เขาสนใจเรื่องจดหมายเชิญน้อยยิ่งกว่าน้อย
เหลียงเฟิงเห็นดังนั้นก็ไม่อยากพูดมาก เขากล่าวลาฉีเยี่ยน ฉีเยี่ยนก็ไม่ได้รั้งเอาไว้ เมื่อเหลียงเฟิงกับตู้ตงจากไปหมดแล้ว ฉีเยี่ยนจึงหยิบจดหมายเชิญนั้นมาดูอย่างละเอียด
จดหมายเชิญทำออกมาอย่างประณีต เนื้อหาข้างในเขียนด้วยมือทั้งสิ้น รอยปากกาลงเส้นหนา แต่ก็พลิ้วไหวเหมือนมังกรเหินบิน นกเฟิ่ง [1] เต้นระบำ ดูงดงามอย่างที่สุด ตัวอักษรที่เขียนชื่อผู้ส่งก็เหมือนกับที่เขียนเนื้อความไม่มีผิดเพี้ยน เช่นนั้นก็แสดงว่าจดหมายเชิญนี้ ผู้เชิญเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง หรือไม่จดหมายเชิญฉบับนี้ก็มีคนเขียนแทนให้ตั้งแต่ต้นจนจบรวมถึงตรงที่ลงนามผู้เชิญด้วย
แต่สัญชาตญาณบอกฉีเยี่ยนว่า จดหมายเชิญฉบับนี้ เฉินชิวเซิงอาจจะเขียนเองจริง ๆ ก็ได้
ฉีเยี่ยนลูบตัวหนังสือบนนั้นแล้วก็หัวเราะ
อากาศปลายเดือนกรกฎาคมร้อนจนทำเอาหายใจไม่ออก วันนี้เป็นวันที่เฉินชิวเซิงเตรียมพาอาจารย์ฮวงจุ้ยมาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน ดังนั้นคนตระกูลเฉินจึงรออยู่ที่บ้านและนั่งกันอยู่เต็มห้องรับแขก
อาจารย์ฮวงจุ้ยสี่คนที่ได้รับคำเชิญจากเฉินชิวเซิงทยอยมาถึงคนเหล่านี้บ้างก็พาลูกศิษย์มา บ้างก็พาผู้ช่วยมา ทุกคนวางมาดอย่างคนมีคาถาอาคม ต่อให้มองด้วยตาเพียงข้างเดียวก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาเป็นคนมีความสามารถจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น คนมีคาถาอาคมสี่คนนี้ก็มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง บ้างก็ผมขาวโพลน แต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ บ้างก็มีตาเพียงข้างเดียว บางคนหัวล้านเลี่ยนเงาวับ คนที่ค่อนข้างปกติหน่อยก็คือท่านอาจารย์จ้าวที่มาถึงคนสุดท้าย รูปร่างของเขาผอมสูง สวมแว่นไร้กรอบดูไปแล้วเหมือนคนมีการศึกษาในยุคแรก ๆ กลิ่นอายหนังสือก็เข้มข้นมาก
อาจารย์ทั้งสี่ท่านเองก็รู้จักกัน ทุกคนพูดคุยยิ้มแย้มพยักหน้าให้กันนับว่าเป็นการทักทายกันแล้ว
หากคนทั่วไปเชิญคนมาอย่างนี้ พวกเขาคงหน้าบูดไปนานแล้ว แต่เพราะคนที่ออกปากเชิญพวกเขาคือผู้อาวุโสเฉิน พวกเขาจึงรีบมาอย่างยินดีต่อให้ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ต่อหน้าก็ต้องทำเป็นยิ้มแย้มยินดี
ทุกคนรอครู่หนึ่งจึงเห็นว่าเฉินชิวเซิงยังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่มีทีท่าจะขยับตัว ในใจของพวกเขาล้วนสงสัยใคร่รู้ นี่ยังต้องรอคนอื่นอีกหรือ
“พ่อ” ลูกชายคนโตเหลือบมองนาฬิกา “สายมากแล้ว ถ้าพวกเรายังไม่ขยับอีก กว่าจะไปถึงบ้านใหญ่ก็จะค่ำนะครับ”
“รีบทำไม” เฉินชิวเซิงจับไม้เท้า เขาเอ่ยช้า ๆ “คนยังไม่ครบเลย”
ลูกชายคนโตของตระกูลเฉินกวาดตามองอาจารย์ทั้งสี่ท่าน อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็มากันหมดแล้ว ยังมีใครไม่มาอีก
แต่เสียดายที่เฉินชิวเซิงไม่ได้เติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นของลูกชายคนโต เขาเพียงแต่มองไปทางประตูใหญ่ของวิลล่า ไม่พูดมากความอีก
ฉีเยี่ยนลงจากรถแท็กซี่ เขายังไม่ทันเดินเข้าประตูใหญ่ก็ถูกชายสวมเสื้อเชิ้ตทับด้วยเสื้อกั๊กสองคนมาขวางเอาไว้ เพราะเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนของเขามันดูแล้วเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ดูสะอาดสะอ้านสักคนหนึ่งมากเกินไป ทำให้บอดี้การ์ดที่ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลเฉินไม่ได้มองเขาเป็นแขกที่ได้รับเชิญเลย
ท่านอาจารย์คนอื่น ๆ มีผู้ติดตามล้อมหน้าล้อมหลัง นั่งรถหรูมาก่อนหน้านี้แล้ว คนที่นั่งแท็กซี่มาเหมือนฉีเยี่ยน แถมยังเป็นเด็กหนุ่มหน้าตางดงามอีก ทั้งยังมาคนเดียวโดด ๆ อย่างนี้ ไม่อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
กระทั่งฉีเยี่ยนล้วงเอาจดหมายเชิญออกมา เขาจึงเดินผ่านประตูหน้าไปได้ท่ามกลางสายตาตกใจของเหล่าบอดี้การ์ด ถึงขั้นมีบอดี้การ์ดกลัวว่าเขาจะสวมรอยอาจารย์ท่านใดมาด้วยซ้ำ จึงได้เดินไปส่งเขาเป็นพิเศษถึงประตูหน้าบ้าน จากนั้นจึงหันกลับไป
“ต้องขออภัยด้วยครับ ผู้อาวุโสเฉินและท่านอาจารย์ทุกท่าน ระหว่างทางมารถติดมากจึงทำให้ทุกท่านรอเสียนานเลย” ฉีเยี่ยนเดินเข้ามาในสายตาของทุกคนอย่างเปิดเผยแล้วก็กล่าวขอโทษต่อทุกคน ที่จริงเวลาที่เขียนเอาไว้ในจดหมายเชิญคือเที่ยง ตอนนี้ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงจึงจะถึงเวลาเที่ยง เขายังไม่นับว่าสาย
อาจารย์ทั้งสี่ท่านมองฉีเยี่ยนอย่างสงสัย เด็กหนุ่มคนนี้คือคนที่ผู้อาวุโสเฉินยืนยันให้รออย่างนั้นหรือ
แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจในตัวตนของเด็กหนุ่มคนนี้นัก แต่ทั้งสี่ก็พยักหน้าให้เขาอย่างสงวนท่าทีอย่างที่สุด
“ท่านอาจารย์ฉี เชิญ” เฉินชิวเซิงใช้ไม้เท้าค้ำเพื่อยืนขึ้น “ขอบคุณทุกท่านยิ่งนักที่มาที่นี่เป็นพิเศษในวันนี้ รถที่เตรียมเอาไว้ให้ทุกท่านคอยท่าพร้อมอยู่ด้านนอกแล้ว ท่านอาจารย์ทั้งหลายขอเชิญตามกระผมมา”
อาจารย์สี่ท่านที่มาถึงก่อนเพิ่งจะกระจ่างขึ้นมาตอนนี้ ที่แท้เด็กหนุ่มคนนี้ก็ไม่ใช่ญาติของตระกูลเฉิน แต่เป็นเหมือนกับพวกเขา คือเป็นคนที่มาดูฮวงจุ้ยบ้านตระกูลเฉิน
แต่ทั้งสี่ไม่มีใครเห็นคนอายุน้อยอย่างฉีเยี่ยนอยู่ในสายตากันสักคนเดียว พวกเขาทั้งสี่ล้วนมีลูกศิษย์ เกรงว่าอายุของลูกศิษย์พวกเขาจะมากกว่าฉีเยี่ยนเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ ลูกศิษย์เหล่านั้นมีฝีมือมากน้อยเพียงใด พวกเขาซึ่งเป็นอาจารย์ล้วนชัดเจนแก่ใจมากกว่าใคร
หากคนคนนี้มีฝีมือจริง เหตุใดจึงไม่อาจหาผู้ช่วยมาได้เลยแม้แต่คนเดียว เรื่องนี้ดูจะน่าอนาถใจอยู่เล็กน้อย
ทั้งหมดเดินตามเฉินชิวเซิงออกไปที่ประตูใหญ่ของวิลล่า พวกเขาเห็นรถยนต์สีดำจอดอยู่เป็นแนว มันสะท้อนแสงแสบตาอยู่ใต้แสงอาทิตย์บอดี้การ์ดที่แต่งตัวเหมือนกันเดินมาถึงข้างประตูรถแล้วค้อมตัวเปิดประตูจากนั้นก็ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง รอให้อาจารย์เหล่านี้เข้าไปนั่ง
“พ่อคะ” ลูกคนที่สองของตระกูลเฉินเป็นผู้หญิง เธอพยุงแขนเฉินชิวเซิง สายตากวาดมองไปยังอาจารย์ทั้งห้าแล้วก็ก้มศีรษะเอ่ยกับเฉินชิวเซิงว่า “พ่อคะ ท่านอาจารย์ฉีที่เป็นคนหนุ่ม ๆ นั่นเป็นยังไงเหรอคะ”
เฉินชิวเซิงส่ายศีรษะ “พ่อไม่กล้ายืนยันหรอกว่าเขามีฝีมือแค่ไหนแต่พ่อสืบเจอเรื่องสองสามเรื่องที่เขาเคยทำมาช่วงนี้ ก็เลยแน่ใจได้ว่าเขามีฝีมือแน่ ๆ”
มีฝีมือกับมีฝีมือมากน้อยเพียงใดนั้นมีข้อแตกต่างอยู่ แต่คุณหนูรองตระกูลเฉินไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา อย่างไรเสียก็ยังมีท่านอาจารย์ตัวจริงอยู่ด้วยอีกถึงสี่ท่าน เธอก็ไม่กลัวหรอกว่าเรื่องไปลงพื้นที่วันนี้จะเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้น
พอนึกถึงน้องชายที่ร่างกายอ่อนแอป่วยบ่อยแล้วเธอก็ส่ายศีรษะ ถ้าโรงพยาบาลบอกว่าไม่มีวิธีแล้ว การหาท่านอาจารย์ทั้งหลายมาที่จริงก็เป็นแค่การปลอบใจเท่านั้น
ในใจคิดอย่างไรเธอกลับไม่กล้าเอ่ยปาก เธอค้อมตัวพยุงบิดาเข้าไปนั่งในรถ ตอนที่เพิ่งจะเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนบิดาก็เห็นรถเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งแล่นมาจากด้านหน้า ดูจากป้ายทะเบียนรถเหมือนจะเป็นคันที่น้องชายของเธอนั่งประจำ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบลงจากรถ ไป่เฮ่ออยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือทำไมถึงกลับมาเวลานี้ล่ะ
เฉินไป่เฮ่อเห็นรถจำนวนหนึ่งจอดเป็นแนวอยู่หน้าประตูบ้านก็รู้ว่าพ่อไปเชิญพวกอาจารย์ที่ไม่รู้ตัวจริงตัวปลอมเหล่านั้นมาจริง ๆ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากไอสองสามครั้ง จากนั้นจึงผลักประตูเปิดแล้วเดินลงไป
“คุณชายห้า”
“คุณชายห้า!”
คนข้างนอกเรียกเฉินไป่เฮ่อว่าท่านห้า แต่ที่บ้านตระกูลเฉินเขาคือคุณชายห้าของคนพวกนี้
เขากวาดตามองคนทั้งหมด จากนั้นจึงเดินไปถึงข้างหน้าต่างรถที่เฉินชิวเซิงอยู่แล้วเอ่ย “พ่อ จะไปไหนกันครับ”

คอมเมนต์

Chapter List