ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 4-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 4-1 ทำไมทำกับฉันแบบนี้ (1)

การสอบเสร็จสิ้นลงแล้ว
หลังจากนั้นก็คือมรสุมการสั่งรายงานจากอาจารย์ทุกๆ วิชาเหมือนรอคอยเวลานี้กันอยู่แล้ว นักศึกษาทั้งหลายก็ได้แต่ส่งเสียงถอนหายใจด้วยความสิ้นหวังกับปริมาณรายงาน ดูอีเองก็เช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้น
แต่ยิ่งกว่าเรื่องนั้น ก็คือมีงานกลุ่มที่หนักหนาเกินกว่าความสามารถของเขา มันคือเรื่องเลี่ยงไม่ได้สำหรับเด็กคณะบริหาร กลุ่มเขามีทั้งหมดห้าคน โชคดีที่มีฮันจองแทเป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย เพราะถึงจะไม่ค่อยสบายใจเวลาอยู่กับอีกฝ่าย แต่ก็ดีกว่าอยู่กับคนไม่เคยคุยกันเลยสักครั้ง อีกอย่างเขาก็มีเรื่องอยากจะถามจองแทด้วย
ทำไมถึงบอกขอบเขตข้อสอบผิด?
ตอนประชุมรวมสมาชิกในกลุ่มก่อนจะหมดคาบ ดูอีพยายามหาทางขยับปากถามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัยใครรู้ แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเพราะสายตาของคนอื่น
การสอบวิชาช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี ดูอีไม่ได้เข้าเรียนเมื่ออาทิตย์ก่อนเพราะต้องคอยดูแลอาการป่วยของยอน ไม่อยากคิดแบบนั้น แต่ก็รู้สึกว่าถูกจองแทหักหลัง ไม่รู้อีกฝ่ายมีเจตนาร้าย หรือเกิดจากความผิดพลาด แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ก็คือจองแทบอกข้อมูลไม่ถูกต้องให้เขา
“มีอะไรหรือเปล่าครับรุ่นพี่ มีเรื่องจะพูดเหรอ”
จองแทเอ่ยถามยิ้มๆ เพราะสังเกตได้ถึงสายตาของดูอี ขณะนั้นร่างบางนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งเพราะสายตาสี่คู่จดจ้องมาทางเขาคนเดียว ได้แต่นั่งเกร็งและตอบกลับว่าไม่มีอะไร บางทีจองแทคงจะจำผิดจริงๆ และถึงถามแบบนั้น มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดูอีไม่อยากสร้างเรื่องวุ่นวายไม่เข้าท่า
“เอาเป็นว่ากลุ่มเราหาข้อมูลเรื่องกลยุทธ์บริหารการตลาดของธุรกิจอาหาร ในเครือของเฮซเอสกรุ๊ปแล้วกัน”
จองแทพูดสรุปหัวข้อเมื่อไม่มีการเสนอแนะอย่างอื่นเพิ่มเติมจากเพื่อนในกลุ่มอีก เสียงพูดคุยจอแจและเก็บของลงกระเป๋าก็ดังขึ้นหลังจากนั้น
“หกโมงเย็นวันศุกร์ว่างกันไหมครับ”
“ฉันได้นะ”
“ฉันด้วย~”
“หกโมงเหรอ เวลาก้ำกึ่งอยู่นะ แต่ถ้าทุกคนโอเค ฉันก็ได้หมดแหละ”
“คือ…”
ดูอีอึกอักเพราะเขาเริ่มทำงานพิเศษตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไป และรู้สึกผิดหากจะขอหยุดงานในวันศุกร์ เพราะเวลานั้นสถานการณ์ภายในร้านค่อนข้างยุ่งกว่าทุกวัน
“ฉัน มี…งานพะ พิเศษ…ตั้งแต่ ตะ ตอนหกโมง…”
“แต่เสาร์อาทิตย์ฉันต้องกลับบ้าน มาไม่ได้เหมือนกัน…”
นักศึกษาหญิงผมดัดลอนดูนุ่มสลวยอ้าปากพูดขึ้น ส่วนมือและตาของเธอกำลังยุ่งอยู่กับการส่งข้อความแชท
“ฉันก็ไม่ค่อยอยากมาเสาร์อาทิตย์… งั้นวันศุกร์ตอนบ่ายสองล่ะ ทุกคนได้กันใช่ไหมครับ”
จองแทปิดงานด้วยการสรุปตามนั้นหลังไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คราวนี้นี้หัวหน้ากลุ่มคงหนีไม่พ้นจองแทเหมือนเดิม ดูอีลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะลุกขึ้นจากที่ประชุม
“รุ่นพี่นั่นดูนิสัยเสียอะ เห็นตอนฉันบอกว่าต้องกลับบ้านวันเสาร์อาทิตย์ป่ะ จ้องใหญ่เลย”
“โคตรน่ากลัว… ทำไมครั้งนี้ต้องซวยมาอยู่กลุ่มเดียวกับรุ่นพี่คนนี้ด้วย จริงๆ ได้อยู่กลุ่มเดียวกับรุ่นพี่จองแทก็ดีใจอยู่หรอก”
เจ้าของชื่อกดยิ้มลึกกับบทสนทนากึ่งนินทาของสองสาวที่ตัวเองฟังแต่ทำเป็นไม่ได้ยิน นัยน์ตาคมมองตามแผ่นหลังแสนเงียบเหงาของคนที่เดินเลี่ยงไปอีกทาง
ดูอีใช้ชีวิตไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ จะมีก็แค่รายงานเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นมา เขาทำงานพิเศษตามปกติแล้วใช้ช่วงเวลาว่างจากลูกค้ามาเติมพลังให้หายง่วงด้วยการแอบงีบตรงซอกร้าน พอเข้าห้องก็ลงมือทำรายงานของวิชาคณะ
แทบไม่ได้นึกถึงยอนเพราะมัวยุ่งกับงานของตัวเอง วันศุกร์หลังจากเรียนคลาสตอนเช้าเสร็จ ร่างบางก็ไปอ่านหนังสือในห้องสมุดต่อ เมื่อถึงเวลาบ่ายสองก็เดินไปยังสถานที่นัดพบสำหรับการทำงานกลุ่ม ทว่าก็ได้แต่กะพริบตางงๆ เมื่อพบว่ามีจองแทอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว
“อ้าว มาเร็วจังครับรุ่นพี่ มีรีบอกว่าจะถึงแล้วครับ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ตอบ…”
“อะ อ๋อ…อือ…”
ดูอีตอบอย่างเลื่อนลอยแล้วเลือกนั่งลงฝั่งตรงข้าม เก้าอี้ของคาเฟ่กว้างขวางในคณะค่อนข้างร้อนทีเดียว คงเป็นเพราะโดนแสงแดดจัดๆ สาดส่องตลอด เขานั่งลงพร้อมความรู้สึกแสบร้อนผิว จากนั้นก็หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ยังไงเราสามคนก็ช่วยกันหา แล้วก็รวบรวมข้อมูลอยู่แล้ว ส่วนพรีเซนต์ก็เป็นหน้าที่มินฮยอก พาวเวอร์พอยท์ เชรีก็เป็นคนเตรียม… พี่โอเคใช่ไหมครับ”
“ก็… ก็โอ…เค…แหละ”
ระหว่างตอบก็ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเช็กเพราะมันสั่น สงสัยคนที่บ้านล่ะมั้ง… และเอาเข้าจริงๆ ตั้งแต่มีเรื่องเมื่อคราวนั้น เขาทำใจคิดแง่ดีไม่ได้เวลาต้องอยู่กับจองแทตามลำพัง
[เฮ้ย]
ใครกัน
ไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์นี้เอาไว้ แล้วเนื้อหาของข้อความก็มีแค่เท่านั้น หรือว่าจะส่งผิดเบอร์กันนะ ดูอีคิดว่าคงเป็นการส่งผิดมากกว่า เพราะบางทีก็มีสายโทรเข้ามาแกล้ง หรือพวกสายจากที่แปลกๆ อยู่บ้างเหมือนกัน เขาปิดโทรศัพท์ลงอีกครั้ง แต่มันก็สั่นขึ้นมาอีกรอบ
[อ่านไม่ตอบหรือไง]
ทำไมหาเรื่องอีกแล้ว ได้แต่คิดว่าโลกนี้ช่างมีคนว่างงานเยอะจริงๆ แต่เดี๋ยวนะ… ส่งข้อความมาทักขนาดนี้ หรือว่าเขาจะลืมบันทึกเบอร์ไว้ ทั้งๆ ที่เป็นคนรู้จักจริงๆ ดูอีเริ่มพิมพ์ช้าๆ เพราะแอบคิดว่าอาจจะเป็นคนรู้จักของตัวเอง
[ใครครับ]
“อ๊ะ พี่คะ ขอโทษนะคะที่มาช้า…จะร้อง”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกมีรี… คนอื่นๆ ยังติดต่อไม่ได้เลย… ฉันสิต้องร้อง”
จองแทเอ่ยทักเด็กสาวที่เพิ่งมาถึงด้วยการทำมือเป็นท่าน้ำตาไหล มันคือท่าทางการทักทายอย่างหนึ่งงั้นเหรอ ดูอีไม่อยากทำตามเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าคงไม่ผิดจากที่ตัวเองคาด นักศึกษาหญิงคนนั้นสบตากับเขาอย่างหวาดๆ ก่อนจะเลี่ยงไปนั่งฝั่งจองแท
สมาชิกในกลุ่มคนอื่นดูท่าจะไม่มาแล้ว จองแทจึงตัดสินใจเริ่มต้นจับทางของหัวข้อแล้วหาประเด็นสำหรับการอภิปรายในห้องเรียน พวกเขาหาตัวอย่างตั้งแต่การตลาดช่วงแรก ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ช่วงล่าสุดจากข้อมูลการตลาดของบริษัทกลุ่มอาหารในเครือเฮซเอสกรุ๊ป รวมถึงการจับเรื่องนั้นมาเป็นวิเคราะห์ว่าส่งผลกระทบสะท้อนสังคมอย่างไรบ้าง นั่นคือประเด็นใหญ่ๆ สำหรับรายงานฉบับนี้
“ผมมีตัวอย่างที่คิดไว้แล้ว อันนี้เป็นยังไงครับ”
คนเอาโน้ตบุ๊กมาด้วยอย่างจองแทยกมันขึ้นมาโชว์หน้าจอ ซึ่งมีตัวอย่างเทรนด์การบริหารงานล่าสุดของเฮซเอสกรุ๊ปแสดงอยู่ หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มทำท่าทีเห็นด้วยจนเกินความเป็นจริง ส่วนดูอีก็พยักหน้าเบาๆ เพราะจากการไล่อ่านเนื้อหาคร่าวๆ แล้วก็ถือว่าไม่แย่เท่าไหร่ ตามด้วยกดตัดสายเบอร์ไม่รู้จักที่ยังโทรเข้ามาไม่ยอมหยุด
“สายสำคัญหรือเปล่าครับ เห็นโทรเข้ามาสักพักแล้ว รับเถอะครับ”
“เอ่อ… ระ เรื่อง…นั้น”
จองแทเสนอด้วยรอยยิ้มๆ ถ้าหากเป็นคนรู้จัก อาจเป็นธุระสำคัญจริงๆ แถมยังลงท้ายว่าบางทีคนในครอบครัวอาจจะประสบอุบัติเหตุเลยโทรมาหาก็ได้ แม้ความเป็นไปได้จะแทบเป็นศูนย์ แต่ดูอีก็กดรับสายเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาจับจ้องจากจองแท
– เฮ้ย ไอ้เด็กเวรนี่! กล้าตัดสายฉันแปดครั้งติดเลยเหรอ! อยากตายหรือไง! คิดจะเหิมเกริมเหรอ ฮะ!!?
“อ๊ะ”
เสียงดังสนั่นจากปลายสายทำเอาดูอีตกใจจนต้องยกโทรศัพท์ให้ห่างจากหู นิสัยร้ายกาจอันคุ้นเคยแบบนี้ บนโลกนี้เขาก็รู้จักอยู่คนเดียวเท่านั้น
-ไอ้ลูกหมา ไอ้ที่ถามว่าใครครับนี่ถามใครวะ สมองมีแต่ขี้เลื่อยเหรอ ผ่านไปแค่นี้ ลืมฉันไปแล้วหรือไง
แม้จะเวลาผ่านไปสักพักแล้ว แต่ดูท่าปลายสายยังไม่หายเคือง คนตัวเล็กเอาโทรศัพท์มาแนบหูเพื่อฟังอีกรอบ ทว่าสิ่งที่ได้ยินคือการโดนตำหนิเรื่องที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่าย
“คุณ…คุณยอน?”
-จะคุณหรืออะไรก็เถอะ เออฉันเอง ฮายอน
“แล้ว… ทะ โทร…มา มีอะ…”
-ไอ้หนู ถ้าฉันไม่มีธุระ คือจะวางเลยงั้นสิ
“ปะ…เปล่าครับ คือ…
-ฉันไม่ได้อยากฟังคำปฏิเสธอึกอักของนาย นี่ ตอนนี้ว่างไหม
“หา?”
-หูแตกเหรอ ตกลงว่าว่างไหม
“เอ่อ… ระ เรื่อง…นั้น มัน…”
ดูอีเหลือบมองอีกสมาชิกในกลุ่มอีกสองคนที่ยังประชุมกันไม่หยุด แม้เขาจะคุยโทรศัพท์อยู่
“ผม…กะ กำลัง…ทำ งานกลุ่มครับ… ปะ ประชุม…กันอยู่
-เลือกมา จะตอบว่าได้ หรือว่าง
“ดะ เดี๋ยว…คือ…
-ไอ้เด็กน่าหงุดหงิดนี่ งานกลุ่มเวรอะไร ทำไมต้องรวมตัวกันถึงทำได้…
เขาขมุบขมิบปากพูดว่า ถ้าไม่ประชุมกัน แล้วจะทำงานกลุ่มได้ยังไงล่ะครับ เพราะเกรงว่าถ้าหากตอบแบบนี้เข้าจริงๆ แล้ว คงโดนด่ากลับมา ก็เลยตอบคำถามตรงตามประเด็นที่อีกฝ่ายอยากรู้
“คือ..หะ หาข้อมูล…เรื่อง กะ การบริหาร…การตลาด ของ ของบริษัทอาหาร…นะ ในเครือเฮซเอสกรุ๊ป…”
-เด็กเวรพวกนี้จะหาข้อมูลบริษัทฉันไปทำไม ไม่คิดว่าฉันจะมีเรื่องส่วนตัวบ้างเหรอ
เสียงหัวเราะคิกคักดังไล่ตามประโยคก่อนหน้าคล้ายกำลังพูดเรื่องตลกขบขัน ว่าแต่… บริษัทฉันงั้นเหรอ ดูอีเลยย้อนถามเพื่อคลายความสงสัย
“คะ…คือทำงาน…อยู่ ฮะ เฮซเอส งะ…งั้นเหรอครับ”
-ทำงานอะไรล่ะ ฉันเป็นผู้บริหารบริษัทธุรกิจอาหารในเครือเฮซเอสกรุ๊ปต่างหาก
‘อีกอย่างพ่อฉันเป็นประธานเฮซเอสกรุ๊ป ส่วนคุณปู่คือผู้ก่อตั้ง’ ร่างบางถึงขึ้นไอจนสำลักเมื่อได้รับฟังคำอธิบายจนแจ่มแจ้งจากยอน ผะ…ผู้บริหาร?! รู้อยู่ว่าอีกฝ่ายคงเป็นพวกคุณชายไม่เคยสัมผัสโลกความเป็นจริง แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นบุคคลระดับนี้ ดูอีไอโขลกๆ ไม่หยุด ยอนเลยหัวเราะก๊ากแล้วพูดต่อ
-ไอ้หนู ตกใจหรือไง เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังเอง ไม่ต้องไปนั่งหาข้อมูลลับหลัง มาเจอฉันนี่ ตอนนี้ฉันอยู่หน้ามหา’ลัยเอ แล้วถ้านายไม่มาขึ้นรถภายในหนึ่งนาที คนอื่นจะเจอตัวนายอีกทีกลางแม่น้ำฮันแน่!
ติ๊ด

คอมเมนต์

Chapter List