ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 2-1

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 2-1 การพบเจอ (2)

ดูอีไม่ชอบการกินข้าวคนเดียวในห้องของตัวเอง ก็เลยอาศัยอาหารสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อให้อิ่มท้องแทน นั่นทำให้ในห้องไม่มีวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารเลย ยอนเปิดตู้เย็นเพื่อค้นหาของกิน แต่ก็ไม่เจออะไรเลยนอกจากไรฝุ่น เขาปิดประตูตู้เย็นเฮงซวยจนเสียงดังลั่น ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอตู้เย็นโล่งๆ ขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ร่างสูงตื่นนอนหลังจากเจ้าของห้องออกไปได้สองสามชั่วโมง แล้วก็ต้องทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วมุ่น หลังจากได้อ่านกระดาษโน้ตที่มีลายมือเรียบร้อยแปะอยู่บนหน้าอก
มันเรื่องบ้าบออะไรกัน เขาไม่คิดจะทำตามอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว ด้วยนิสัยหัวร้อนง่าย ไม่สนใจใครหน้าไหนที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ยอนจึงไม่แม้แต่จะแลโจ๊กที่อีกฝ่ายอุตส่าห์อุ่นไว้ให้ด้วยซ้ำ จริงๆ เขาก็อยากกินนั่นแหละ แต่พอถูกไอ้เด็กนั่นสั่งให้กินตามข้อความในกระดาษโน้ต มันก็เกิดรู้สึกไม่อยากขึ้นมาแล้วดื้อๆ
ยอนสบถหยาบคายไม่หยุดเมื่อค้นหาของกินเท่าไหร่ก็เจอแต่ความว่างเปล่า พึมพำพลางทิ้งตัวนั่งบนผ้าห่มผืนหนา ยังรู้สึกปวดเอวเหมือนจะตายอยู่ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยนอนบนพื้นแข็งๆ แบบนี้เลยสักครั้ง
ห้องเล็กเท่ารูหนูนี่มีขนาดเล็กมากจริงๆ ยอนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือห้องชุดไม่หรือเปล่า ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเล็กๆ ขนาดนี้ได้ยังไงกัน ภายใรมีแค่ห้องน้ำกั้นแยกไว้เท่านั้น ส่วนครัวกับห้องนอนมีพื้นที่รวมอยู่ด้วยกัน นั่นทำให้ยอนค่อนข้างหัวเสีย ห้องน้ำบ้านเขาใหญ่กว่าห้องนี้ทั้งห้องด้วยซ้ำ
หลังจากสำรวจกวาดตาห้องเล็กจิ๋วด้วยความไม่พอใจเด่นชัดบนในหน้า ยอนก็เพิ่งเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของตัวเองชาร์จอยู่ตรงปลั๊กไฟ รวมถึงกระเป๋าสตางค์และเงินสดที่วางตากไว้ใกล้ๆ กับหน้าต่าง เขาจึงเดินไปทางของใช้ส่วนตัวเหล่านั้น
ชายหนุ่มทำการเปิดโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างแรก หน้าจอดำมืดสว่างขึ้นมาทันทีและไม่นานมันก็เริ่มสั่นต่อเนื่องไม่หยุด มีสายไม่ได้รับจากหัวหน้าคิม พ่อ พี่ชาย รวมถึงคนอื่นๆ ปรากฏผ่านหน้าจอ พวกคนน่ารำคาญ ฉันต้องมีสภาพแบบนี้เพราะใครกันล่ะ! ยอนบ่นอุบ ก่อนจะต่อสายหาตัวต้นเหตุของปัญหาอย่างพี่ชายตัวเอง
รอไม่นานนัก ปลายสายก็รับโทรศัพท์
-ยังไม่ตายนี่
“ไอ้เวรเอ๊ย เออ นายเอาไปให้หมดเลย แม่ง ถึงให้ก็ไม่เอาหรอก ฟังให้ชัดๆ นะ ไปจัดการไอ้พวกเกะกะแถวนี้ด้วย”
-พูดจาเป็นพวกไม่มีการศึกษาไปได้ ฉันบอกพ่อแล้ว ใครใช้ให้โลภล่ะ ไหนแกว่าจะทำให้ใครรู้สึกต่ำต้อยนะ
เขาตัดสายทิ้งเหมือนไม่มีอะไรต้องคุยต่ออีกแล้ว เออ ก็ตามนั้นเลย ค่อยๆ เอาไปให้มันหมดทุกอย่างนั่นแหละ คิดว่าจะคนอื่นจะแย่งมาไม่ได้หรือไง
จากนั้นก็ยอนโยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง เครื่องมือสื่อสารหล่นกระแทกพื้นจนแตกกระจาย กระจกหน้าจอกระเด็นแตกอยู่รอบๆ เท้า แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหายโกรธแค้น ร่างสูงขบกรามแน่นเพื่อสะกดกลั้นความโกรธ เขาอยากล้างแค้นพวกมันให้ได้สักวันหนึ่ง
แถมยังต้องมาอยู่บ้านไอ้เด็กพูดติดๆ ขัดๆ นี่อีก ไวเท่าความคิด ยอนก็เบนสายตาจ้องมองโน้ตลายมือเรียบร้อยน่าอ่านจากเจ้าของห้องอีกครั้ง ถึงเขาจะอ่านไปรอบนึงแล้วห็ แต่ยิ่งหัวร้อนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นตัวหนังสือชัดกว่าเดิม
[ผมไม่อยู่บ้านเพราะต้องไปทำงานพิเศษครับ อุ่นโจ๊กไว้ให้แล้วในหม้อ อย่าลืมกินแล้วก็กินยาตามด้วยนะครับ ยาอยู่บนโต๊ะ ถ้ามีเรื่องอะไรให้ติดต่อที่เบอร์ 010-XXXX-XXXX ด้วยข้อความนะครับ ผมรับโทรศัพท์ไม่ได้ครับ]
เจ้าของหน้าตาเจ้าแผนการตลอดเวลา แม้ความจริงจะไม่ได้คิดอะไร ก้มหน้าอ่านข้อความนั้นจนแพขนตายาวบดบังนัยน์ตา โอเค ถึงไอ้เด็กเจ้าของบ้านจะน่าหงุดหงิดขนาดไหน แต่จะให้ไปแก้แค้น ลงมือทำร้ายเด็กไม่มีความผิด มันก็ไม่ใช่เรื่อง เฮ้อ เรานี่มันคนดีจริงๆ ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง
จ๊อก จ๊อก
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคุ้นกับความหิวมาก่อนจนต้องเดาะลิ้น ให้ตายเถอะ คิดว่าฉันจนหรือไง ถึงได้ปล่อยกันทิ้งไว้แบบนี้! จากนั้นก็เหยียดมองหม้อบนเตาแก๊ส ก่อนคว้าการ์ดกับธนบัตรห้าหมื่นวอนที่ตากจนแห้งแล้วขึ้นมา เตรียมตัวก้าวออกไปข้างนอก แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าชุดที่ตัวเองกำลังใส่อยู่มันโคตรน่าอาย
ทั้งไซซ์ไม่เข้ากับขนาดตัว แถมยังเป็นของก๊อปอีกต่างหาก รองเท้าหนังก็ยังไม่แห้งดี จะแอบเอาของไอ้เด็กเจ้าของห้องมาใส่ บนชั้นวางรองเท้าก็ไม่เห็นจะมีรองเท้าสักคู่
ยอมมองหาชุดสูทของตัวเองที่สวมเมื่อวันก่อน แล้วก็เห็นว่ามันถูกซักตากแห้งไว้อย่างดีตรงประตูห้องน้ำ แต่พอเดินเข้าไปหยิบมันลงมา ก็ได้กลิ่นขยะปะปนติดกับเสื้อผ้าจนคิดว่ามันไม่ต่างอะไรจากกลิ่นขอทาน
“ไอ้เด็กเวร ไม่ได้ซักเสื้อให้เหรอวะ”
หน้าตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงไม่ได้ซ่อนความรู้สึกขัดใจเลย ก่อนจะโยนเสื้อตัวนั้นทิ้งไปตรงซอกหนึ่งของห้อง นี่ไม่ใช่การคุมขังแบบใหม่ใช่ไหม โคตรลำบากลำบนเลย ไอ้เวรเอ๊ย
จ๊อกกก
รู้สึกแย่อีกครั้งกับเสียงร้องประท้วงจากท้อง เขารับไม่ได้เมื่อพบว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้ไอ้เด็กเจ้าของบ้าน เอาเถอะ ไม่มีก็ทำขึ้นมาก็ได้… ยอนหยิบโทรศัพท์มือถือที่แตกกระจายขึ้นมากดเปิดหน้าจอ แต่โทรศัพท์แสนโชคร้ายที่มาเจอเจ้าของขี้โมโห โยนกันทิ้งอย่างรุนแรงก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เครื่องมือสื่อสารพังสนิท
ขยะจริงๆ โว้ย เขาเขวี้ยงโทรศัพท์ในมือทิ้งอีกรอบหลังเจอแต่เรื่องน่าหงุดหงิด ไม่เป็นตามความคิดสักอย่างเดียว เสียงกระจกแตกกระทบพื้นดังขึ้น ส่วนสภาพโทรศัพท์ก็กระจายเละเทะกว่าเดิมอยู่ภายในห้อง
สุดท้ายถึงจะไม่อยากทำแบบนี้ ยอนก็ต้องเหลือบมองมาทางหม้อโจ๊กจนได้ ไอ้บ้าเอ๊ย เขาขู่คำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจ
จ๊อกกก
ให้ตาย เออ กินก็กิน กินแล้ว! จากนั้นก็เปิดฝาหม้อบนเตาแก๊ส แล้วหยิบช้อนจากตะกร้าสำหรับใส่ช้อนและตะเกียบขึ้นมาตักโจ๊กกิน ฉันก็กินๆ ไปอย่างนั้นแหละ แค่กินเพราะไม่มีอะไรกินหรอก
ปรากฏภาพแผ่นหลังคนหิวโหยจนขูดโจ๊กในหม้อกินเรียบ เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายนิสัยเสียขั้นรุนแรง คนคนนี้ดูธรรมดามากเกินกว่าจะกล่าวได้ว่า เขาคือบุตรชายคนที่สองของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฮซเอสกรุ๊ปอันสูงส่ง

* * *

“ฮัดเช้ย!”
ขณะกำลังล้างจาน ก็ต้องจามด้วยสาเหตุจากกลิ่นของน้ำยาล้างจาน ดูอีสูดจมูกฟึดฟัด ก่อนจะจัดระเบียบจานและถ้วยที่ทำการอบจนแห้งด้วยเครื่องล้างขนาดใหญ่สำหรับร้านอาหารเป็นลำดับสุดท้าย เขาเพิ่งได้เริ่มพักหายใจหลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อย
“เฮ้ย เจ้าถั่ว! รีบมากินข้าวเร็ว”
“…”
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักเมื่อถูกรองผู้จัดการร้านเรียก จากนั้นก็ปลดผ้าผูกศีรษะออกมาเช็ดเหงื่อซมใบหน้า พอเดินมาใกล้ๆ ถึงเห็นว่าพนักงานคนอื่นๆ ต่างนั่งกินข้าวกันประจำที่อยู่ก่อนแล้ว คนกำลังหิวโหยได้ที่เอาผ้าขนหนูผูกไว้บนหน้าผากอีกครั้ง แทรกตัวเข้าไปนั่งท่ามกลางเสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมงาน หยิบช้อนขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวกินข้าว
เหล่าเพื่อนร่วมงานยังคงคุยหยอกเล่นกันไม่หยุดหย่อน แต่ดูอีกินข้าวเพียงเงียบๆ เท่านั้น การพูดติดๆ ขัดๆ มันไม่ใช่เรื่องน่าอวดอะไรนัก ถึงแม้ทุกคนจะไม่ใช่พวกนิสัยเสียก็ตาม แต่การต้องสนทนากับคนอื่น โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่องราวของตัวเอง มันค่อนข้างน่าอายสำหรับเขา
“เฮ้ย ถั่วดูหิวนะเนี่ย วันนี้กินเยอะเชียว”
“หิวเหรอ เอาข้าวอีกไหม”
“เออพี่ ผมขอข้าวด้วย”
“แกเลิกกินได้แล้ว ไอ้ลูกหมานี่”
“ใจร้ายจังเล้ย~ วันนี้คนเต็มร้าน ผมเสิร์ฟไม่ได้หยุดเลยนะ วิ่งวุ่นแทบแย่ แล้วให้แต่พี่ถั่วคนเดียวอ๊า~”
“แล้วแกทำคนเดียวเรอะ หา!?”
บทสนทนากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ดูอีชื่นชอบคนพวกนี้เพราะพวกเขาตลกขบขัน เขาเริ่มทำงานพิเศษที่นี่ตั้งแต่ออกจากกรมเมื่อเดือนมีนาคม เห็นหน้ากันอยู่บ่อยๆ เกือบทุกวันก็เลยสนิทยิ่งกว่าเพื่อนในคณะ ดูอีขอข้าวเพิ่มด้วยการยื่นถ้วยไปให้รองผู้จัดการร้าน
“ว่าแต่ ทำไมถึงเรียกว่าถั่วล่ะคะ”
เด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นานเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู ผู้ช่วยในครัวจึงตอบแทนพลางหัวเราะคิกคัก
“ก็เจ้าหมอนี่มันชื่อลีดูอีไงล่ะ ตัวจีนเขียนแบบคงดูที่แปลได้ว่าถั่วด้วย รองผู้จัดการก็เลยเรียกน่ะ ฮ่าๆ”
“ชื่อลีดูอีเหรอคะ ดูอีเหรอ โห ชื่อแปลกดีอะ”
เธอหัวเราะเสียงใสหลังได้ยินเรื่องเล่า เหมือนชอบใจเพราะเอาแต่พูดคำว่าคงดูซ้ำๆ พลางตีหลังเจ้าของชื่อที่กำลังกินข้าวเงียบๆ ไปด้วย เขารู้สึกขอบคุณทีเดียวกับการเกือบทำให้เม็ดข้าวติดหลอดลม ดูอีถึงกับต้องยกมือปิดปากเพื่อกระแอมไอ
“แล้วเป็นตัวจีนคงดูจริงๆ เหรอคะ แล้วอีล่ะคะ อย่าบอกนะว่าหมายถึงอีที่แปลว่าสอง ฮ่าๆ โอ๊ย มีทั้งถั่วทั้งสองในชื่อเดียวเลย ฮ่าๆ”
“เฮ้ย เลิกขำได้แล้ว กินข้าวอยู่”
“ถั่วสองเม็ดอะ ถั่วสองเม็ด”
“ถั่วถั่ว! ยามถั่วมาแล้ว!”
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชื่อตัวเองจะทำให้บทสนทนาต่อเนื่องลื่นไหล แถมยังตลกแบบนี้ แต่เพราะชื่อดูอีค่อนข้างแปลกจนมักจะกลายเป็นที่สนใจ เขาเลยเคยชินกับการถูกล้อเรื่องนี้ไปแล้ว ดูอีค่อยๆ พูดเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวความหมายของชื่อให้เพื่อนร่วมงานฟัง เพราะความจริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับถั่วเลย
“คือ ชื่อ ปะ…เป็นตัว เกาหลีครับ… แค่ สกุล… เป็น…เป็นตัวจีน ชื่อคือ… ดูอีตัว…เกาหลี”
“โอ้โห เพิ่งเคยได้ยินพี่พูดครั้งแรกเลยค่ะ!”
“ยายทึ่ม ที่เขาไม่พูดด้วยเพราะไม่ชอบเธอไงล่ะ ฉันได้ยินบ่อยมากเลยเถอะ”
“โธ่เอ๊ย ไม่ใช่สักหน่อย จริงไหมคะพี่”
“…”
ดูอีส่ายหน้า เด็กสาวเลยทำหน้ายู่แล้วบอกให้คนอื่นดูหลักฐานว่ามันไม่จริง
“ตกลงดูอีเป็นตัวเกาหลีเหรอ ความหมายว่ายังไง อย่าบอกนะว่ามาจากประโยค ฮานิลดูอีซอกซัมนอกูรี[1] ฮ่าๆ”
เด็กเสิร์ฟชายถามแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ดูอีกกลับหน้าแดงและกลอกตาไปมาเหมือนหาจุดวางสายตาไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับๆ ลูบๆ แถวหน้าผาก เพราะติดนิสัยมาจากการขยับหมวกเวลาทำตัวไม่ถูก และขณะนั้นเอง
“ฮ่าๆ มึนไปเลยเหรอถั่ว”
“เฮ้ย เป็นดูอีนั้นจริงๆ เหรอ ตลกอะ ฮ่าๆ”
“พี่น้องนายชื่อฮานิล ซอกซัม น็อกซาใช่ไหม เฮ้ย บ้าไปแล้วมั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นพ่อแม่นายก็ สุดยอดมากเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ”
เพื่อนร่วมงานในครัวพูดต่อด้วยความสนุกสนาน และนั่นทำให้หน้าดูอีแดงจัดจนแทบลามถึงลำคอ คล้ายอยากหดตัวเข้ารูหนูแล้วหนีไปเต็มที
“…”
“อย่าบอกนะว่าเรื่องจริง”
เพื่อนในครัวถามต่ออีกเมื่อเห็นสีหน้าคล้ายอยากร้องไห้ของดูอี คนถูกถามจึงพยักหน้าช้าๆ
“สุดยอดอะ ฮ่าๆ …โอ๊ย ตลกมาก”
“ฉันนึกว่าชื่อนายคือตัวจีนที่แปลว่าถั่วนั่นมาตลอด ไม่คิดเลยว่าจะเป็นชื่อสุดล้ำขนาดนี้ ฮึๆ ฮ่าๆ”
“คนแรกชื่อฮานิล คนสองดูอี คนสามซอกซัม ฮ่าๆ คนสี่คือนอกูรีหรือเปล่า”
“นะ น้องสาวชื่อ…ชื่อเซ…เซนา ใช้ภาษาถิ่น ของ…ของคังวอนโด แล้วก็…มีพี่น้องสามคน…”
“น้องสาวเหรอ แนะนำหน่อยสิ อายุเท่าไหร่แล้ว”
“มะ…มัธยมปลายปี ปะ…ปีสาม…”
“โอ้โห~ ห่างกันเก้าปีเลย ลูกหลงเหรอ”
“คะ…ครับ”
“คุกคุกคุกน้า”
เด็กเสิร์ฟของร้านแกล้งทำท่าถูกล็อกด้วยกุญแจมือ หลังเห็นว่ารองผู้จัดการร้านแสดงท่าทีสนใจน้องสาวดูอี แม้จะยังไม่เคยเห็นหน้า อีกฝ่ายจึงสั่งให้หุบปากแล้วกินข้าวซะ พร้อมกับแกล้งผลักศีรษะเล่นด้วยความสนิทสนม
“เหนื่อยแย่เลย ม. ปลายปีสามก็ใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนี่”
“ปีหน้าพามาร้านสิ เดี๋ยวเลี้ยงเหล้าฟรี”
“…”
ดูอีพยักหน้ารับคำพูดของรองผู้จัดการร้านเงียบๆ น้องสาวไม่ค่อยเหมือนเขาเท่าไหร่ อาจจะชอบเหล้าฟรีก็ได้
เขารู้สึกตกใจนิดหน่อยกับการลากยาวมาเรื่องน้องสาว หลังจากเริ่มต้นด้วยชื่อตัวเอง แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าคนกลุ่มนี้ยังมีเมตตาเลือกจะสนใจเรื่องชื่อ มากกว่าจะจี้จุดว่าเขาพูดติดๆ ขัดๆ แบบนี้ ดูอีจึงไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไหร่
ขณะนั้นมีลูกค้าเดินเข้ามาหน้าร้านพอดี กลิ่นเหล้าหึ่งจนตัดสินได้ไม่ยากว่าคงไม่ได้เข้าร้านเราเป็นร้านแรกแน่นอน อีกฝ่ายเดินโซเซเข้ามาหาที่นั่งในร้าน เด็กหนุ่มผู้รับหน้าที่เสิร์ฟหน้าร้านจึงกลั้วปากด้วยน้ำเปล่า หยิบกับแกล้มเคี้ยวเล่นกับน้ำเปล่าเดินไปไว้ให้บนโต๊ะ ก่อนมีลูกค้าคนอื่นๆ ตามเข้ามาอีก
ดูอีจึงหยุดกินข้าวและเตรียมลุกขึ้นบ้าง เมื่อเห็นว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงยุ่งๆ ของร้านอีกครั้ง ทว่ารองผู้จัดการกลับกดไหล่เขาเอาไว้
“กินให้เสร็จก่อน”
จากนั้นอีกฝ่ายก็รัดตัวล็อกเอว แล้วผูกผ้าโพกศีรษะเตรียมกลับไปทำงานในครัวอีกครั้ง คนตัวเล็กมองเพื่อนร่วมงานทยอยพากันเข้าไปในครัว แล้วก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมากินข้าวต่อ
วันนี้กับข้าวคือคัลบีจิม[2] ทำด้วยวัตตุดิบจากในร้าน เห็นแล้วอดจะคิดถึงคนนอนป่วยอยู่บ้านไม่ได้
จะกินโจ๊กแล้วหรือยังนะ ดูไม่น่าจะยอมกินยาเอง ถ้าไม่เอาไปยื่นให้…
ดูอีเลียช้อนด้วยสีหน้าเป็นกังวล
* * *
[1] เป็นการท่องประโยคพื้นเมืองของประเทศเกาหลี
[2] คัลบีจิม ซี่โครงหมูหมักซอส

คอมเมนต์

Chapter List