ตัดสินคนจากหน้าตาก็ต้องเจอแบบนี้ ตอนที่ 15
บทที่ 15
“พี่รอง ผมไม่เป็นไร” เฉินไป่เฮ่อเม้มปากเล็กน้อยเขายิ้มบางจนแทบมองไม่เห็น แต่การแสดงความรู้สึกเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณหนูรองตระกูลเฉินดีใจจนยิ้มกว้าง หลังจากถามย้ำแล้วย้ำอีกว่าสุขภาพของน้องชายไม่เกิดปัญหาใดขึ้นจริง ๆ เธอจึงค่อยวางใจและจากไป
รอจนคุณหนูรองเฉินจากไปแล้ว เฉินไป่เฮ่อจึงไอออกมาสองสามครั้งจากนั้นก็เอ่ยกับคนขับรถ “ขับตามไป อย่าหยุดรถข้างทางตามอำเภอใจ”
น้ำเสียงของคุณชายห้าแม้เรียบนิ่ง หากคนขับรถก็ยังฟังออกว่าอีกฝ่ายไม่พอใจนัก “ได้ครับ คุณชายห้า”
เฉินไป่เฮ่อไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเงียบไปตลอดทาง ในใจของคนขับรถแม้จะไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังนับว่าพอจะปรับตัวเข้ากับเรื่องนี้ได้ดี
หลังจากรถแล่นเข้าถนนสายเล็กในเขตชนบทก็ค่อนข้างจะกระเด้ง-กระดอนเล็กน้อย คนขับรถต้องขับอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่เพราะสภาพถนนย่ำแย่จริง ๆ ทำให้บังคับรถลำบาก ฉีเยี่ยนจึงได้สัมผัสประสบการณ์นั่งรถที่สะเทือนจนตัวโยนอยู่เป็นระยะ
ท่านห้าเฉินที่อยู่ข้างกายเขาคนนี้ยังคงเงียบตลอดทาง ฉีเยี่ยนแอบลูบไล้โชคดีของอีกฝ่ายที่นั่งกองอยู่ในไอสีม่วงเงียบ ๆ แต่เพราะเขากับท่านห้าเฉินไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเป็นการส่วนตัว ไอสีม่วงเหล่านี้จึงเพียงแค่ลอยไปลอยมาอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น มีน้อยมากที่เข้ามาป้ายไว้บนตัวเขาจริง ๆ
แม้ว่าโอกาสที่โชคดีจะติดขึ้นมาบนตัวเขาจะมีน้อยเท่าขนเส้นเดียวในฝูงวัวเก้าตัว แต่เมื่อมานึกถึงว่าตัวเองได้นั่งอยู่ในวงล้อมสีม่วงวงใหญ่เรื่องชวนฮึกเหิมขนาดนี้ ถ้าไปเล่าให้ตาแก่ฟัง ตาแก่อาจจะอิจฉาจนมีชีวิตอยู่ต่อไม่ตายก็ได้
รถแล่นอยู่ในเขตชนบทมาชั่วโมงกว่าในที่สุดก็หยุด เฉินชิวเซิงไม่ได้นำเขาไปดูบ้านในทันที แต่จัดทัวร์การเกษตรให้พวกเขากินข้าวกันก่อน
อาหารกลางวันเตรียมเอาไว้อย่างอู้ฟู่ แต่ฉีเยี่ยนมองออกว่าท่านอาจารย์ที่ร่วมโต๊ะกับเขาอีกสี่ท่านนั้นสีหน้าไม่ค่อยดี คล้ายไปเจอปัญหาใหญ่อะไรมา
พวกเขาย่อมกังวล เพราะคราวนี้มาดูฮวงจุ้ยให้บ้านตระกูลเฉินเดิมก็เพื่อเพิ่มอายุขัยให้กับท่านห้าเฉิน แต่เมื่อพวกเขาได้ดูโหงวเฮ้งท่านห้าเฉินเองกับตาแล้วก็รู้ว่าเรื่องนี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
ในเมืองหลวงนั้น พวกเขานับเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียง แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับอาจารย์เทวดาที่โผล่หน้าออกมาน้อยมากเหล่านั้น แต่คนดัง ๆ ที่เคยติดต่อกับพวกเขาก็ไม่น้อย หากครั้งนี้ทำไม่สำเร็จแล้วเรื่องเผยออกไปข้างนอกก็จะกระทบกับชื่อเสียงของพวกเขาได้
เรื่องที่ใช้ฮวงจุ้ยก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้นั้น มีแต่จะต้องใช้วิธีขี้โกง แต่พวกเขาเป็นอาจารย์เต๋าที่ทำอะไรถูกทำนองคลองธรรมมาตลอด จะไปใช้วิธีทำร้ายคนอย่างนั้นเพื่อมาช่วยต่อชีวิตคนได้อย่างไรเล่า
อย่างแรกก็คือมันจะทำลายชื่อเสียงของพวกเขา อย่างที่สองก็คือจะทำร้ายคน พวกเขาทั้งสี่ล้วนตรึกตรองอยู่ในใจจึงได้รู้สึกยุ่งเหยิงอย่างนี้
ชีวิตของท่านห้าเฉินสูงค่านัก สูงค่าจนส่งผลเสีย พื้นดวงกำเนิดที่ร่ำรวยรุ่งเรืองอย่างมากเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาใช้วิธีขี้โกงเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องอายุขัยก็ยังไม่แน่ว่าจะสำเร็จ บางครั้งเมื่ออายุขัยมีพลังยิ่งใหญ่จนเกินไปนั่นก็คือสิ่งที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว คนอื่นต่อให้พยายามเปลี่ยนแปลงมากเพียงใดก็ได้แต่เปลืองแรงเท่านั้น
เมื่อพวกเขาทั้งสี่กังวลจนไม่อยากอาหาร ฉีเยี่ยนที่กำลังเคี้ยวคำใหญ่จึงดูสะดุดตาอยู่สักหน่อย
อาจารย์เทวดาจ้าวดันแว่น เขายิ้มน้อย ๆ พลางว่า “อาจารย์ฉีเจริญอาหารไม่เลวเลย” คนหนุ่มไม่รู้หนักเบา ในสถานการณ์เช่นนี้ยังกินลงอีกหรือ
“ตอนนี้ผมกำลังโตน่ะครับ มื้อหนึ่งถ้ากินน้อยเกินไป ท้องจะหิว ๆ โล่ง ๆ” ฉีเยี่ยนกินข้าวเร็วมาก แต่กิริยาการกินนั้นไม่หยาบเลยแม้แต่น้อยดังนั้นเวลาคนอื่นเห็นเขากินข้าวก็เพียงรู้สึกหมั่นไส้ที่เขาเจริญอาหารดีขนาดนี้เท่านั้น ไม่ทำให้คนอื่นมองแล้วรู้สึกว่าน่าคลื่นไส้
อาจารย์เทวดาจ้าวได้ยินฉีเยี่ยนตอบอย่างมีเหตุมีผลก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ คนอายุเท่าฉีเยี่ยนก็เป็นวัยที่กินข้าวมากจริง ๆ แต่การที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เจริญอาหารดีขนาดนี้ จะให้คนที่ไม่มีกะใจจะกินข้าวอย่างพวกเขาคิดอย่างไรเล่า
อาจารย์หลิวที่หัวล้านเลี่ยนเป็นคนที่อ้วนที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งสี่เขามองฉีเยี่ยนกินข้าวแล้วก็อดไม่ได้ต้องกินตามไปครึ่งถ้วยเล็ก ๆ หลังจากได้ยินอาจารย์จ้าวถามฉีเยี่ยนจึงคิดได้แล้ววางตะเกียบลง “อาจารย์ฉีคุณคิดว่าเรื่องวันนี้มีวิธีแก้ดี ๆ บ้างหรือไม่”
พวกเขามองเห็นที่มาที่ไปของฉีเยี่ยนไม่ชัดนักจึงต้องลองสอบถามดูเสียก่อน หากเป็นพวกชอบใช้วิธีขี้โกง พวกเขาก็จะได้จำไว้ว่าคราวหลังต้องอยู่ให้ห่างหน่อย
ในโลกนี้ไม่มีใครไม่หวงแหนชื่อเสียงของตัวเอง พวกเขาก็เช่นกันคนอย่างพวกเขาหากใช้วิธีขี้โกงช่วยแก้ไขชีวิตคน ต่อให้คนทั้งประเทศไม่รู้และไม่เปิดโปง คนอื่น ๆ ที่อยู่ในวงการเดียวกันเองก็คงไม่ปล่อยเขาไปหรอก
ฉีเยี่ยนวางตะเกียบ เขาใช้กระดาษเช็ดปากเช็ดคราบน้ำมันที่มุมปากแล้วส่ายหน้าเบา ๆ “สูงค่าจนต้องหักโค่น ตอนนี้ไม่มีวิธีแก้”
ทั้งสี่ได้ยินก็รู้ว่าอาจารย์ฉีคนนี้เป็นคนมีฝีมืออย่างแท้จริง หากเป็นอาจารย์เต๋าธรรมดาที่ยังมีฝีมือไม่ถึงระดับดีมากก็จะมองเห็นเพียงความสูงค่าของเฉินไป่เฮ่อเท่านั้น จะมองไม่ออกว่าคนคนนี้สูงค่าจนต้องหักโค่น
ทั้งสี่ไม่กล้าดูถูกฉีเยี่ยนเพราะอายุของเขา เส้นทางของอาจารย์เต๋านี้มีจำพวกผู้เพียรพยายามเอาเองจนประสบความสำเร็จใหญ่โต และจำพวกที่มีความสามารถติดตัวมาแต่กำเนิดโดดเด่นเหนือผู้คน เกิดมาก็มีความสามารถในด้านนี้แต่แรกแล้ว ในบรรดาพวกเขาสี่คนนั้นเป็นประเภทแรกส่วนฉีเยี่ยนอาจจะเป็นประเภทหลัง
คิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยขึ้นมาอีก หากพวกเขาได้พบกับพ่อหนุ่มนี่เร็วกว่านี้สักหน่อย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้ลูกศิษย์ดี ๆ ที่มีคนนับไม่ถ้วนชื่นชม
และก็ไม่รู้ว่าใครที่โชคดีขนาดมีลูกศิษย์ดีขนาดนี้ มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้พวกเขาจึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของฉีเยี่ยนมาก่อน เกรงว่าเพราะอาจารย์ของเขาต้องการจะเก็บซ่อนศิษย์รักเอาไว้ไม่ให้ใครรู้นี่เอง จนกระทั่งหลังจากเขาบรรลุนิติภาวะแล้วจึงค่อยปล่อยออกมา
“อาจารย์ฉีอ่อนวัยนัก ไม่ทราบสืบทอดวิชาจากอาจารย์ท่านใดรึ” อาจารย์เทวดาหลิวเสียงแหบพร่าเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเสียตาไปข้างหนึ่งแต่โหงวเฮ้งก็ดูอบอุ่นมากทีเดียว ดูคล้ายนักบวชที่มองเห็นสรรพสิ่งบนโลกอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้คนรู้สึกดี
ฉีเยี่ยนหัวเราะพลางว่า “อาจารย์เป็นเพียงอาจารย์เต๋าไร้ชื่อเสียงไม่สมควรยกมากล่าวถึง”
ทั้งสี่รู้กฎดี เมื่ออีกฝ่ายไม่เอ่ยถึงอาจารย์หรือสำนัก หากพวกเขาถามต่อไปอีกก็จะเป็นการละเมิด ดังนั้นจึงได้แต่ทำหน้าเข้าใจแล้วก็ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป
“น้องรอง พี่ว่าอาจารย์สองสามท่านนั้นสีหน้าไม่ค่อยดีเลย หรือว่าจะ…” คุณชายใหญ่เฉินดึงแขนเสื้อน้องสาวคนรอง เขาบุ้ยใบ้ให้เธอมองเหล่าอาจารย์ฮวงจุ้ยที่นั่งอยู่ทั้งโต๊ะ
คุณหนูรองเฉินเอ่ยโดยไม่ได้หันไปมอง “คนที่ทำอาชีพด้านนี้ก็เป็นอย่างนี้กันหมดไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่พูดให้เรื่องมันฟังดูเครียดสักหน่อยจะแสดงฝีมือของพวกเขาออกมาได้ยังไงกันล่ะ”
คุณชายใหญ่เฉินรู้ว่าน้องรองเป็นคนยึดมั่นไม่เชื่อเรื่องพระเรื่องเจ้าพอได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย “แล้วถ้าเขามีฝีมือเก่งกล้าจริง ๆ ล่ะ”
คุณหนูรองเฉินมองพี่ชายแล้วก็ไม่พูดอะไร เธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดเรื่องที่คนพวกนี้จะมีฝีมือเก่งกล้าขนาดไหน
ทั้งสองหันไปมองน้องชายที่นั่งอยู่ข้างพ่อ ท่านั่งสง่างาม กิริยายามรับประทานอาหารก็น่ามอง พวกเขาเห็นแล้วในใจก็รู้สึกเจ็บปวด
ทั้งหมดรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถเดินทางกันต่อ แต่ครั้งนี้ในรถที่ฉีเยี่ยนนั่งมีเพียงเขาคนเดียวแล้ว ท่านห้าเฉินคนนั้นคงจะไปนั่งรถคันเดียวกับคนตระกูลเฉิน
นั่งรถไปอีกราว ๆ ครึ่งชั่วโมง รถก็จอดลงอีกครั้ง บอดี้การ์ดข้างนอกมาเปิดประตูให้ฉีเยี่ยน หลังจากเขาลงจากรถก็เห็นบ้านโครงไม้ก่ออิฐหลังคากระเบื้องหลังหนึ่ง บ้านนี้สร้างอิงภูเขา รอบด้านมีต้นไม้เขียวให้ร่มเงา มองแล้วรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
ในเขตชนบทเมืองตี้ตูมีบ้านคนที่ใหญ่ขนาดนี้ ราคาจะสูงขนาดไหนคงเป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดเลยสักนิด ไม่รู้ว่าผู้ประกอบการสักกี่คนที่ต้องเก็บสะสมเงินดาวน์แทบเป็นแทบตายเพื่อจะซื้อบ้านสักหลังในเมืองตี้ตูให้ได้ผลคือหลังจากเดินเข้าประตูบ้านแล้วก็ได้รับข้อความที่เป็นแพตเทิร์นสำเร็จรูปในมือถือว่า มณฑล X ยินดีต้อนรับ
“อาจารย์ฉี” คุณชายใหญ่เฉินเห็นฉีเยี่ยนยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ-เขยื้อนก็เดินมาข้างกายเขาแล้วผายมือเชื้อเชิญ “จะเข้าไปดูข้างในไหมครับ”
ฉีเยี่ยนส่ายศีรษะ เขาชี้ภูเขาที่อยู่ด้านหลังบ้านเก่าของตระกูลเฉิน “ผมจะขึ้นไปดูข้างบนสักหน่อย”
“ได้ครับ ผมไปเป็นเพื่อนนะครับ” คุณชายใหญ่เฉินเห็นคนอื่นเดินเข้าบ้านเก่าไปพร้อมอาจารย์อีกสี่ท่านหมดแล้ว จึงตัดสินใจว่าตัวเองจะนำบอดี้การ์ดสองคนไปขึ้นเขาเป็นเพื่อนฉีเยี่ยน อย่างไรเสีย ภูเขาลูกนี้ก็ไม่สูงนัก เดินขึ้นไปไม่นานเท่าไหร่
ทั้งสี่เดินขึ้นไปข้างบนตามขั้นบันไดหิน บนเขาไม่ได้ปลูกพืชเอาไว้รอบด้านมีแต่ต้นไม้ที่ขึ้นเอง เสียงนกเสียงแมลงดังทางนั้นทีทางนี้ทีให้ความรู้สึกสงบอย่างประหลาด
ภูเขาที่ดูไม่ค่อยสูงเท่าไหร่นี้ ทั้งสี่กลับใช้เวลาเดินขึ้นมาถึงยี่สิบกว่านาที ฉีเยี่ยนยืนอยู่บนยอดเขามองลงไปเบื้องล่างก็เห็นบ้านเก่าของตระกูลเฉินนอนเหมือนเสือหลับอยู่บนพื้น
มังกรเร้นกายเสือหลับใหล คนทั้งร่ำรวยและสูงศักดิ์ หากดูจากโลเกชั่นที่เลือกแล้ว ที่นี่จึงเป็นที่ที่รุ่งเรืองผืนหนึ่ง เห็นได้ว่าตระกูลเฉินตอนที่สร้างบ้านหลังนี้คงจะใช้ความตั้งใจไม่น้อย
“สถานที่ดี บรรพบุรุษของคุณเฉินจะต้องเป็นตระกูลที่ร่ำรวยสูงศักดิ์” ฉีเยี่ยนเอามือไพล่หลัง เขามองคุณชายใหญ่เฉินแล้วก็ว่า “บรรพบุรุษของคุณมีสายตาที่ดียิ่งนัก”
ไม่มีใครไม่ชอบฟังคำพูดดี ๆ คุณชายใหญ่เฉินรู้สึกว่าอาจารย์ฉีคนนี้ตั้งแต่เดินขึ้นเขามาจนถึงขณะนี้ แม้ว่าจะพูดเพียงไม่กี่ประโยค แต่สิ่งที่พูดออกมาล้วนแล้วแต่ทำให้คนรู้สึกดี “ได้ยินว่าทวดของทวดผมเชิญคนมาเลือกสถานที่โดยเฉพาะ พวกเราคนรุ่นหลังในตระกูลเฉินก็แค่ปรับปรุงซ่อมแซมตามโครงที่มีอยู่เดิมเท่านั้น ไม่ได้ย้ายตำแหน่งบ้านเลยครับ”
ฉีเยี่ยนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากมาย กระทั่งเขาดูจนพอใจและเตรียมลงจากเขาแล้ว ทางเดินบนเขาก็ปรากฏเงาคนผู้หนึ่งขึ้นมาอย่างเลือนราง คล้ายจะมีเสียงไอดังแว่วมาด้วย
เขาจ้องนิ่ง ๆ แล้วก็มองออกว่าคนที่มาคือใคร
ท่านห้าเฉิน
คอมเมนต์