ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 4-2

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 4-2 ทำไมทำกับฉันแบบนี้ (1)
MOKA
ยอนวางสายเมื่อพูดธุระกับความต้องการของตัวเองจบ ดูอีปวดประสาทขึ้นมาทันทีหลังจากเพิ่งจับทางได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ใช่เรื่องแย่กับการรับสายคนที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระยะหนึ่ง ทว่าฝ่ายตรงข้ามดันเก่งในเรื่องปั่นประสาทคนอื่นมากจริงๆ
“ฉัน มี…มีเรื่องด่วน น่ะ…คะ คง…คงจะ…ต้องไป ก่อน ขอ…ขอโทษนะ”
ดูอีคว้ากระเป๋าที่ตัวเองวางไว้ส่งๆ แล้วรีบวิ่งออกมา จนสองคนที่เหลือได้แต่มองรุ่นพี่ที่วิ่งห่างไปเรื่อยๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
จองแทกำลังจะเอ่ยตอบรับคนรีบร้อน แต่มันก็ช้าเกินไป เพราะอีกฝ่ายสับเท้าออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็วจนไม่ทันจะอ้าปากพูดด้วย ดูอียอมโดนเพื่อนในกลุ่มด่าดีกว่าต้องถูกยอนสับเละในครั้งเดียว
“ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ…”
จองแทพูดในแง่ดีพลางไหวไหล่ และนั่นทำให้ข่าวลือด้านเสียหายของดูอีเพิ่มมากขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง
ถึงจะพยายามวิ่งหน้าตั้งมากขนาดไหน สุดท้ายก็ใช้เวลาเกินหนึ่งนาทีอยู่ดี ดูอีคิดว่ายอนคงยอมอภัยให้กันได้ เขาหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ยังฝืนวิ่งจนมาถึงเฮือกสุดท้ายและในที่สุดก็มาอยู่หน้ามหาวิทยาลัย
ประตูมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว ดูอีจำได้ว่าเคยเจอกับผู้ชายเย่อหยิ่งที่ตอนนี้กำลังยืนสูบบุหรี่พิงรถปอร์เช่ เก้าเก้าหนึ่ง จีทีสามอาร์เอส ปีสองพัน รุ่นลิมิเต็ดสีแดงสดเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน เขาค่อยๆ ลากเท้าพาร่างตัวเองเดินเข้าไปใกล้เจ้าของรถทั้งๆ ที่ยังไม่หายหอบ
“ช้าไปห้านาที ยี่สิบสามวินาที นายต้องตายห้ารอบด้วยซ้ำ แต่ฉันจะยอมให้เหลือแค่ห้ารอบแล้วกัน ฉันมันคนใจดีมีเมตตา”
ตายห้ารอบ ยอมให้เหลือแค่ห้ารอบ? มันเป็นการเชื่อมโยงด้วยความคิดแบบไหนกัน ดูอีถอดหมวกแก๊ปออกแล้วใช้หลังมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จัดผมให้เข้าที่ก่อนจะสวมหมวกกลับอีกครั้ง
เมื่อครู่มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งก็เลยไม่รู้สึกตัว แต่เขากำลังถูกสายตามากมายจ้องมองมาจากทั่วทุกสารทิศ ร่างบางจึงกดหมวกต่ำลงให้ปิดหน้ายิ่งกว่าเดิมเพื่อเลี่ยงสายตาของผู้คนเหล่านั้น
“แล้ว…มี…ธุระ…”
“ไม่ต้องถาม ขึ้นรถ”
ฮายอนยังคงเอาตัวเองเป็นใหญ่และทำทุกอย่างตามใจตัวเองเหมือนเดิม เจ้าของรถโยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าเหยียบ ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งฝั่งคนขับแล้วปิดประตูเสียงดัง เอายังไงดีล่ะ ดูอีล่อกแลกอยู่สักพัก แต่ก็ลงท้ายด้วยการเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วนั่งลงข้างๆ ยอน
“คาดเข็มขัดด้วย”
อีกฝ่ายสั่งเสียงเย็นชาระหว่างสตาร์ทรถ เขากำลังทำตาปริบๆ พลางสำรวจด้านในของสปอร์ตคาร์คันหรู แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนสั่งอย่างกะทันหัน และหลังจากคาดเข็มขัดตามคำสั่งแต่โดยดี รถยนต์ก็กระชากเคลื่อนตัวออกจากจุดเดิมทันที
ดูอีรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนลักพาตัว

* * *

การถูกบุกเข้ามาหาอย่างน่าตกใจแบบนี้ สำหรับยอนแล้วมันไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเลยสักนิด
หลังจากคุณชายรองนิสัยขี้เหยียดและไร้มารยาท บวกกับชอบใช้ความรุนแรงอย่างเอาแต่ใจ หายตัวจากบ้านไร้ร่องรอยถึงหกวัน วันนี้เป็นวันที่สามที่อีกฝ่ายเพิ่งกลับมาบ้าน
“ไม่อร่อย”
“คะ?”
ยอนพูดอย่างเสียอารมณ์พลางโยนช้อนทิ้ง หลังจากชิมรสชาติอาหารจากแม่ครัวของบ้าน ช้อนสีเงินหล่นกระแทกโต๊ะจนเกิดเสียงดัง หญิงวัยกลางคนเริ่มลนลานถามเมื่ออยู่ๆ คนทานอาหารตามปกติอย่างคุณชายรอง กลับมีปฏิกิริยาแบบนี้ขึ้นมาอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว แต่ยอนก็อารมณ์เสียจนหงุดหงิดไปแล้ว
“ป้าหมดสัญญาเดือนนี้ใช่ไหม เดี๋ยวผมให้เงินเดือนนี้ล่วงหน้า แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ”
“คะ? คุณ…คุณชายคะ… แต่ว่า…”
“ป้ารู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบพูดซ้ำสอง”
“…”
เขาไล่แม่ครัวที่เพิ่งเข้ามาทำงานช่วงนี้และทำอาหารไม่ถูกใจออกซะอย่างนั้น ยอนขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร
“เอาขยะพวกนี้ไปทิ้ง”
และคนที่ยอนออกคำสั่งก็ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคนจัดแจงอาหารมื้อนี้นั่นเอง แม่ครัวรู้สึกเคืองโกรธ แต่ก็ทำได้แค่เก็บเอาไว้ในใจ เอ่ยตอบรับอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก
จากนั้นยอนลากสลิปเปอร์เดินออกมา โดยไม่สนใจอาการของแม่ครัวที่โดนไล่ออกเลย เขาตรงเข้าห้องนอนแล้วทิ้งตัวนอนบนเตียง นอนนิ่งๆ อยู่พักใหญ่ถึงได้ลุกขึ้นมายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก เขาก็ยังคงเป็นฮายอนคนเดิม ผู้ชายที่ชอบเหยียดหยามคนอื่น มีนิสัยไร้มารยาทเข้าขั้นรุนแรง
กลางห้องมีเตียงนอนหลังใหญ่ ลิ้นชักและเฟอร์นิเจอร์อีกหลายอย่าง โทรทัศน์และโซฟาจัดตั้งเข้าชุดกันอย่างดี พรมชั้นเยี่ยมปูบนพื้นด้านล่างเตียง ภายในประดับด้วยเครื่องใช้หลายอย่างครบครัน ดูอย่างไรก็กว้างกว่าห้องพักของดูอี ห้องน้ำเขายังใหญ่กว่าห้องอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่นั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างดูว่างเปล่ากว่าเดิม
“เวรเอ๊ย”
รู้สึกเหมือนอยากจะเป็นบ้า ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแยะ แถมยังแย่มากจนพานกินข้าวไม่อร่อยอีก ตอนอยู่บ้านเด็กนั่นเขากินได้กินดี แต่ทันทีที่กลับมาอยู่บ้านตัวเองก็กลายสภาพเป็นแบบนี้ ทำไมกัน… ไม่เข้าใจเลย
ยอนปิดเปลือกตาลงคล้ายจะนอนหลับแม้ยังเป็นแค่ช่วงเย็นเท่านั้น เขาโดนพี่ชายต่างแม่แย่งหนึ่งในบริษัทลูกไป ดังนั้น ที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือธุรกิจอาหารและโรงแรม กับพวกธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นเท่านั้น ไอ้พี่เวรนั่น จ้องจะกลืนทุกอย่างไปเป็นของมันอยู่เรื่อยๆ
ทั้งหมดก็เป็นเพราะพ่อไม่ได้เรื่อง ยัยผู้หญิงนั่นกับลูกชายของมันดีขนาดไหนกันเชียว ถึงต้องทำขนาดนี้กับลูกเมียหลวงที่ตายจากกันไปแล้วแบบนี้ ยอนไม่เข้าใจผู้เป็นบิดาเลย รักบ้าบออะไร ทำทั้งหมดไปเพราะรักงั้นเหรอ ได้แต่หัวเราะเยาะเย้ยหยันกับคำพูดพวกนั้น
อยู่ๆ ก็นึกถึงภาพตอนดูอีขยับเงยหน้าขึ้นมองกันและใช้มือยันตัวขึ้นจากการล้มทับเขา และนั่นทำให้ยอนยิ่งหงุดหงิดจนต้องใช้เท้าเตะหมอนแรงๆ
อาการฮิสทีเรีย[1]ของเขายังไม่บรรเทาลงแม้เวลาผ่านมานานแล้ว หลายครั้งกับการยับยั้งความต้องการไม่ได้จนเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น แต่มันก็ดีขึ้นกว่าตอนนี้ ไม่ได้แย่ยิ่งกว่าเดิม บ้านที่ไม่มีคนในครอบครัวเข้ามาอยู่นานแล้วเข้าใกล้คำว่าเยียบเย็นขึ้นทุกที บ้านของคนที่รู้จักแค่วิธีทำเละเทะ ไม่รู้จักวิธีทำให้มันสะอาด ยิ่งไม่เข้าที่เข้าทางขึ้นทุกวัน
ความหงุดหงิดพุ่งถึงจุดสูงสุดจนทำให้สามีของลูกหลงคนเล็กของคุณปู่ ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่ายอนเพียงสามปีอย่างหัวหน้าฝ่ายคิมต้องคอยเข้ามาห้ามปราม
“ตกลงว่ามีปัญหาอะไรครับ”
“ไม่มี”
“ถ้าไม่มีแล้วทำไมคุณถึงแบบนี้ล่ะครับ อยากถูกแย่งธุรกิจอาหารที่ยังเหลืออยู่ไปอีกเหรอ ทำไมถึงทำตัวแย่ๆ ใส่พนักงานในปกครอง”
“ไม่ได้ทำ อยากตายหรือไง หัวหน้าคิมมีสิทธิ์อะไรมาบ่นฉันเนี่ย”
“ผมเป็นห่วงก็เลยต้องมาพูดครับ ช่วงนี้คุณไม่ค่อยทานอาหารด้วยนี่นา”
“นายไม่ต้องยุ่ง ถ้าไม่หุบปาก ฉันโยนไอ้นี่อัดใส่หัวนายแน่”
ยอนพูดพร้อมกับหยิบป้ายเขียนชื่อประธานบริหารฮายอนขึ้นมาถือ หัวหน้าคิมจึงก้าวถอยหลังด้วยความขยาดกลัว ก่อนจะพยายามเอ่ยปาก
“คือ…”
คุณคือคนในฝันของผม คนในแบบที่ผมชอบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใช่ ความรู้สึกมันบอกว่าตรงใจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คุณคือคนในฝันของผม ผมอยากครอบครองคุณเอาไว้ ผมคิดถึงคุณตลอดเวลาจนก่อนเข้านอน~
เฮ้อ… หัวหน้าคิมกดตัดสายโทรศัพท์ทันทีเพราะลืมปิดเสียง จากนั้นก็ถอนหายใจหลังเห็นชื่อคนโทรมา จะไม่รับสายนี้ก็ไม่ได้ ได้แต่เหลือบมองฮายอนอีกครั้งและหันหลังเดินออกจากห้องผู้บริหาร
ยอนมองตามด้วยความปวดหัวกับเสียงเรียกเข้าเมื่อครู่ พลางพึมพำว่า ใครมันจะไปฟังเสียงเรียกเข้าแบบนั้น ก่อนจะเริ่มพลิกเอกสารที่ไม่อยากแม้แต่จะมองมันเพื่อตรวจสอบอีกรอบ

ร่างสูงวนเวียนกับอาการหงุดหงิดแล้วลงเอาไปลงกับคนอื่นอยู่หลายวัน ใช้ชีวิตผ่านมาด้วยเหล้าและอบายมุข จนท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับว่าคิดถึงที่นั่น ห้องพักอันคับแคบกับอาหารและกลิ่นหอมชวนหิว การทำอาหารอย่างพิถีพิถันของ… ยอนสะดุ้งตัวขึ้นจากเตียงนอนอย่างแรง ก่อนจะตะโกนร้องลั่นกับความคิดสุดไร้สาระซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
เขาอดทนอดกลั้นด้วยความไม่อยากยอมรับ แต่สุดท้ายก็ถูกดูดวนกลับมาเรื่องเดิม และใช้เวลาหลายอาทิตย์กับการเดินเข้าห้องผู้บริหารด้วยสภาพหงุดหงิดงุ่นง่าน
“เฮ้ย”
“เป็นอะไรครับ”
ยอนรับกาแฟจากหัวหน้าคิมด้วยสีหน้าอ่อนล้าตามฉบับของคนนอนไม่หลับในช่วงกลางคืน เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หัวหน้าคิมยิ้มฝืนๆ เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกเรียกมาด่าทออีกครั้ง ลูกน้องของผู้บริหารหนุ่มก้าวถอยหลังก่อนจะตอบรับ แต่ยิ่งแปลกกว่าเดิม เพราะคำถามมันปกติจนเกินไป
“ทำไมคิดถึงไม่หยุดเลย”
“อะไรครับ ผู้หญิงเหรอ”
“ข้าว”
“ก็ทะ…ทานสิครับ”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น”
แล้วนี่มันคำถามประเภทไหนล่ะ คนตรงหน้าปฏิเสธไม่ร่วมทานอาหารกับท่านประธาน ด้วยเหตุผลว่าทานอะไรก็ไม่อร่อย แล้วอยู่ๆ ก็มาพูดว่าคิดถึงข้าว มันมีความหมายแบบไหนกันแน่ หัวหน้าคิมหมดคำจะพูดกับความแปรปรวนของประโยคบอกเล่าจากเจ้านาย
“คิดถึงข้าวที่เคยกินก่อนหน้านี้”
“อยากทานอะไรหรือเปล่าครับ ผมจองให้ไหม”
“แม่งเอ๊ย บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า!”
หงุดหงิดอีกแล้ว… หัวหน้าคิมขมุบขมิบปาก แต่สุดท้ายก็จบด้วยการถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ปกติฮายอนก็แปลกอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้กลับแปลกยิ่งกว่าเดิมซะอีก โดยเฉพาะช่วงหลังกลับมาจากการหายตัวไป

[1] ฮิสทีเรีย (Hysteria) เป็นโรคความผิดปกติทางบุคลิกภาพ มีอารมณ์รุนแรง แปรปรวนบ่อย

คอมเมนต์

Chapter List