บันทึกแปดวาทยะ ตอนที่ 8

Reader Settings

Size :
A-16A+

บทที่ 8 ล่าสัตว์หาอาหาร

“คนที่สอง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ฐานมั่นคงยิ่ง เมื่อครู่เจ้าโจมตีครึ่งล่างของเขา นี่เป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ คนเช่นนี้ควรเล่นงานที่ลำคอ เพราะลำคอคือส่วนอ่อนไหวและเปราะบาง”
“คนที่สามรับมือง่ายที่สุดและก็รับมือยากที่สุด เขาธรรมดาไปหมดทุกด้าน ทว่าก็ล้วนไม่อ่อนด้อย หรือก็คือพูดว่าเขาไม่มีจุดแข็ง ขณะเดียวกันก็ไม่มีจุดอ่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือที่แท้จริงของเจ้า ไม่อาจชนะด้วยปัญญาอย่างเดียวได้”
เว่ยฉีอวี้คล้ายจะเข้าใจ มองดูผู้อื่นที่ยังประลองอยู่ บ้างแข็งแกร่งบ้างอ่อนแอ โจมตีจุดอ่อนของผู้แข็งแกร่งคือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขามองหยวนหลิง “ข้าเข้าใจแล้ว”
หยวนหลิงพยักหน้า “ไม่ต้องกลุ้มไป ต่อไปก็ยังมีประลองสามยกทุกวัน ไม่ถึงหนึ่งเดือนเจ้าก็จะรู้ตื้นลึกหนาบางของทุกคน แต่ทุกคนก็จะก้าวหน้าไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว การจะชนะสามยกในแต่ละวันก็ยังไม่ง่ายอยู่ดี”
หยวนหลิงนับเป็นสหายคนแรกที่เว่ยฉีอวี้คบหาเมื่อมาถึงหลังเขา เป็นอย่างที่เรียกว่าผีเน่ากับโลงผุ เข้ากันได้ในทันใด แต่กระนั้นหยวนหลิงก็ต่างจากเว่ยฉีอวี้ ว่ากันแค่วิชายุทธ์ส่วนตัวอันมีต้นกำเนิดจากสำนักใหญ่เลื่องชื่อนั่นก็ยอดเยี่ยมกว่าลิบลับแล้ว
แต่ละวันหวั่งเซิงเหมินให้เพียงอาหารมื้อเช้ากับเที่ยงเท่านั้น อาหารเย็นต้องไปล่าบนภูเขาเอาเอง เว่ยฉีอวี้สะพายธนูที่ไปอ้อนวอนท่านหนันซันสารพัดกว่าจะยืมมาได้ ในที่สุดก็ออกเดินทาง
เว่ยฉีอวี้เห็นว่ามีทางสองสาย สายหนึ่งขึ้นเขา สายหนึ่งลงเขา เขาไม่รู้จะเลือกทางไหนจึงมองไปทางหยวนหลิง หยวนหลิงเอ่ยเพียงว่า “ทางขึ้นเขาคือซั่งชิง ทางลงเขาคือซย่าเหยี่ย พวกเราไปทางซย่าเหยี่ย ถือเสียว่าพาเจ้าไปทำความรู้จักสถานที่ที่จะนอนคืนนี้”
ระหว่างทางที่เดินไป ผู้คนรอบตัวบางตาลงเรื่อยๆ เสียงสัตว์ป่ากู่ร้องดังมาเป็นระยะ บางคราก็มีเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ เขาผวาจนเกาะติดหยวนหลิงแน่น “เราคงไม่ต้องไปล่าสัตว์กระมัง”
หยวนหลิงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เจ้ามองรอบตัวสิว่ามีอาหารอย่างอื่นไหม ถ้าไม่ล่าสัตว์แล้วเจ้าแบกธนูมาทำไม” รอบกายเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ หญ้ารกเรื้อและไม้พุ่มสูงท่วมเอว จะไปเห็นได้อย่างไรว่าข้างในมีสภาพเยี่ยงไร
ทั้งสองเดินมาถึงทางแยก กลางทางแยกมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ หยวนหลิงกล่าวว่า “เห็นต้นไป๋อู้นั่นหรือไม่”
“ต้นไหน”
หยวนหลิงชี้ต้นไม้ที่อยู่สูงขึ้นไปทางซ้าย “ก็ต้นที่ลำต้นเป็นสีขาว มีลายสีดำแซม ใบเป็นสีเหลืองนั่นอย่างไร เปลือกไม้ของมันใช้เป็นยาได้ ใบไม้ก็ช่วยไล่แมลง ยางไม้ใช้ห้ามเลือด รากของมันร้ายกาจที่สุด…” เขาโน้มมาข้างหูเว่ยฉีอวี้แล้วกระซิบว่า “ฤทธิ์ยาเด็ดกว่าตัวเดียวอันเดียวของเสืออีกนะ เสริมสมรรถภาพทางเพศดีนักแล”
เว่ยฉีอวี้เห็นท่าหัวเราะงอกลิ้งงอหงายของหยวนหลิงก็เอ่ยว่า “จะให้ข้าขุดขึ้นมาตุ๋นยาให้เจ้าหน่อยไหม”
หยวนหลิงส่ายหน้าดิก “ไม่ต้องๆ ข้ายังดีอยู่” เขาแตะบ่าเว่ยฉีอวี้ “ข้าจะบอกเรื่องสำคัญกับเจ้า ต้นไม้ต้นนั้นเนื่องจากเป็นยาตลอดต้น กล่าวกันว่ายาใดๆ ล้วนเป็นพิษอยู่สามส่วน ดังนั้นแมลงหนูงูสัตว์ร้ายล้วนแต่จะไม่เข้าใกล้มัน ยามดึกเจ้าพิงนอนได้ ทางที่ดีจงนอนบนต้นไม้ นั่นคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในซย่าเหยี่ย”
เว่ยฉีอวี้รีบจำตำแหน่งของต้นไม้ดังกล่าวไว้ ทั้งสองเดินไปพลางสนทนาไปพลางจนกระทั่งถึงทางเลี้ยว เบื้องหน้ามีเสียงหมูป่าร้อง เลือดสาดเต็มพื้น เว่ยฉีอวี้กระโดดหลบทันใด ตาก็เห็นเด็กชายร่างผอมเล็กผู้หนึ่งกุมมีดสั้นเอาไว้ ก่อนจะแทงเข้าที่ลำคอหมูป่า เลือดฉีดพุ่งจนตลอดร่างเขาเปรอะเต็มไปด้วยเลือด
หมูป่านั้นตัวใหญ่ล่ำ ท่าทางหนักอย่างยิ่ง ตัวใหญ่กว่าเด็กชายหลายเท่านัก เขาลากมันอย่างกินแรงถึงสิบส่วน เว่ยฉีอวี้ได้แต่ตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
เห็นเด็กชายเชือดหมูป่าทั้งเป็น เฉือนเนื้อออกมา เอากระดาษหนังจากที่ใดไม่รู้มาห่อแล้วแขวนไว้บนต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อเห็นภาพนี้เข้าเว่ยฉีอวี้ก็ให้ผะอืดผะอม ถึงกับอยากจะอาเจียน สายตาดุร้ายของเด็กชายกวาดมองร่างเขา เขาเงยขึ้นสบตาแล้วก็ถึงขั้นสันหลังเย็นวาบ
“เราบังเอิญผ่านมา จะไม่เอาของของเจ้าแน่นอน” หยวนหลิงลากเว่ยฉีอวี้จากไป เด็กชายก็มิได้แยแสพวกเขา ง่วนกับงานของตนต่อ
จนกระทั่งเดินห่างไปมากแล้วเว่ยฉีอวี้ค่อยเอ่ยว่า “เด็กนั่น ยังเป็นเด็กเป็นเล็กอยู่แท้ๆ แต่ถึงกับลงมือโหดเหี้ยมขนาดนั้น”
หยวนหลิงส่ายหน้า “ถ้าไม่โหดหน่อยจะมีชีวิตรอดอย่างไรไหว เด็กคนนี้ข้ารู้จัก ตอนเข้ามาเพิ่งอายุสิบสองเท่านั้น พื้นฐานวิชาอะไรก็ไม่มีเลย กระทั่งเสาไม้ก็ปีนไม่ขึ้น ช่วงฝึกภาคเช้าได้เลือดเต็มฝ่าเท้าทุกวัน แต่เขาก็อุตริอยู่ในซย่าเหยี่ยได้ตั้งสามเดือนกว่า มีชีวิตรอดมาได้อย่างทรหด เจ้าระวังเขาไว้หน่อยเถอะ คนผู้นี้ร้ายกาจพอตัว”
ทั้งสองมาถึงส่วนที่เป็นป่าทึบ เดินต่อไปเรื่อยๆ ก็เข้าสู่ทุ่งหญ้าป่า พ้นจากแนวป่ารกคือลำธารสายน้อย หยวนหลิงเก็บไม้ท่อนหนึ่งขึ้นจากพื้น หยิบมีดซึ่งมัดอยู่ที่ขาขึ้นมาเหลาท่อนไม้ให้แหลม ถอดรองเท้าถุงเท้าแล้วเดินลุยลงลำธาร
เว่ยฉีอวี้มองมีดที่หยวนหลิงใช้เมื่อครู่ เหลาไม้ได้ราวกับเหลาโคลน ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าแหลมคมกว่ามีดทั่วไป อีกอย่างรูปลักษณ์ของมีดก็ยังพิเศษ มีลวดลายรูปสัตว์ กระทั่งบนด้ามจับยังฝังทับทิมชั้นดี ครั้นสังเกตรองเท้าที่หยวนหลิงถอดออกให้ถี่ถ้วนก็พบว่าส่วนที่หุ้มน่องยังประดับด้วยหยกเหอเถียนอีกด้วย
“เจ้ามัวอึ้งอะไรอยู่ ยังไม่รีบลงมาจับปลาอีก เย็นนี้ไม่กินหรือ” เขาฟังดังนั้นก็ควักลูกธนูออกมาสองดอก ถือไว้ในมือซ้ายขวาข้างละดอกแล้วลงไปยืนในน้ำ
ทั้งสองอยู่ในน้ำนานสองนานก็ยังจับปลาไม่ได้ กล่าวให้ชัดลงไปก็คือ ไม่เห็นเงาปลาสักตัว
“วันนี้ชอบกลจริงๆ หรือพวกปลาพากันรู้ตัวหมดเลยไม่ว่ายมาทางนี้?” หยวนหลิงพึมพำ แต่แล้วก็เหลือบเห็นควันไฟสายหนึ่ง “ข้าว่าแล้วเชียว” เขาวิ่งเท้าเปล่าไปยังกองไฟดังกล่าว “ข้าว่าแล้ว ไฉนวันนี้ไม่เห็นปลาสักตัว ที่แท้เจ้ามาดักหน้าอยู่ต้นน้ำนี่เอง”
คนผู้นี้สวมเสื้ออย่างบัณฑิต คาดผ้าโพกหัวสีดำ ในมือยังถือพัดหนึ่งเล่ม กำลังกระพือไฟอยู่ “ข้าว่านะ คุณชายหน้าหยก พัดเล่มนี้ของเจ้าเป็นของดีจากราชวงศ์ก่อนเชียวนะ ปกติข้าขอดูก็ยังไม่ให้ ไหงเอามากระพือไฟเสียแล้ว”
“วัตถุย่อมมีประโยชน์ นี่คือประโยชน์ใช้สอยของมัน”
หยวนหลิงมองปลาทั้งกองที่ยังดิ้นกระแด่วๆ “ใครที่ไหนใช้กำลังภายในจับปลากัน เจ้าทำใจเสียบมันขึ้นจากน้ำไม่ลง หรือว่าใช้ไฟเผาให้ตายทั้งเป็นนั้นเมตตา?”
“น้ำอุ่นต้มกบ อย่างน้อยก็ไม่เจ็บปวดรุนแรงนัก”
“ตรรกะผิดเพี้ยน ตรรกะผิดเพี้ยน เจ้าถูกต้องมีเหตุผลอยู่คนเดียวสินะ”
เว่ยฉีอวี้ตามไปถึงก็เห็นหยวนหลิงเดือดดาลใหญ่โต ดวงตาแทบพ่นไฟ “เว่ยเยวียน เห็นปลาพวกนี้ไหม เก็บกลับไปให้หมด ถึงอย่างไรคุณชายหน้าหยกก็กินมากมายขนาดนี้ไม่หมดหรอก อย่าให้เสียของ”
หยวนหลิงก้มจับปลา ไม่รู้เหตุใดจึงถูกผลักออก “อย่าแตะต้องปลาข้า”
“เจ้าก็ไม่ได้กินเยอะแยะขนาดนี้เสียหน่อย” หยวนหลิงว่าแล้วก็ปักไม้ลงในกองปลา เสียบออกมาได้สามตัว
ไม้ของหยวนหลิงถูกคุณชายหน้ายกคว้าหมับ เพียงสะบัดมือคราเดียว ไม้ก็สะบั้นเป็นสามท่อน “อย่าแตะต้องปลาข้า”

คอมเมนต์

Chapter List