ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 5-3

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 5-3 ทำไมทำกับฉันแบบนี้ (2)

“…!!”
ทว่าไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรือเพราะอะไร ในเวลาเดียวกันนั้น โทรศัพท์มือถือก็เริ่มสั่นและส่งสัญญาณว่ามีสายเข้า ช่วงนี้มีคนเดียวที่โทรมาหาเขาก็คือฮายอน ดูอีจึงรีบกดรับเพราะกลัวว่าจะโดนตำหนิ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเป็นสายของใครกันแน่
“ครับ คือ ตะ ตอนนี้…อยู่ห้อง…ห้องสมุด…”
– … ฉันเอง
แต่เสียงตอบรับจากปลายสายไม่ใช่เสียงทุ้มต่ำแกมตะคอกอย่างที่เคยได้ยินเมื่อครั้งก่อน เพราะเสียงแหลมสูงกว่ามาก ไม่ใช่เสียงผู้ชายแน่นอน แต่เป็นน้ำเสียงเย็นชาจนทำให้ขนลุก ดูอีรู้จักเจ้าของเสียงนี้ดี เขาถึงกับหายใจสะดุดเมื่อได้ยินเสียงของคนที่ไม่ได้คาดคิดไว้
ช็อกจนรู้สึกไปเองว่าแผ่นดินเหมือนจะเริ่มไหวสั่น เขาดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูชื่อคนโทรเข้าอีกครั้ง ก่อนจะกลืนน้ำลายหลังจากอ่านทวนแล้วว่าปลายสายคือใคร
“คะ คุณ…แม่ มี…อะ…”
-…ก็ยังติดนิสัยพูดอ้ำอึ้งไม่หายเหมือนเดิม เรื่องน่ะมีอยู่แล้ว ฉันโทรมาเพราะยังไม่ได้เงินค่าเรียนของเซนาเลยเมื่อคราวก่อน
“เอ่อ เรื่อง… นั้น…”
ถ้าจะให้เขาแก้ตัว มันก็เป็นเพราะเดือนที่แล้วมีทั้งค่าใช้จ่ายของยอน ไหนจะต้องใช้เรื่องงานประจำปีของมหาวิทยาลัยด้วย ใช้เงินไปเยอะพอสมควรจนไม่เหลือติดตัวเลยสักวอน อีกสักพักใหญ่ๆ กว่าเงินเดือนจะออก แต่เขากลับใช้เงินเกือบจะหมดแล้ว ระหว่างคิดว่าควรจะตอบกลับไปแบบไหนดี เสียงของแม่ก็กล่าวแทรกขึ้นมาอย่างเชือดเฉือน
– แกเป็นคนเรียกร้องให้เซนาเรียนวาดรูปบ้าๆ นั่น ก็ต้องรับผิดชอบให้ได้ไม่ใช่หรือไง เราตกลงกันไว้แล้วนี่ เป็นแบบนี้พวกเราก็แย่สิ แค่ใช้จ่ายในบ้านก็ขาดมืออยู่แล้ว ฉันอยากให้แกโอนเงินมาวันนี้เลย
“…วะ วันนี้…น่าจะ มะ…ไม่ได้”
– ฉันสั่งให้พูดดีๆ แล้วไม่ใช่เหรอ
ดูอีปิดปากเงียบสนิทเมื่อโดนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด แม่น่ากลัว… เป็นคนประเภทเดียวกับกุหลาบที่ซ่อนด้วยหนามแหลมคมมากมาย หากแตะต้องก็จะถูกหนามที่มองไม่เห็นทิ่มแทง นั่นคือนิยามของแม่
“พอ…เงิน เดือนนี้ ขะ…เข้า ผม จะ…จะโอน…ให้ทั้ง…หมดครับ”
เขาตั้งใจพูดให้ตะกุกตะกักน้อยที่สุด พยายามกดเก็บความหวาดกลัวเอาไว้ แต่ก็ได้ยินเสียงถอนหากใจจากปลายสายชัดเจนจนทำให้ใจกระตุก ไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นเลยหลังจากแม่ถอนหายใจ คงจะโดนต่อว่าอีกตามเคย ดูอีคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ทันที
– อายุยี่สิบแปดแล้ว ยังไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง ได้แค่ทำงานพิเศษในร้านเหล้าไปวันๆ ฉันอายจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลยล่ะ เข้ามหา’ลัยดังได้แล้วยังไง แกทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เสียดายเงินชะมัดยาด ฉันรู้ตั้งแต่แกรั้นจะเข้ามหา’ลัยแล้ว ดูพี่แกบ้างสิ เขาเก่งขนาดไหน ได้ทุนเรียนมหา’ลัยอีกต่างหาก แล้วแกล่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ ขาดๆ เกิน แบบนี้ไงถึงไม่ได้เรื่องแบบนี้ เวทนา
“…”
– แล้วรู้ใช่ไหมว่าเดือนนี้วันเกิดย่า ฮันอิลส่งเงินเดือนของตัวเองมาเป็นของขวัญแล้ว ต้องซื้อรถด้วยแท้ๆ แต่ก็ไม่ลืมตอบแทนบุญคุณ แกเองก็รีบตั้งใจเรียน รีบจบมาทำงานได้แล้ว ฉันอายจะแย่…”
“ครับ…”
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถพูดได้ เพราะยิ่งเถียงแม่ในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ก็รังแต่จะทำให้ยิ่งเจ็บปวดใจมากกว่าเดิม ตั้งแต่เขาโตเป็นผู้ใหญ่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน แม่เขาเป็นแบบนี้เสมอ ดูอีมีสีหน้าสลดลง
– ของเดือนก่อนกับเดือนนี้ รวมกับเงินค่าเรียนเซนาด้วย แกส่งมาให้สักแปดแสนวอนแล้วกัน หลังเซนาสอบเอนทรานซ์เสร็จ อาจารย์เขาขอค่าสอนเพิ่มสำหรับสอบปฏิบัติอีกสองล้านวอน เตรียมไว้ด้วยล่ะ
ติ๊ด จากนั้นแม่ก็ตัดสาย จบการสนทนาอันแห้งแล้งและมีผู้พูดเพียงฝ่ายเดียว ถ้าหากแม่เป็นฝ่ายโทรหา ไม่สิ แม้แต่เวลาเขาเป็นฝ่ายโทรหาแม่เองก็ตาม การพูดคุยก็มักจะออกมาในรูปแบบนี้เสมอ เริ่มต้นด้วยเรื่องเงิน และจบลงด้วยเรื่องเงิน ถึงแม้จะได้ยินเสียงแม่ในรอบหลายสัปดาห์ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยความเศร้า ความเสียใจและน้ำตาเหมือนเดิม
ควรทำยังไงดี ไหนจะค่าเรียนของเซนาอีก ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้ว… ดูอีได้แต่ยืนนิ่งเหม่อลอยอยู่กับที่ ก่อนจะหลับตาลงด้วยความกังวล
เจรจาขอเบิกเงินเดือนเร็วขึ้นจากรองผู้จัดการร้านดีไหมนะ ถ้าขอผู้จัดการร้านตรงๆ คงไม่ได้รับอนุญาตแน่นอน แล้วเขาก็ไม่อยากใช้เงินของยอนแล้ว มันไม่ใช่เงินของเขาเอง คิดแบบนั้นแล้วก็ต้องอัดอั้นใจกับความน่าสมเพชของตัวเองจนกำโทรศัพท์มือถือแน่น
ไม่นานหลังจากนั้นโทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง และแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า พี่ยอนหรือเปล่า… ดูอีปาดเช็ดน้ำตาเม็ดเล็กแล้วกดเปิดโทรศัพท์ดู
[ฉันจัดการเองได้ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ตั้งใจกับอนาคตพี่ดีกว่า]
เป็นข้อความจากเซนา เธอคงจะได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่แล้ว แต่นั่นยิ่งทำให้ดูอีรู้สึกผิด ส่วนหนึ่งที่น้องตัดสินใจเลือกเรียนสายนี้เพราะเขาบอกเองว่าจะช่วยรับผิดชอบ ใกล้จะสอบเอนทรานซ์แล้ว แต่กลับต้องมาได้ยินคำพูดพวกนี้อีก ถึงไม่อยากคิดมาก แต่มันก็คงหลีกเลี่ยงความคิดไม่ได้หรอก
[ขอโทษนะ]
ดูอีพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งกลับไปแล้วเริ่มก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ต้องรีบกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปทำงานพิเศษ เขาตั้งปณิธานกับตัวเอง แต่ก็ห้ามน้ำตาไม่ได้จริงๆ

* * *

สุดท้ายดูอีก็ลากร่างออกมาทำงาน ทั้งๆ ที่พักผ่อนไปได้แค่สามชั่วโมง ต่อด้วยการร้องไห้เมื่อช่วงเย็น เขายืนง่วงงุนอยู่ตรงซิงค์ล้างจานระหว่างทำงานพิเศษ สุดท้ายก็สัปหงกด้วยความเหนื่อยล้าสะสมจนเผลอทำภาชนะหลุดมือหล่นไปกระแทกภาชนะอื่นๆ จนเสียงจานชามกระแทกกันในซิงค์ดังสนั่น
คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจและหลุดจากความงัวเงียทันทีเพราะเสียงดังลั่นนั้น เขาสะบัดศีรษะอย่างเลิ่กลั่กเหมือนไม่เคยง่วงมาก่อน ก่อนจะก้มดูภาชนะที่ตัวเองทำตกลงในซิงค์ โชคดีไป มันไม่ได้แตกเสียหาย
“ไอ้หนู ทำอะไรวะ!? ล้างจานจนมันกระเด็นมาถึงพื้นข้างล่างแล้วเนี่ย! มาดูตรงลิฟต์ด้วยโว้ย!”
“เอ่อ คะ…ครับ…!”
กำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกแท้ๆ แต่ผู้จัดการร้านที่นั่งดูโทรศัพท์อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องครัว คงนึกรำคาญใจขึ้นมาเลยตวาดดูอีเสียงดังด้วยความหงุดหงิดเสียง
“ยุ่งจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาทำตัวง่วงขนาดนี้อีก จะเอาอะไรวะ!”
“ขอ…ขอโทษ…”
ดูอีตอบด้วยความอึ้งปนลนลาน ระหว่างเปิดลิฟต์ส่งของเพื่อหยิบภาชนะที่ส่งขึ้นมาจากชั้นล่าง ดูไม่เข้าท่าเลยกับการสั่งให้คนอื่นทำงาน ส่วนตัวเองเอาแต่นั่งเล่นอยู่ข้างๆ แบบนี้ เขาอยากเถียงใจจะขาด แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ดูอีเลยได้แต่อดทนให้มันผ่านพ้นไปอีกครั้ง
“โต๊ะเบอร์สิบเอ็ดค่ะ! ช่วยไปดูโต๊ะเบอร์สิบเอ็ดให้หน่อยค่ะ ใครก็ได้”
วันอาทิตย์ตอนเที่ยงคืน สามสิบเอ็ดนาที นักเที่ยวท่องราตรีกันมาต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันเสาร์และไม่คิดจะลดหย่อนเพื่อพักผ่อนในวันอาทิตย์เลย เสียงตะโกนของเด็กสาวพนักงานพาร์ทไทม์ดังขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง
“พี่ถั่ว! ขาดแก้วโซจู! อีกนานไหมคะกว่าจะเสร็จ”
“หัวหน้าครับ โต๊ะเก้าคอมเพลน บอกว่ามีเส้นผมในซุปครับ”
“เฮ้ย! แล้วใครทำวะ!”
“รีบเอาแก้วโซจูกับถ้วยมาให้ทีค่ะ”
รองผู้จัดการร้านทิ้งการทำอาหารในมือไปทันทีและรีบวิ่งลงไปข้างล่างเมื่อได้ยินว่ามีลูกค้าคอมเพลนเพราะเจอเส้นผมในซุป แต่ทำแบบนั้น เดี๋ยวของทอดไหม้กันหมดพอดี… ดูอีมองเห็นทุกอย่างผ่านหางตา แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา แต่ก็ไปช่วยดูของทอดให้ไม่ได้เพราะทางเขาเองก็ยุ่งมากเช่นกัน
อาจจะเป็นเพราะนอนไม่พอ แถมยังเจอเรื่องยุ่งวุ่นวายมาตลอดทั้งวัน จนตอนนี้แทบจะแยกไม่ออกแล้วว่าเสียงดังจริงๆ หรือเกิดขึ้นในจินตนาการกันแน่ ดูอีเริ่มปวดหัวเพราะเสียงดังโหวกเหวกโวยวายรอบๆ ตัว
ลิฟต์ขนส่งภาชนะขึ้นมาทำความสะอาดต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เขาเลือกมาแค่แก้วน้ำกับแก้วโซจูมาล้างแล้วส่งกลับลงไปให้เร็วที่สุด เครื่องทำความสะอาดภาชนะขนาดใหญ่ตรงหน้าเต็มไปด้วยแก้วมากมาย หลังจากจัดการล้างพวกมันอย่างดีก็ส่งไปด้านล่าง
“โต๊ะสิบเอ็ดเพิ่มชีสในเนื้อสันในย่างด้วยค่ะ!”
“ฉันทำเอง ไปได้แล้ว”
“ครับ ผู้จัดการ”
ผู้จัดการเอาแต่เล่นเกมโทรศัพท์อยู่คนเดียวทั้งๆ ที่คนอื่นยุ่งกันจนหัวปั่น แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ อาจจะเพราะรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างล่ะมั้ง อีกฝ่ายเพิ่มรายการอาหารของโต๊ะสิบเอ็ดเข้าไปในเครื่อง ยืนรอใบเสร็จแล้วเดินไปแปะบนเตาทำอาหารของรองผู้จัดการ พื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยรายการอาหารที่ยังไม่ได้ทำไปเสิร์ฟลูกค้า

คอมเมนต์

Chapter List