บันทึกแปดวาทยะ ตอนที่ 16

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 16 ได้ลาภด้วยเคราะห์

“บุคคลเยี่ยงนี้ทำไมต้องมาฝึกที่หลังเขาหวั่งเซิงเหมินอีกล่ะ หรือไม่กลัวว่าคนจำได้แล้วจะถูกหวั่งเซิงเหมินลงมืออย่างโหดเหี้ยม?”
หยวนหลิงยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “ผู้ใดเป็นอันตรายกับตนก็ต้องฆ่าล้างบางให้หมดหรืออย่างไร เจ้าคิดว่าท่านหนันซันกับแม่นางมี่มี่ไม่รู้ที่มาที่ไปของจูจื่อหัวหรือ? รู้ว่าเป็นภัยกับตนกลับยังปล่อยปละละเลย ก็เพราะรู้สึกว่าเขาไม่มีปัญญาก่อลมก่อคลื่นใหญ่โตได้ เช่นนี้จึงจะเป็นพฤติกรรมที่ดูแคลนและทำลายใจทระนงของคนที่สุด”
เว่ยฉีอวี้ครุ่นคิด แต่กลับเหลือบเห็นจูจื่อหัวหมุนกายหลบการโจมตีแล้วทิ่มแทงอาวุธใส่แม่นางเชียนมี่ หยวนหลิงถึงกับเดือดขึ้นมาทันที “จูจื่อหัวผู้นี้ ทำไมต้องลอบทำร้ายแม่นางมี่มี่ของข้าด้วย”
จูเยี่ยยังจู่โจมไม่ถึงตัวแม่นางเชียนมี่ก็ถูกท่านหนันซันสกัดไว้ ท่านหนันซันสะบัดดาบซ้ายขวาข้างละที ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย จูเยี่ยหลบหลีก ทำไปทำมากลายเป็นเมิ่งเต๋อจื่อประจัญกับท่านหนันซัน
แม่นางเชียนมี่เห็นว่าบทเพลงผีผาถูกจูจื่อหัวขัดจังหวะเสียแล้ว จึงต้องปะทะกับเขาอย่างจนใจ “คุณชายอย่างเจ้าช่างไม่ประสาเรื่องเสน่หาเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่ถูกเจ้าขัดขวาง เพลงมอมเมาวิญญาณบทนี้ของข้าก็สัมฤทธิผลไปแล้ว”
ขณะเดียวกันเมิ่งเต๋อจื่อก็ถูกท่านหนันซันถีบกระเด็นไปอยู่บนต้นไม้ แม่นางเชียนมี่ไม่เหมือนท่านหนันซัน นางเชี่ยวชาญวิชาตัวเบา เมื่อจับคู่กับจูเยี่ยจึงเป็นการต่อสู้อันน่าชม ทว่าสุดท้ายจูเยี่ยก็ยังคงด้อยกว่าเล็กน้อยอยู่ดี
“ต่อให้ข้าเล่นเพลงมอมเมาวิญญาณไม่จบ แต่ก็เล่นไปครึ่งค่อนเพลงแล้ว เต็มที่พวกเจ้าก็ใช้วิชายุทธ์และกำลังได้เพียงแปดส่วน” เชียนมี่วางผีผาลง “วันนี้ถือว่าพวกเจ้าแพ้”
ห้าสำนักใหญ่พ่ายแพ้ง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ? เดิมทีตอนเว่ยฉีอวี้ตามท่านหนันซันลงเขามาก็คิดว่าทางที่ดีให้หวังเซิงเหมินแพ้ไปเสีย ตนจะได้แสร้งทำทีน่าสงสาร อ้อนวอนให้ห้าสำนักใหญ่รับตนเอาไว้ เคราะห์ดีที่มิได้รีบปราดออกมาทิ้งอาวุธยอมสวามิภักดิ์
หยวนหลิงมองสีหน้าแปรผันเหลือคาดเดาของเขา “หรือเจ้าคิดว่าห้าสำนักใหญ่จะชนะ?”
“ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ”
“คนพวกนี้เป็นแค่ศิษย์สายนอกที่อาศัยชื่อห้าสำนักใหญ่มาอวดโตโอหังเท่านั้น เมิ่งเต๋อจื่อนั่นเป็นแค่ชนชั้นปลายแถวในสำนักอู่ตัง คิดจะรวบรวมคนมาก่อการเพื่อสร้างชื่อให้ตน แต่ไม่กล้าไปลัทธิมาร ก็เลยมั่วเข้ามาจับปลาน้ำขุ่น ก่อเรื่องในช่วงที่หวั่งเซิงเหมินกำลังมีปัญหา ส่วนจูจื่อหัว แปลกจริงๆ ทำไมเขาต้องเอาตัวเข้ามายุ่งกับน้ำขุ่นนี้ด้วย”
“ดูพอหรือยัง” เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังขึ้น เว่ยฉีอวี้กับหยวนหลิงพากันหันไปมองท่านหนันซันกับเชียนมี่ เชียนมี่เอ่ยว่า “การฝึกฝนที่หลังเขาเป็นการฝึกกำลังกาย ความอดทน การสังเกต ลมหายใจและการเอาตัวรอดในสถานการณ์พลิกผัน เท่าที่ดูวันนี้ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องไปฝึกที่หลังเขาแล้ว”
หยวนหลิงนึกว่าเชียนมี่คิดขับเขาลงจากเขากะทันหันจึงทำอะไรไม่ถูก “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเจ้ามาที่หมู่ตึกโยวกุย ข้าจะสอนวรยุทธ์ให้พวกเจ้าด้วยตัวเอง”
หยวนหลิงตื่นเต้นจนยากจะสงบใจอยู่ทั้งคืน บอกว่าในที่สุดก็จะได้ใกล้ชิดแม่นางมี่มี่ผู้เป็นนางในฝันของตนทุกเช้าค่ำแล้ว ช่างเป็นเรื่องดีงามยิ่งใหญ่ในชีวิตโดยแท้
หยวนหลิงกับเว่ยฉีอวี้ถูกจัดให้พักห้องด้านข้างด้วยกัน ในห้องยังมีคนอีกผู้หนึ่งซึ่งเว่ยฉีอวี้ไม่คาดมาก่อน นั่นก็คือโหลวเซียว ทั้งสามพักอยู่ห้องเดียวกัน ทว่าโหลวเซียวหลีกห่างจากทั้งสองเต็มที่ เอาแต่ขดร่างนอนอยู่ปลายสุดของเบาะนอนรวม
หยวนหลิงนอนกางแขนขาบนเบาะ หลับได้ครู่เดียวก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งตำร่างกายจึงดึงออกมา เมื่อพิศดูก็พบว่าเป็นหยกประดับของตน
เขามองอักษรบนหยกอย่างถ้วนถี่ แล้วก็พลันคลี่ยิ้มเบิกบานและลุกขึ้นมานั่ง “เว่ยเยวียน ถึงตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลยแน่ะว่าชื่อรองเจ้าคืออะไร” หยวนหลิงโยนหยกประดับของตนให้เว่ยฉีอวี้ “ชื่อรองของข้าคือจื่อเกอ จื่อเกอที่หมายถึงหยุดสงครามแล้วปกครองด้วยคุณธรรม เจ้าว่าน่าสนใจหรือไม่”
“ฉีอวี้ เว่ยฉีอวี้” เว่ยฉีอวี้รับหยกมา ไม่ผิดจากที่คาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นความใสหรือความสมบูรณ์ของชิ้นหยก หรือฝีมือสลักบนหยกก็ล้วนเป็นของชั้นเลิศบนแดนดิน เมื่อรวมเข้ากับนามนี้ เว่ยฉีอวี้ก็คาดได้แน่ชัดว่าหยวนหลิงต้องถือกำเนิดในสกุลขุนนางสูงศักดิ์
เว่ยฉีอวี้เหลือบเห็นโหลวเซียวคล้ายกับจ้องหยวนหลิงอย่างดุร้าย แต่เมื่อมองอีกที โหลวเซียวก็ยังนอนอยู่ในมุมเช่นเดิม และยังคงอยู่ในท่าเดิม
เพียงพริบตาวันถัดมาก็มาถึง เชียนมี่มีเมตตากว่าท่านหนันซันมาก ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ยามสี่ ทั้งสองหลับเพลินถึงยามหก ค่อยลืมตาตื่น ยามนี้โหลวเซียวในมุมหายตัวไม่เห็นแม้แต่เงา เว่ยฉีอวี้คลำผ้าห่มดู ไม่มีไออุ่นหลงเหลือแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้ว่าหายไปนานแค่ไหนแล้ว
หยวนหลิงอารมณ์เบิกบานยิ่ง ครวญเพลงในลำคอขณะสวมเสื้อผ้า เว่ยฉีอวี้ฟังแล้วถามว่า “เพลงนี้คือเพลงเก็บดอกบัว?”
หยวนหลิงพยักหน้า “เพลงเก็บดอกบัวของเมืองจินหลิง เจ้ารู้จักด้วยหรือ?”
เขาพยักหน้า เดิมทีเขาก็ถ่อเรืออยู่ในลำน้ำฉินหวย จะไม่รู้จักเพลงเก็บดอกบัวซึ่งหญิงลำน้ำฉินหวยชื่นชอบที่สุดได้อย่างไร “ข้าเคยอยู่แถวแม่น้ำฉินหวยมาก่อน”
“จริงหรือ”
“จะโกหกเจ้าทำไม”
“ข้าอยากไปแม่น้ำฉินหวยมาตลอด แต่ไม่ได้ไปเสียที บทเพลงนี้อนุนางหนึ่งของบิดาข้าเคยร้องให้ฟัง ข้าถึงได้หัดจนเป็น”
ทั้งสองเปิดประตูมาก็พบจูจูจื่อที่หน้าประตู จูจูจื่อเอ่ยโดยไม่ต้องรอให้เว่ยฉีอวี้กำชับว่าห้ามแพร่งพรายความลับว่า “ทั้งสองท่าน ศิษย์พี่รองรอพวกท่านอยู่ที่ห้องครัวนานแล้ว”
ห้องครัว? เว่ยฉีอวี้นึกถึงน้ำแกงทั้งชามของแม่นางเชียนมี่ในวันแรกขึ้นมาทันใด ฝึกวิชาอะไรกันต้องไปที่ห้องครัว จะให้กินมื้อเช้าก่อนหรืออย่างไร
เมื่อเขากับหยวนหลิงเข้าไปในครัวก็เห็นโหลวเซียวผ่าฟืนไว้เต็มพื้นแล้ว
แม่นางเชียนมี่เห็นทั้งสองเข้ามาก็เอ่ยว่า “แผ่นดินนี้ไม่มีเสบียงให้กินเปล่าหรอกนะ” นางชี้นิ้วใส่เว่ยฉีอวี้ “เว่ยเยวียน เจ้าหาบน้ำ” จากนั้นก็ชี้หยวนหลิง “หยวนหลิง เจ้าตัดไม้ทำฟืน” นางหยิบท่อนฟืนขึ้นแล้วเอ่ยว่า “เว่ยเยวียน เจ้าต้องไปหาบน้ำจากบ่อซึ่งอยู่เหนือน้ำตกซันซย่า หยวนหลิง เจ้าต้องไปตัดฟืนที่หน้าผา”
เว่ยฉีอวี้มองโอ่งน้ำสูงท่วมหัวคนหลายใบนั้น “เติมให้เต็มหมด?”
เชียนมี่พยักหน้า “แน่นอน”
เห็นเว่ยฉีอวี้หน้าตาหมองเศร้าเต็มประดา หยวนหลิงก็กระซิบข้างหูเขาว่า “ไม่เป็นไร รอข้าตัดไม้เสร็จแล้วจะไปช่วยเจ้า”
เชียนมี่ไม่ห้าม ไม่รู้เป็นเพราะรู้สึกว่าหยวนหลิงต้องทำงานของตนไม่เสร็จเป็นแน่หรืออย่างไร นางเตือนด้วยว่า “เป็นไม้จากหน้าผาหรือไม่ ข้ามองออก เป็นน้ำจากบ่อซันซย่าหรือไม่ ข้าก็มองออกเช่นกัน พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะตบตาข้าได้”
เชียนมี่กล่าวจบก็เดินเข้าห้องไป เว่ยฉีอวี้ทำปากพะงาบๆ ก่อนจะหิ้วถังสองใบมุ่งหน้าไปยังบ่อซันซย่าที่ว่า บ่อน้ำซันซย่าอยู่เหนือน้ำตก คือบริเวณที่อยู่ใต้หินก้อนใหญ่สามก้อนตรงน้ำตก มีทำนบซึ่งก่อขึ้นด้วยก้อนหินกั้นมิให้น้ำจากแม่น้ำไหลกลับเข้าไป
หินแต่ละก้อนเกลี้ยงแวววาวเพราะถูกน้ำชะตลอดปี เว่ยฉีอวี้หิ้วถังก้าวไปบนก้อนหินอย่างระมัดระวัง ด้วยเกรงว่าหากพลาดพลั้งจะลื่นลงไป “ไม่รู้ทำไมบ่อน้ำนี้ต้องมาสร้างในสถานที่พรรค์นี้ด้วย”

คอมเมนต์

Chapter List