ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 5-1
ตอนที่ 5-1 ทำไมทำกับฉันแบบนี้ (2)
หาวว ดูอีหาวหวอดใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะหลังสุดของห้องในคลาสช่วงเก้าโมงเช้า ถึงจะเป็นวันเสาร์ แต่ดูอียังต้องมาเข้าเรียนชดเชยแทนคลาสที่อาจารย์ยกเมื่อครั้งก่อน ยังไม่ทันหายเหนื่อยล้าจากการทำงานพิเศษจนถึงตีสามเลย ดังนั้น การต้องตื่นเช้ามาเรียนต่อแบบนี้ มันจึงไม่ต่างอะไรจากการฆาตกรรมเขาเลยสักนิด
ดูอีหยิบหนังสือออกจากกระเป๋าทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ ง่วงแทบตายเพราะนอนไปแค่สามชั่วโมง นักศึกษาหลายๆ คนเริ่มทยอยเข้ามาในห้องเมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มคลาส แต่หากเทียบกับวันธรรมดาแล้ว ก็ถือว่าคนน้อยกว่ามากทีเดียว
ถึงจะเป็นวิชาเอก แต่ดูอีก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าอาจารย์คงไม่ได้เช็กชื่อจริงจังหรอก เพราะมันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาเองก็อยากใช้วันหยุดนี้ให้เต็มที่ด้วยความขี้เกียจเหมือนกัน แต่ถ้าวันนี้ไม่โผล่หน้ามาเจอเพื่อนในกลุ่มบ้าง คงไม่ต่างจากไม่ได้ช่วยเตรียมงานอะไรเลยแล้วอยู่ๆ ก็หนีหายไปซะเฉยๆ ดูอีจึงยอมฝืนสังขารมาเรียนเช้าๆ แบบนี้จนได้
“อ้าว เงียบ!”
อาจารย์ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับสั่งให้ทุกคนเงียบ ห้องเรียนเสียงเซ็งแซ่เลยค่อยๆ เงียบลงจนกระทั่งได้ยินเสียงกริ่งดังเบาๆ จากด้านนอก
ดูอีดึงปีกหมวกลง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นทั้งจองแท รวมถึงมินฮยอก รุ่นน้องที่ตกลงรับหน้าที่ในการพรีเซนต์ ส่วนสมาชิกคนอื่นในกลุ่มไม่ได้ลงเรียนวิชานี้ เพราะเท่าที่จำได้มันคือวิชาเลือกสำหรับนักศึกษาวิชาเอกเท่านั้น เขาไม่รู้ว่ายอนจะเอาเอกสารข้อมูลที่ว่าให้ตอนไหน แต่ถ้าสามารถเรียบเรียงให้เสร็จแล้วส่งต่อให้เพื่อนในกลุ่มได้ภายในวันนี้ ก็คงจะเยี่ยมไปเลย
ทุกอื่นๆ กำลังจดจ่อกับการเรียน ยกเว้นพวกนอนคว่ำหน้ากับโต๊ะเพราะสนุกสุดเหวี่ยงกับค่ำคืนวันศุกร์จนกลิ่นเหล้ายังฉุนกึก ดูอีเองก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เขาค่อนข้างล้าจากงานพิเศษเพราะเมื่อวานที่ร้านคนเยอะมาก ถึงจะอยากตั้งใจเรียนเพราะอุตส่าห์ลากสังขารออกมาแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายก็ต้องละทิ้งการเล็กเชอร์และเลือกทิ้งศีรษะนอนกับโต๊ะ ไม่ต่างกับเพื่อนร่วมคลาสข้างๆ ของีบสักหน่อย คงจะตื่นเต็มตากว่านี้ คนตัวเล็กสะลึมสะลือจนกระทั่งเคลิ้มหลับ แต่อยู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากกระเป๋ากางเกง แล้วตามมาด้วยเสียงเรียกเข้าดังลั่นห้อง
ดูอีสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมเบิกตากว้าง พอตระหนักได้ว่ามันดังมาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ก็รีบลนลานหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าและกดปิดทันที หลังจากต่อสู้กับโทรศัพท์จนเสร็จและเงยหน้าขึ้นมา ถึงรู้ว่านักศึกษาทั้งห้อง รวมถึงอาจารย์พัคแทกิลต่างมองมาทางเขาเป็นตาเดียว
“อะแฮ่ม”
“ขะ…ขอโทษ คะ…ครับ”
“นายไม่ผิดหรอก วันเสาร์แบบนี้คงมีนัดสินะ ฉันผิดเองแหละ เพราะดันให้มาเรียนชดเชยวันเสาร์แบบนี้”
คำพูดจงใจเหน็บแนมจากอาจารย์คล้ายมีดแหลมๆ กรีดลงมาที่อก ดูอียิ่งกดหมวกลงต่ำกว่าเดิมด้วยความอับอายพร้อมเม้มปากแน่น
“ส่วนเรื่องทองคำอเมริกาของ Triffin Dilema…”
ถือว่าโชคดีไปเพราะอีกฝ่ายไม่ได้เหน็บแนมอะไรต่อจากนั้นอีก ดูอีแอบเหลือบมองอาจารย์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์จากใต้โต๊ะขึ้นมาเปิดโหมดเงียบ แต่นั่นทำให้เห็นว่ามีสายโทรเข้าอย่างต่อเนื่องจากยอน แม้จะหวาดกลัวไม่น้อยกับความวิบัติที่จะตามมาหากไม่รับโทรศัพท์ ทว่าเขาต้องกดตัดสายทิ้งเพราะเกรงใจอาจารย์
แต่ก็ส่งข้อความบอกทันที
[วันนี้มีเรียนชดเชยรับโทรศัพท์ไม่ได้ครับ]
ไม่นานก็มีข้อความถูกส่งตอบกลับมา
[เสร็จตอนไหน]
ตอนนี้กำลังจะสิบโมงแล้ว ระหว่างที่คำนวณเวลาคร่าวๆ และเตรียมจะพิมพ์ตอบ…
“นักศึกษาที่เล่นโทรศัพท์อยู่น่ะ เรียนกับฉันมันไม่สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เอ่อ…ระ เรื่อง…”
“ถึงจะเป็นคลาสเสริม แต่ลืมแล้วหรือไงว่าฉันยังเป็นอาจารย์อยู่ สมัยนี้เด็กไร้มารยาทนี่มันเยอะจริงๆ”
“…”
ถึงจะนั่งอยู่ด้านหลัง แต่พอโดนตำหนิด้วยประโยคแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ดูอีรู้สึกว่าตัวเองไม่ตั้งใจจดจ่อกับการเรียนจริงๆ อับอายกับการกลายเป็นเด็กไร้มารยาท อายมากจนได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวคำขอโทษออกมา
แล้วก็ต้องรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมเพราะเด็กข้างๆ ก็นอนฟุบหน้ากับโต๊ะ แต่เขากลับถูกเรียกแค่คนเดียว แต่ถ้าพูดตามตรงแล้ว ดูอีก็ไม่เก่งกับเรื่องอะไรสักเรื่องเลย สุดท้ายก็ต้องทำเป็นตั้งหน้าตั้งตาฟังจนกระทั่งทุกอย่างเงียบสงบลง ถ้าเกิดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ เดี๋ยวเสียงพิมพ์อาจจะไปเข้าหูอาจารย์ก็ได้ เขาหมดความมั่นใจจนถึงขั้นนั้นทีเดียว
เมื่อถูกอาจารย์ตำหนิแบบนั้นจึงตอบข้อความยอนไม่ได้ ดูอีนั่งทนต่อความกดดันฟังเนื้อหาในคลาสต่อ พอถึงช่วงประมาณสิบโมง สี่สิบนาที การเรียนการสอนคลาสชดเชยนี้ถึงได้สิ้นสุดลง อาจารย์จบคลาสด้วยการให้กระดาษกับเหล่านักศึกษาเพื่อเขียนชื่อและเลขประจำตัวของตัวเองแล้วส่งคืนกลับมา จากนั้นอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไป คนตัวเล็กถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบข้อความของยอน
[เลิกแล้วครับ]
เขาพิมพ์ส่งไปแบบนั้น แต่กลับไม่มีการบ่นโวยวายกลับมาใหญ่โตเหมือนครั้งก่อนจนเริ่มกังวลใจ ทำไมวันนี้ถึงต่างกับวันนั้นล่ะ แต่เลือกจะปิดหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเก็บหนังสือลงกระเป๋าให้เรียบร้อยเพราะหมดเวลาเรียนแล้ว ลุกจากเก้าอี้เตรียมเดินออกจากห้อง
“เฮ้ย”
ไม่รู้ว่ายอนมายืนรออยู่หน้าห้องเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างสูงคว้าแขนดูอีไว้ เพราะอีกฝ่ายตั้งท่าจะเดินผ่านโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนยืนรออยู่ ดูอีมองยอนด้วยความตกใจ ชายหนุ่มวัยสามสิบสอง หน้าตาหล่อเหลาหมดจด รูปร่างสูงสมส่วนจนสวมชุดไหนๆ ก็ดูดีไม่ต่างจากนายแบบ ผู้ชายคนนั้นกำลังยืนรออยู่พร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ
“เอ่อ…คะ คือ…”
คนตัวเล็กนิ่งอึ้ง ตกใจจนคิดคำแก้ตัวไม่ทัน ไหนจะโดนยอนใช้มือข้างหนึ่งล็อกหน้าไว้ด้วยแรงที่ไม่ต่างจากคีมเหล็กอีก แรงจนนึกว่ากระดูกจะเคลื่อนหลุดจากกันซะแล้ว ดูอีได้แต่ยืนแข็งทื่อ ไม่กล้าขัดขืนอะไรเมื่อเห็นสีหน้าแย้มยิ้มแต่ดูน่ากลัวแปลกๆ ของยอน
“ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าห้ามตัดสาย”
“คับ…”
ดูอีตอบได้ไม่เต็มเสียงเพราะปากโดนบังคับให้อ้าค้างจากฝีมือของอีกฝ่าย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ยอนหายหงุดหงิด
“สนุกสินะ ไม่ยอมอ่านข้อความฉันเนี่ย”
“ปะ…เปล่า…”
“แล้วทำไมไม่ยอมอ่าน”
“คือ…”
ดวงตาวูบไหวหลบเลี่ยงสายตาดุดันเพราะไม่รู้ว่าควรตอบอะไรดี ยอนพ่นลมหายใจขึ้นจมูก ดูไม่พอใจกับท่าทางของดูอีเท่าไหร่นัก ก่อนจะปล่อยมือจากปลายคางมน หลังจากได้รับอิสระ เจ้าตัวก็ลูบคางคลายความเจ็บปวด ตามด้วยการขยับจัดหมวกแก๊ปให้เข้าที่
“มา…มาได้…”
“ฮะ?!”
ดูอีพยายามเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ของการมาหาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าแบบนี้ และคำถามนี้ส่งผลให้ยอนไม่พอใจจนทุบประตูห้องเรียนดังลั่น นักศึกษาที่ทยอยๆ เตรียมออกจากห้องเรียนต่างหันมองทางพวกเขาเป็นตาเดียวกัน
“เมื่อวานฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าให้ดูโทรศัพท์เอาไว้”
สายตาหลายคู่กำลังพุ่งตรงมาและมากพอจะทำให้ดูอีรู้สึกกระสับกระส่าย เขาจับปีกหมวกแล้วดึงลงต่ำพลางพยักหน้ารับ ยอนมองภาพของตรงหน้าแล้วแค่นหัวเราะพ่นลมออกจมูก จากนั้นก็ใช้แฟ้มเอกสารในมือตัวเองตีลงบนศีรษะที่สวมหมวกปิดปังของดูอี
“รับไปไอ้หนู”
“อา…”
ไม่คิดว่าจะได้เร็วขนาดนี้ ร่างบางเงยหน้ามองเอกสารในฝ่ามือใหญ่ๆ คิ้วตกเล็กน้อยพาดอยู่เหนือดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง ยอนใจกระตุกทันทีเมื่อได้เห็นใบหน้าภายใต้หมวกแก๊ป อาการมันชัดเจนจนต้องจึ๊ปากแล้วเดาะลิ้นตามคล้ายกำลังแก้เก้อ
“ขะ…ขอบคุณ…”
“ฉันอายุขนาดนี้แล้วนะเว้ย ยังต้องโทรไปถามสำนักงานของคณะ ถึงรู้ว่าวันนี้มีห้องไหนใช้เรียนชดเชยเนี่ย คราวหน้าอยู่ไหนก็หัดรายงานบอกด้วย เข้าใจไหม”
ออกคำสั่งขณะยื่นเอกสารให้ ดูอีพยักหน้ารับ แล้วก็คิดในใจว่าเพราะแบบนี้สินะ อีกฝ่ายถึงได้ตามหาเขาเจอ และเวลาเดียวกันนั้น…
“ขอโทษนะครับ นักศึกษาคนอื่นออกจากห้องไม่ได้ รุ่นพี่ช่วยขยับหลบหน่อยได้ไหมครับ”
จองแทแทรกตัวเข้ามายืนระหว่างดูอีกับยอน และกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ดูอีจึงรีบหันมองรอบตัว ถึงรู้ว่าตัวเองยืนบังประตูหลังอยู่จนทำให้นักศึกษาคนอื่นๆ ออกจากห้องไม่ได้ รุ่นน้องเอ่ยขอบคุณแล้วเดินผ่านหน้าหลังจากดูอีขยับหลีกทางให้
“พูดจาไม่น่าฟังเลยแฮะ แล้วประตูหน้ามีไว้ประดับห้องหรือไง ไร้มารยาท สั่งใครให้หลีกทางวะ ฉันยิ่งอารมณ์เสียอยู่ ยังจะมาพูดขัดหูอีก ไอ้เด็กเวรพวกนี้ ไม่น่ารัก แถมยังจะพูดจาแย่…”
“…คุณว่าใครครับ”
จองแทชะงักทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงเหยียดหยันนั่น ก่อนจะหันกลับมาจ้องเจ้าของท่าทางไม่เอาใครและคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ยอนจึงชักสีหน้าอย่างอวดดีและปรายตามองจองแท
“สมัยนี้พวกน่ารำคาญเยอะจริงๆ จะให้ฉันพูดอีกรอบงั้นเหรอ”
“ผมบอกให้คุณหลบเพราะเห็นว่านักศึกษาคนอื่นๆ เดินไม่ได้ มันทำให้คุณอารมณ์เสียขนาดนั้นเลยเหรอครับ นี่มันประตูสาธารณะนะครับ พวกคุณทำให้คนอื่นใช้งานไม่ได้ ผมก็เลยขอร้องให้คุณเข้าใจ แจ้งคุณดีๆ แต่กลับโดนกล่าวหาว่าไร้มารยาท คุณนี่สุดยอดจริงๆ ครับ!”
“ฉันรู้ว่าตัวเองสุดยอด อีกอย่างฉันไม่แคร์หรอกว่านายจะคิดยังไง เพราะฉันก็อารมณ์เสียเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เจ้าหนูอย่างแกจะทำอะไรฉันได้ แล้วยังไงต่อ ไอ้เด็กไร้มารยาท จะเอายังไงไหนบอกมาสิ”
“คือ…พะ…พี่…”
“หุบปาก อยากโดนตีด้วยหรือไง”
ถึงเสียงจะฟังนุ่มหู แต่มันกลับเต็มไปด้วยความขู่เข็ญกดดัน ดูอีอยากยุติการทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้ให้ได้ แต่ด้วยนิสัยพูดตะกุกตะกักจนไม่มีใครสนใจจะฟังจึงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก นี่มันวันอะไรกันเนี่ย วันแห่งความโชคดี แจ็กพ็อตแตกงั้นเหรอ
“ผมเพิ่งเคยเจอคนพูดร้ายกาจกับคนอื่นซึ่งๆ หน้าแบบนี้เป็นครั้งแรกนะครับ เหมือนไม่ได้รับการสั่งสอนเลย คุณไม่ได้เป็นนักศึกษาที่นี่ด้วยซ้ำ หมดธุระแล้วก็ช่วยกลับไปเงียบๆ เถอะครับ ถ้าไม่อยากโดนไล่ออกไปเพราะถูกแจ้งความ”
“เหอะ เรื่องร้ายกาจไม่ใช่ฝั่งฉันหรอก แต่มันเป็นนายมากกว่ามั้ง ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ แต่กลับกลอกช่วยลอบทำร้ายคนอื่นข้างหลังเนี่ย มันชัดก็อยู่นะ”
จองแทขบกรามแน่นเพราะถูกโจมตีด้วยคำพูดที่เหมือนจะกระแทกเข้าส่วนไหนสักส่วนอย่างจัง ฉันจะรอดู ไอ้เด็กนี่มันเล่นกับใครไม่เล่น คิดว่าคนอย่างฮายอนคนนี้เป็นใครกันวะ…
“แล้วยังไงล่ะ แจ้งความเลยสิ ฉันไม่ห้ามหรอก แจ้งกับใครดีล่ะ ยามเหรอ หรืออาจารย์ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เอ่อ…พะ พี่ยอน…คะ คือ…”
“ฉันสั่งให้อยู่เงียบๆ ไง อะ ตกลงนายจะไปแจ้งใคร ไปเลยดิ ไปแจ้งเลยนะว่ามีใครไม่รู้มายืนขวางประตูห้องเรียนอยู่”
“ดะ เดี๋ยว… คือ…มะ…ไม่ใช่…”
แต่ดูอีกลับค่อยๆ ยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปทางด้านหลัง ยอนจึงได้แต่คิดสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไรกันอีก ร่างสูงมีสีหน้าดุดันขณะหันกลับไปมองด้านหลัง อาจารย์ประจำวิชาคนเดิมกลับมาทางห้องเรียนเพราะลืมของบางอย่างเอาไว้
เวรเอ๊ย
คำสบถด่าพุ่งขึ้นมาถึงลำคอของยอน ทว่าเจ้าตัวก็เลือกจะกลืนมันลงไปเหมือนเดิม
คอมเมนต์