ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 3-3

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 3-3 การพบเจอ (3)

หลังจากกินข้าวและล้างจานจนเสร็จเรียบร้อย ดูอีก็เดินมานั่งตรงหน้าโต๊ะเพื่อเริ่มอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับการสอบกลางภาคสัปดาห์หน้า
เขามีเรียนสองวิชาในวันจันทร์กับพุธ แต่หนึ่งในนั้นเป็นวิชาเสรีที่มีเรียนช่วงเย็น ส่วนวิชาตอนกลางวันของวันพุธไม่มีการสอบกลางภาค ดังนั้น จึงมีสอบวิชาของคณะในวันจันทร์ตอนเช้ากับตอนเย็น วันพฤหัสบดีตอนกลางวันและวันศุกร์เช้า วันอังคารดูอีไม่มีเรียน จริงๆ ถ้าวันพุธมีสอบก็คงจะดี แต่นั่นก็เป็นแค่ความหวังของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันอาทิตย์ก็คงต้องอ่านวิชาของวันจันทร์ก่อน ส่วนวันจันทร์ อังคาร พุธค่อยอ่านเตรียมสอบวิชาของวันพฤหัสบดีและวันศุกร์อีกที ดูอีเปิดหนังสือพลางพยักหน้าให้กับแผนการสุดเพอร์เฟ็กของตัวเอง
“โอ๊ะ อย่าบอกนะว่าวิชาของอาจารย์ชาคยองมินน่ะ”
“อ๊ากกก!”
คนตัวเล็กร้องลั่นเพราะตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นมาข้างตัวอย่างกะทันหันจนแทบหงายหลังล้ม และคงได้หงายลงไปจริงๆ ถ้าหากไม่คว้าโต๊ะไว้ได้ตามสัญชาตญาณ คนโพล่งถามขึ้นมาแบบไม่ให้สุ้มเสียงเลยบ่นว่าดูอีเป็นพวกอ่อนแอ
“ตกลงว่าวิชาอาจารย์ชาคยองมินใช่ไหม”
เพราะตกใจจนลืมตอบคำถามของยอน เจ้าของคำถามจึงต้องถามย้ำใหม่อีกรอบ ปกติแล้วจากนิสัยของยอน ถ้าเกิดฝ่ายตรงข้ามร้องเสียงดังขึ้นมาขนาดนี้ คงได้ปา [Howl’s Moving Castle] เล่มหนึ่งในมือใส่แล้ว แต่ตอนนี้คงคิดได้ว่าตัวเองมาขออาศัยอยู่ล่ะมั้ง คนนิสัยเหลี่ยมๆ ทื่อๆ คงจะเริ่มปรับตัวเป็นวงกลมมนๆ ขึ้นได้บ้างแล้ว
“คะ…ครับ ชะ ใช่ครับ”
“เวลาสอนยังชอบเล่าเรื่องเส้นสายตัวเองอยู่ไหม”
“บ้าง…บ้างครับ”
“เหอะ”
หลังจากฟังคำตอบตะกุกตะกักจากดูอี ยอนก็พลิกหน้ากระดาษของหนังสือที่เพิ่งผ่านการตากแห้งหลังจากเปียกฝนไปมาเพื่อกวาดตาดูเนื้อหา ไล่อ่านจากส่วนที่มีตัวหนังสือเขียนโน้ตไว้อย่างเรียบร้อยอ่านง่าย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
“สอบถึงตรงนี้เหรอ”
“คะ…ครับ”
“ไม่เปลี่ยนเลยนะท่านอาจารย์ หึ แก่แล้วแก่เลยจริงๆ”
ก่นด่าอาจารย์คล้ายไม่ชอบใจฝ่ายนั้นมาตั้งแต่แรก ยอนนึกย้อนถึงสมัยเรียน ตอนอาจารย์หาจังหวะดีๆ แล้วเอาเรื่องตัวเขาไปกระแนะกระแหนทุกครั้งแล้วก็ได้แต่ทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ คิดถึงตอนโดนเสียดสีเกี่ยวกับเรื่องฐานะทุกครั้งเวลาเข้าเรียน ก็ยังหงุดหงิดไม่หาย
“อาจารย์คนนี้ชอบออกวนๆ แต่เรื่องวิเคราะห์การเงินอย่างเดียว ส่วนข้อเขียนเหมือนจะมีห้าข้อมั้ง ออกแค่พวกเนื้อหาไม่จำเป็นในหนังสือเท่านั้นแหละ แพทเทิร์นข้อสอบเหมือนเดิมทุกปี จริงๆ น่าจะมีพวกโน้ตแนวข้อสอบไม่ใช่เหรอ”
“…ฮะ?”
โน้ตแนวข้อสอบเหรอ เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ… ดูอีจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกใจ ไอ้เด็กนี่ไม่รู้เรื่องนี้งั้นเรอะ ยอนเดาะลิ้นอย่างขัดใจ
“ไม่มีรุ่นพี่ที่รู้จักหรือไง อ๋อ เออๆ รุ่นพี่คงเรียนจบไปหมดแล้ว จริงๆ เลย แล้วเพื่อนในรุ่น…เฮ้อ เอาเถอะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงไม่มีใครสนิทกับนายเพราะนิสัยน่ารำคาญแบบนี้แน่ๆ ก็เข้าใจได้”
จากนั้นก็ตบไหล่เหมือนปลอบใจหลังจากเพิ่งพูดจาทำร้ายจิตใจเต็มๆ อย่างไม่คิดจะเก็บไว้ในใจ ดูอีไม่เข้าใจสักอย่างเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ พอเอียงหน้ามอง ยอนก็ทำเสียงขึ้นจมูก
“ไหนๆ ไม่มีอะไรทำแล้ว เดี๋ยวฉันติวให้แล้วกัน”
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างกับข้อเสนอที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนจากคนตรงหน้า เบื่อถึงขนาดจะติวหนังสือให้เลยงั้นเหรอ เจ้าของห้องรู้สึกผิดเพราะในห้องตัวเองไม่มีอะไรให้ทำคลายความเบื่อเลย แต่ก็ขอบคุณกับความว่างของอีกฝ่ายด้วย เพราะจริงๆ แล้วเวลาในการเรียนวิชานี้มันน้อยมากจนเขากำลังเจอกับทางตัน
ยิ่งเพิ่งรู้ว่ามีโน้ตแนวข้อสอบเก่าของวิชาอาจารย์ชาคยองมินด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ดูอีเคยเข้าใจว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนเก่งมากจนอาจารย์ออกข้อสอบยาก ว่าแล้วเชียว…ทำไมตั้งใจทำข้อสอบแค่ไหน ก็ได้คะแนนไม่ดี
จากนั้นก็รู้สึกเศร้ากว่าเดิมอีกเพราะเข้าใจแล้วว่าวิธีอ่านหนังสือแบบจำทุกอย่างเข้าไปสอบ มันใช้การไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมาเพราะตั้งใจจะกล่าวขอบคุณฮายอน แต่จังหวะนั้นกลับรู้สึกว่าภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้นทันตา หมวกเขาโดนดึงออกจากศีรษะไปแล้ว
“ไอ้หนู จะมาอวดดีใส่หมวกต่อหน้าคนสูงส่งกว่า มันไม่ถูกต้อง เข้าใจไหม”
ภาพคนกวนอารมณ์สะบัดหมวกในมือไปมาชัดเจนจนทำให้หน้าดูอีขึ้นสีแดงจัด คงเพราะไม่เคยชินและภูมิต้านทานต่ำกับการสนทนาแบบตัวต่อตัว คนสูงส่งกว่างั้นเหรอ แล้วอยู่ๆ มาเปลี่ยนบุคลิกอะไรเอาตอนนี้อีกล่ะ ยอนหัวเราะชั่วร้ายเมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมความสงสัยของคนตัวเล็ก
“เรียกฉันว่าอาจารย์ซะ เจ้าสัตว์โลกแสนเซ่อ”
เขาพลาดจริงๆ นั่นแหละที่เก็บคนคนนี้เข้ามาอยู่ด้วย

* * *

ดูอีบิดขี้เกียจแล้วหาวตามหวอดใหญ่ ตัวสั่นไปหมดเพราะอากาศเย็นๆ ของช่วงเช้ามืด จึงยิ่งเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วกว่าเดิม ถึงวันนี้จะเป็นศุกร์สุดหรรษา แต่ถนนเส้นมหาวิทยาลัยก็ไม่คึกคัก ร้านเหล้ามีคนเข้าไม่เยอะเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ต้องขอบคุณเพราะมันทำให้เขาทำงานพิเศษไม่หนัก และกลับบ้านโดยมีความเหนื่อยล้าน้อยกว่าปกติ
สุดท้ายเขาก็โดนยอนเคี่ยวเข็ญ พร่ำบ่นจู้จี้ไม่หยุดในการติวเนื้อหาสอบ จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบ่นชัดเจนจากการฟังคำว่าซื่อบื้อมาห้าสิบสองครั้ง ไหนจะยังมีคำว่าเจ้าทึ่มอีกหนึ่งร้อยเจ็ดครั้ง ดูอีพยายามจะสลัดมันออกจากโสตประสาท
แต่ถึงจะโดนบ่นหนักขนาดนั้น เขาก็คิดว่ามีส่วนช่วยได้อยู่ไม่น้อย ร่างบางพยายามปลอบใจตัวเอง แต่ว่าก็ว่าเถอะ คนเราเรียนจบมาตั้งนานแล้ว จะยังจำได้แม่นขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายหัวดีหรือเป็นคนประหลาดเป็นพิเศษกันแน่
“ง่วงจัง”
อ้าปากหาวอีกรอบพร้อมพึมพำโดยไม่ได้พูดกุกกัก ดูอีพูดแบบไม่ติดขัดได้ถ้าหากรู้สึกว่าไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย แล้วอย่างไรต่อล่ะ… มันจะสำคัญอะไรกับการพูดจาเป็นปกติได้เวลาอยู่คนเดียว
คนตัวเล็กลากเท้าอันหนักแสนหนักจากความง่วง หลังถูกรบกวนจากผู้อาศัยที่ร่ำร้องหาแต่ของกินจนได้นอนแค่สองชั่วโมง ถึงร่างกายจะไม่ล้า แต่ก็รู้สึกว่าสมองเหนื่อยล้าจนแทบจะตายอยู่แล้ว
ไม่รู้เดินมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพได้อย่างไร แต่สุดท้ายดูอีก็พาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูจนได้ กดรหัสประตูพลางภาวนาให้เข้าห้องแล้วได้นอนหลับทันที เขาเคาะประตูก่อนจะเปิดมันเข้าไป แล้วก็แอบดีใจเมื่อเห็นว่าไฟปิดอยู่ เพราะคิดว่ายอนคงนอนหลับแล้ว
เขาปิดประตูอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวทำให้อีกฝ่ายตื่น ก่อนจะถอดรองเท้าแล้วค่อยๆ ย่องเข้าไปด้านใน ปลดเสื้อผ้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นใส่ชุดนอน ทีนี้เหลือแค่พับเสื้อผ้าใส่แล้วเก็บไว้อย่างดีในลิ้นชัก ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ
ทว่าผ้านวมสำหรับหน้าหนาวที่ใส่เครื่องซักผ้าแล้วซักแห้งไว้ตั้งแต่วันก่อนยังชื้นไม่หาย วันนี้คงไม่มีอะไรให้ห่มตอนนอนอีกแล้ว… แต่ก็ช่วยไม่ได้ ยังไงก็เปิดฮีตเตอร์ให้พื้นอุ่นเพราะยอนอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก คิดพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนโดยใช้แขนต่างหมอน จริงๆ เขาจะต้องอาบน้ำก่อน แต่ก็รู้สึกง่วงจนเกินไป อีกเดี๋ยวค่อยลุกไปอาบแล้วกัน อีกแป๊บนึง…
หลังจากยืดเวลาอาบน้ำช้าลงกับตัวเอง ไม่ถึงห้านาทีดูอีก็หลับสนิท และผ่านช่วงเวลานั้นไปพักใหญ่ ยอนก็ขยับยุกยิกใต้ผ้าห่ม ปรายตามองสภาพอีกคนแล้วพ่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูกด้วยสีหน้าชวนหมั่นไส้
“สั่นอย่างกับคนเป็นโรค…”
พึมพำแล้วพลิกตัวนอนลงอีกครั้ง ยุกยิกกระดิกตัวไปมาก่อนจะเข้าสู่ห้วงความฝัน

วันต่อมา
คนนอนน้อยมาต่อเนื่องติดกันหลายวันตัดสินใจแล้วว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่ในช่วงสุดสัปดาห์ เช้าวันหยุด ดูอีมักจะตื่นในช่วงสิบโมงเสมอ และวันนี้ก็ตั้งใจจะตื่นสายจึงยังนอนขดม้วนอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ หลับสบายอยู่ในความฝัน
แต่ก็ได้กลิ่นของร้านอาหารติดบนเสื้อผ้า หลังจากนั้นถึงรู้ตัวว่าไม่ได้อาบน้ำก่อนนอน ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะงีบสักพักแล้วค่อยอาบ พอนึกได้เขาก็สะดุ้งขึ้นมาจากผ้าห่มทันทีเหมือนโดนของร้อน
“…?!”
ตรงหน้าคือชุดเทรนนิ่งที่ให้ยอนยืมใส่ แล้วมันมาอยู่ตรงหน้าเขาได้ยังไงกัน แล้วทำไมเขาถึงได้นอนอยู่บนผ้าห่ม แล้วตรงหน้ามันคืออะไรกัน ดูอีมึนแทบตายเพราะใช้ความคิดหนักเกินทั้งๆ ที่ยังตื่นไม่เต็มตา อย่าบอกนะว่าเขาเผลอละเมอขยับมาตอนนอน เป็นไปไม่ได้ เราไม่ได้นอนดิ้นนะ
จากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง จนมึนงงหนักกว่าเดิมเพราะเพิ่งรู้สึกได้ว่าบนตัวมีแขนและขาของคนข้างๆ ทับอยู่อย่างละข้าง ร่างบางตัวสั่นงกๆ ดูจากนิสัยแล้วผู้ชายคนนี้คงไม่ปล่อยเขาไว้แน่
ดูอีจึงพยายามเอาตัวเองออกมาก่อนที่คนนอนหลับอยู่จะรู้สึกตัว แต่ยอนกลับพลิกขยับตัวจนกลายเป็นว่าแขนพาดมาล็อกเป้าหมายตรงลำคอแทน ส่งผลให้คนตื่นแล้วเริ่มเข้าสู่ความแพนิก แพนิกหนักมาก… เพราะถ้าหากหันไปด้านขวาเพียงนิดเดียว ก็จะโดนสันจมูกคมของอีกฝ่าย แย่แล้ว จะทำยังไงดี
กระวนกระวายอยู่สักพักแล้วก็คิดได้ว่าจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด ร่างบางเลยทำใจกล้าจับแขนที่พาดอยู่บนคอเพื่อดึงออกจากตัว พร้อมกับคิดว่ากำลังจะมองเห็นความสำเร็จรำไร ขยับออกทีละนิด… ทีละนิด
“เฮ้ย…แม่ง”
ทว่ายอนกลับละเมอสบถจนทำให้ดูอีหยุดขยับแล้วนอนนิ่งอีกครั้ง อะไรเนี่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน… ก่อนจะสิ้นหวังเพราะแขนหนักๆ กดลงมาบนคอยิ่งกว่าเดิมจากการละเมอก่อนหน้านี้
สุดท้าย ดูอีก็ต้องรอให้ยอนพลิกตัวไปอีกทางเองถึงจะออกมาจากผ้าห่มได้ ระหว่างนั้นก็เผลอหลับๆ ตื่นๆ ไปบ้าง แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เลย

คอมเมนต์

Chapter List