ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 3-2
ตอนที่ 3-2 การพบเจอ (3)
ยังเป็นโชคดีเพราะศีรษะดูอีปักลงบนหน้าท้องแกร่งของยอนจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก แต่กับอีกฝ่ายแล้ว ทั้งสะดุดขาข้างที่โดนกระจกบาดจนหงายหลัง ทั้งล้มศีรษะกระแทกพื้น ไหนจะโดนศีรษะของคนตรงหน้าโหม่งเข้าเต็มๆ อีก นั่นทำให้เจ็บยาวต่อเนื่องถึงสามเด้ง ยอนไม่รู้ว่าควรห่วงศีรษะหรือท้องตัวเองก่อนดี ได้แต่ยกมือขึ้นด้วยความเจ็บพร้อมใบหน้าเหยเก
“แม่ง…”
ก่อนจะสบถเน้นๆ ทุกคำเพื่อระบายความโกรธจนแทบระเบิดออกมา ดูอีเองก็เพิ่งได้สติหลังจากเจอเหตุการณ์ชวนช็อกอย่างกะทันหันแบบนี้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหมวกหลุดออกจากศีรษะไปแล้ว ร่างบางได้แต่งึมงำในลำคอและเตรียมจะลุกขึ้นจากที่เดิม
“เอ่อ…”
“เฮ้ย นาย…!!”
ยอนอ้าปากกำลังเตรียมด่าด้วยความไม่สบอารมณ์อีกรอบ ทว่าสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนเป็นแน่นิ่งในทันที เมื่อเห็นท่าทางน่าค้นหาอย่างอธิบายได้ยากจากดูอี
ใบหน้าแสนเศร้าไร้หมวกแก๊ปปิดบัง น้ำใสๆ คลอหน่วยตา ริ้วแดงบนใบหน้า และแขนเรียวเล็กบนหน้าท้องกับส่วนมืออีกข้างค้ำยันพื้นเอาไว้ ต้นขายอนถูกน่องขาเล็กเสียดสีชิดใกล้ ถ้าหากดูอีเป็นผู้หญิง ตอนนี้พวกเขาคงอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนกันไม่น้อย
ยอนเบลอจนประเมินเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ได้ ก่อนจะตีหน้ายุ่งเพราะทำตัวไม่ถูก ทุกอย่างมันเริ่มแปลกตั้งแต่เมื่อวาน กับการชะงักงันเมื่อเห็นหน้าติดเศร้าหมองของคนตัวเล็ก
ไอ้หนูนี่ ตอนใส่หมวกกับไม่ได้ใส่แตกต่างกับลิบลับ โดยเฉพาะดวงตา
“…รีบลุกได้แล้ว”
พอเห็นว่าดูอีเริ่มขยับ ยอนจึงใช้ขาช่วยดันตัวอีกคนขึ้น โอ๊ยแม่ง โคตรเจ็บ… และหลังจากรู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ก็คิดว่าจะปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านๆ จบๆ กันไป ดังนั้นจึงเลือกจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่ออีกครั้ง เพราะไหนๆ ก็ล้มลงมานอนแล้ว
ดูอีพึมพำบ่นถึงความนิสัยเสียขนาดหนักของยอนทั้งๆ ที่หน้าตาหล่อเหลามากขนาดนี้ และเมื่อยกมือจับศีรษะถึงรู้ตัวว่าหมวกหลุดไปแล้ว เขาจึงหยิบมันขึ้นมาสวมอีกครั้ง ก่อนจะหันไปจัดการเก็บของในตู้เย็นต่อจนเสร็จ ปิดท้ายด้วยการหยิบไก่สดที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตออกมา
แล้วทำยังไงต่อดี…
เนื่องจากซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ขายไก่แบบแยกชิ้นส่วนสำเร็จรูป ก็เลยต้องซื้อไก่แบบเป็นตัวมาแทน แต่ปัญหาก็คือเขาไม่เคยหั่นไก่มาก่อน ได้แต่กังวลว่าจะทำล้มเหลว เพราะถ้าหากทำพลาดอาจจะไปโดนกระดูกเข้าก็ได้ แต่ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว ลองดูก่อนแล้วกัน ดูอีคิดพลางหยิบมีดทำครัวขึ้นมาเตรียมพร้อม
ปัก! ปัก ปัก!
เสียงสับไก่ดังน่ารำคาญจนคนที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ ตั้งใจจะอ้าปากสั่งให้เงียบๆ หน่อย แต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อเห็นว่าภาพดูอีสวมหมวกยืนอยู่หน้าซิงค์ล้างจาน ดูโหดร้ายกว่าที่คิดคาด
หมวกแก๊ปทรงเหลี่ยมคลุมปิดหน้าจนมิด ในมือถือมีด หั่นเนื้อไก่รัวๆ ไม่หยุดพัก
ไอ้เด็กนี่แค่ใส่หมวกก็เหมือนเป็นพวกโรคจิตน่ากลัวแล้ว ยอนคิดว่าตัวเองควรอดทนอดกลั้นอารมณ์ไว้ก่อน หลังจากเห็นสีหน้าตั้งอกตั้งใจสับไก่ของดูอี ร่างสูงหันหน้ากลับมาอ่านหนังสือต่ออีกรอบ พลางเหลือบมองสีหน้าจริงจังของอีกคนบ้างเป็นพักๆ ซึ่งนั่นคือเกิดจาดความเครียดว่าควรต้องหั่นไก่แบบไหนดี ถึงจะไม่ทำให้กระดูกภายใต้เนื้อไก่บุบสลายไปด้วย
ยอนได้แต่มองอย่างสงสัยว่าดูอีกำลังหั่นอะไร และตั้งใจจะหันไปดูให้ชัดๆ แต่พอเจอรอยยิ้มพึงพอใจจากมุมปาก ก็เลือกหันกลับมาเพราะคิดว่าคงทนดูไม่ไหว แล้วเด็กนั่นยิ้มทำไมวะ ไม่ได้เป็นคนของพี่จริงเหรอ นึกว่าเป็นไอ้เด็กกระหร่องมาตลอด ที่ไหนได้เป็นนักฆ่างั้นเรอะ…
ท่ามกลางความเข้าใจผิดยกใหญ่ของยอน ตัวต้นเหตุก็ยังหั่นไก่ต่อไปเรื่อยๆ มัวแต่ดีอกดีใจเพราะได้ตัวเองจะได้เข้าสู่โลกแห่งจินตนาการอีกครั้ง
พอหั่นไก่ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูอีก็เริ่มต้นทำจิมทัก
หลังตัดส่วนมันและลิ่มเลือดบนเนื้อไก่ทิ้ง เขาก็ทำการล้างผักต่อทันที หยิบมันฝรั่งมากรีดให้เป็นรอยรอบๆ เอาใส่ลงน้ำแล้วต้ม มันเป็นวิธีปอกเปลือกมันฝรั่งให้ง่ายขึ้นจากการแนะนำของรองผู้จัดการร้านอาหารนั่นเอง ดูอีอยากลองทำมานานแล้ว
ต่อไปก็คือแครอท เห็ดหอม พริกเม็ดโต พวกหัวหอมและหอมใหญ่ ดูอีหั่นพวกมันแล้วดันไปกองพักไว้อีกด้าน จากนั้นก็หยิบมันฝรั่งที่เริ่มเดือดออกมาลอกเปลือกทิ้ง และขั้นตอนต่อมาคือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอย่างการทำซอส… รองผู้จัดการร้านเคยทำไว้แบบไหนนะ…
ดูอีนึกถึงรสชาติจิมทักที่กินครั้งล่าสุดในหัว ก่อนจะใส่ซีอิ๊วกับน้ำตาล ผงปรุงรสและขิงลงไป จำได้ว่ามีกระเทียมกรอบแล้วก็หอมกรอบด้วย
เขาย้ายเนื้อไก่ที่เริ่มสุกมาไว้บริเวณเดียวกับซอสปรุงรส ตามด้วยใส่วัตถุดิบจำพวกมีลักษณะแข็งๆ ลงไปก่อน ตามด้วยพวกที่ไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่นัก เอ๊ะ จะลืมใส่เส้นไม่ได้! ดูอีหยิบเส้นหนาเหนียวนุ่มขึ้นมาจากน้ำเพราะแช่เตรียมไว้แล้ว ก่อนจะเอามันไปวางไว้ด้านบนสุดของหม้อ
พอทุกอย่างในหม้อสุกกว่านี้อีกนิดนึงก็ใส่หัวหอมกับพริกลงไป จากนั้นก็เป็นอันเรียบร้อย ดูอีใช้จังหวะที่จิมทักยังไม่สุกเปลี่ยนไปหุงข้าว แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะข้าวหมดเกลี้ยงหม้อเลย จำได้ว่ามีข้าวเหลืออยู่นิดหน่อยก่อนออกไปมหาวิทยาลัยนี่นา เขาจำผิดงั้นเหรอ… อืม สงสัยจำผิดจริงๆ
ตอนนี้กลิ่นหอมน่ากินอบอวลทั่วทั้งห้อง ดูอีรู้สึกดีมาก เขาชอบทำอาหาร แต่ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่หลังย้ายออกจากบ้านมาอยู่ลำพัง อมยิ้มน้อยๆ และตั้งใจหันหลังกลับมาเพื่อจัดกระเป๋า แต่ดันเห็นว่าคนที่นึกว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่ นั่งจ้องเขามาก่อนแล้ว ไม่สิ จริงๆ คืออีกฝ่ายจ้องเขม็งไปทางหม้อจิมทักต่างหาก
“จะขุนให้อ้วนตายหรือไง”
“…?”
คนตัวเล็กทำหน้าไม่เข้าใจกับคำพูดหาเรื่องของยอน แต่ร่างสูงก็แค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อเหมือนเดิม เขาไม่ใช่คนกินข้าวเก่ง ปกติถ้าหากไม่ได้มีนัดหรือกินเลี้ยงของบริษัท หรือไม่ได้โดนสั่งให้กินแล้วเถียงไม่ออกเวลาถึงงานพบปะครอบครัว วันรวมญาติต่างๆ ยอนก็แทบจะไม่กินข้าว หากฝ่ายตรงข้ามไม่เอามาป้อนถึงปาก สองมื้อต่อวันก็ถือว่าเยอะมากแล้ว
ยิ่งตอนเช้าๆ เดิมทีมีแค่แซนด์วิชกับกาแฟเป็นอาหารหลักเท่านั้น แน่นอนว่าที่ตอนนี้เขากินเยอะก็เป็นเพราะตอนป่วยแทบจะอดอยากจนไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เป็นประเภทกินข้าวเช้าแล้วต่อด้วยข้าวกลางวันทันทีอยู่ดี
ทว่ามันก็น่าแปลก เพราะเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาหารฝีมือของเด็กนั่น ถึงทำให้เขากินไม่หยุดจนกระทั่งหมดถ้วยได้ มันน่าอายกับการพูดถึงก็จริง แต่หลังจากดูอีออกไปมหาวิทยาลัย ยอนก็แอบกินข้าวคลุกเคล้ากับแกงเต้าเจี้ยวเข้าไปอีกถ้วยเต็มๆ แล้วพอได้กลิ่นหอมๆ จากอาหารที่อีกฝ่ายทำ ท้องก็เริ่มร้องประท้วงอยากกินอีกแล้ว
ไอ้หนูนี่คิดจะขุนให้เราอ้วนฉุแน่นอน
ยอนคิดพร้อมๆ กับรู้สึกเปรี้ยวปากอยากกินจิมทักในหม้อนั้นไปด้วย
ดูอีเอียงคอมองหน้ายอนด้วยสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจพูดอีกฝ่ายเลย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ออกจากเสื้อคลุมคณะ เนื่องจากตอนเช้าคนตัวเล็กมัวแต่ทำเรื่องประหลาดๆ ยอนถึงเพิ่งมาสังเกตเห็นโลโก้และสีอันคุ้นตาเอาซะตอนนี้
“อย่าบอกนะว่านายอยู่คณะบริหาร มหา’ลัยเอ”
“คะ… ครับ”
“ไอ้หนู ดูท่าจะหัวดีนี่นา”
แถวนี้ก็ใกล้มหาวิทยาลัยด้วยสินะ ยอนหัวเราะยียวนเมื่อเห็นโลโก้เคยคุ้นในรอบหลายปี แต่ดูอีกลับยิ่งดึงหมวกปิดหน้ากว่าเดิมเพื่อปกปิดหน้าตัวเอง เพราะเขาไม่ใช่เด็กหัวดีอย่างที่คนตรงหน้าพูด จากนั้นก็รีบเก็บเสื้อคลุมของคณะเข้าตู้เสื้อผ้า
“รหัส XX เหรอ ได้เจอรุ่นน้องด้วยแฮะ ฉันรหัส XU น่ะ”
ร่างสูงหัวเราะคิกคัก แล้วไปแอบเห็นรหัสนักศึกษาของเราตอนไหนนะ… แต่เจ้าของห้องก้มหน้างุดเพราะเริ่มอายจริงๆ แล้ว
“อ๋อ…ครับ งะ งั้น…อายุ…”
“สามสิบสอง”
ดูอีพยักหน้ารับแม้จะตกใจกับตัวเลขที่มากเกินคาดการณ์ สงสัยเพราะอีกฝ่ายทำผมสีสว่างด้วย ตอนแรกนึกว่าคงอายุสักยี่สิบปลายๆ เท่ากับตัวเอง
“เป็นอะไร ตกใจเพราะแก่กว่าที่คิดเหรอ พอดีฉันหน้าเด็กอะนะ”
แล้วก็ต้องพยักหน้าให้ความโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจของยอน ก่อนจะเปลี่ยนความสนใจไปยังจิมทักที่เริ่มสุกจนเข้าที่
เด็กบริหารมหา’ลัยเองั้นเรอะ นึกว่าเป็นเบ๊ทึ่มๆ มาตลอด แต่ดันเป็นเบ๊แสนฉลาดซะงั้น มันยังไงกันแน่เนี่ย
ยอนได้แต่คิดว่าตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับเรื่องแปลกทุกรูปแบบแล้วเรียบร้อยแล้ว
ดูอีทำจิมทักสำเร็จลุล่วงจริงๆ ซอสรสชาติอร่อยกำลังพอดี เข้าที่คลุกเคล้ากับเนื้อไก่จนสามารถกินได้ไม่มีเบื่อ ยอนกินข้าวถ้วยใหญ่พลางบ่นพึมว่าเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้
คอมเมนต์