ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 2-2

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 2-2 การพบเจอ (2)

ส้ม… เขาเผลอซื้อส้มมาด้วย
หลังจากขอให้คนในร้านแนะนำผลไม้ที่ดีต่ออาการป่วย ดูอีก็นิ่งคิดอยู่พักใหญ่เมื่อได้ยินว่าเป็นส้ม เพราะติดปัญหาเรื่องการใช้เงิน แต่สุดท้ายพอเลิกงานก็ดันซื้อติดมือกลับมาจนได้ เนื่องจากระหว่างทางกลับบ้าน เดินผ่านร้านผลไม้ของคุณลุง ถึงส้มจะดูยังสดใหม่จนแค่มองก็รู้แล้วว่าเปรี้ยว แต่มันดีกับคนป่วยนี่นา
เขามองถุงส้มในราคาเลหลังจายแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิด โจ๊กยังไม่ยอมกิน แล้วจะยอมกินผลไม้หรือเปล่านะ ก่อนจะเริ่มเป็นกังวล
ดูอียืนอยู่หน้าห้องพัก รู้สึกเครียดเกร็งขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทั้งๆ ที่มันคือบ้านตัวเองแท้ๆ ทำการกดรหัสประตูด้วยความลุกลี้ลุกลนจนมันจะเปิดออก ดูจากไฟที่เปิดไว้ ผู้ชายคนนั้นคงจะตื่นนอนแล้ว
“…?”
เนื่องจากห้องคับแคบจนไม่ได้มีบริเวณไหนให้ซ่อนตัว และสิ่งที่ดูอีเห็นตอนนี้ก็คือคนเคยป่วยนั่งมองเท้าตัวเองอยู่บนพื้นที่เขาปูเป็นที่นอนเอาไว้ให้ นั่นคือทำอะไรอยู่… คิดสงสัย และเมื่อดูให้ดีๆ ก็ถึงกับต้องตกใจ เพราะมีหยดเลือดเปรอะอยู่บนพื้นและผ้าห่ม
“ไอ้พวกขยะใช้การไม่ได้!”
ดูอีโยนถุงส้มทิ้งอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเมื่อได้ยินคำสบถด่า เขารีบถอดรองเท้าแล้ววิ่งไปอยู่ตรงหน้าฮายอน ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายมีเลือดไหลไม่หยุดเพราะโดนเศษกระจกบาดเข้าไปถึงข้างใน
มันเกิดจากความโกรธของฮายอน และนี่คือการล้างแค้นครั้งสุดท้ายจากโทรศัพท์มือถือ หลังถูกเจ้าของใช้เป็นเครื่องทุ่นความโกรธแค้นด้วยการเขวี้ยงทิ้งถึงสองครั้งสองคราว
ยอนไม่คิดว่ากระจกแตกจากหน้าจอโทรศัพท์จะย้อนมาทำร้ายตัวเอง ด้วยการปักเข้าไปในฝ่าเท้าอย่างจัง และนั่นทำให้ทั้งผ้าห่มและพื้นห้องเต็มไปด้วยรอยเลือด
ดูอียกเท้าของยอนขึ้นมาเพื่อดูบาดแผล จากนั้นก็รีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำการรักษาแผลสดเบื้องต้น และมันเป็นกล่องเดียวกับที่ใช้ทำแผลบนใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายนั่นเอง
“คือ ผะ…แผล”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาจ้องด้วยสีหน้าคล้ายกำลังคาดโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดเจ้าของห้อง ทำเอาดูอีสะดุ้งจนตัวสั่น ยอนไม่ชอบใจเมื่อโดนอีกคนยกเท้าขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต แต่พอเห็นว่าหยิบกล่องปฐมพยาบาล ก็เลยจบด้วยการจ้องมองเพียงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงได้ใช้เท้ายันไอ้ตัวเล็กนี่ออกไปแล้ว
“รีบทำแผลดิ อยากเห็นฉันสลบหรือไง”
ดูอีค่อยๆ ตั้งสติหลังจากกะพริบตาปริบๆ กับท่าทางอวดดีไม่เห็นหัวคนอื่นของผู้ชายตรงหน้า เขารีบเปิดกล่องปฐมพยาบาลออกแล้วหยิบอุปกรณ์ล้างแผลและผ้ากอซขึ้นมา พร้อมกับคิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องรีบทำแผลให้ก่อนแล้วกัน
ร่างบางใช้ที่คีบหยิบเศษกระจกชิ้นที่มองเห็นออกมาจากฝ่าเท้าก่อนเป็นอันดับแรก ขั้นตอนนี้ทำให้หนังของบริเวณนั้นหลุดลอกตามออกมาบ้าง แต่ดูอีก็ทำทุกอย่างได้ดีขึ้นหลังจากโดยคุณชายไร้มารยาทออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหัวเสียว่าให้ทำแผลดีๆ
หมวกดูอีเกือบหลุดเพราะแรงจากการสะบัดเท้าด้วยความเจ็บแสบด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ล้างแผล คุณชายคนเก่งคงไม่ถูกกับความเจ็บปวดเท่าไหร่ ยังดีที่ยอมสงบลงเมื่อแปะผ้าก็อซปิดท้าย
แล้วก็โชคดีที่เจ็บขาแค่ข้างเดียว จากนั้นเจ้าของห้องอย่างเขาจึงทำการเก็บกวาดเศษแก้วที่หลงเหลือบนพื้นให้ด้วยมือ จากนั้นก็หยิบที่โกยขยะมาจากบนตู้วางรองเท้า โดยไม่ลืมคว้าถุงส้มที่โยนทิ้งไปตอนแรกติดมือกลับมาด้วย
เขาเดินเอาถุงส้มมาวางเงียบๆ บนผ้าห่มที่อีกฝ่ายยังคงนั่งอยู่อย่างวางท่าโดยไม่บอกกล่าวอะไร ยอนมองด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรและไม่ยอมขยับตัว จนกว่าดูอีจะเป็นคนหยิบส้มนั้นออกมาจากถุงแล้วยื่นมาให้แกะกิน
มัวแต่ยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดพื้นจนไม่ได้สนใจว่าฮายอนจะจ้องมองอยู่หรือไม่ คนตัวเล็กจัดการกวาดเก็บเศษกระจกเข้าที่โกยขยะเป็นอย่างดี เพราะกลัวว่ามันจะบาดเท้าอีกฝ่ายซ้ำเข้าอีกรอบ และจบด้วยการทิ้งมันลงในถุงขยะแบบใช้ครั้งเดียวข้างๆ ตู้วางรองเท้า
“เฮ้ย ไอ้น้อง”
เขาหยุดมือทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะหันไปมอง น้อง? หมายถึงเราเหรอ ดูอีมีสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจกับความหมายคลุมเครือ้ของคำเรียก อีกฝ่ายยังไม่แกะส้มกิน ทำเพียงโยนมันขึ้นในอากาศแล้วรับไว้ในมืออีกครั้งซ้ำๆ ไม่หยุด จากนั้นก็ถามต่อ
“ชื่ออะไร”
คำถามนั้นทำให้ดูอีนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักชื่อเขา และหากไม่ถูกถามก่อน เขาก็คงไม่กล้าบอกชื่อตัวเองจนกระทั่งลาจากกันไปนั่นแหละ ดูอียิ้มอ่อน วันนี้ที่ทำงานก็เพิ่งคุยกันถึงเรื่องชื่อเขา…
“ลี… ลีดูอี…ครับ”
ลีดูอี? ยอนย้ำ หลุดหัวเราะออกมาหลังได้ยินชื่อที่ไม่คาดคิดมาก่อน เขาหัวเราะคิกคักสักพักก่อนจะเลิกสนใจเรื่องนั้นแล้วพุ่งเป้าเข้าประเด็นตัวเองทันที
“นายรู้จักฉันไหม”
ร่างบางยังมึนกับคำถาม สมเป็นลีดูอีคนเดิม รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ไหมงั้นเหรอ แน่นอนว่าไม่… แต่เดี๋ยว มีอย่างนึงที่เขารู้ก็คือชื่อจริง ดูอีคิดว่าคนถามน่าจะต้องการถามถึงเรื่องชื่อว่ารู้จักไหม เขาเลยพยักหน้ารับ
“คุณฮา… ฮายอน?”
ว่าแล้วว่าต้องรู้จัก ยอนบ่นในใจ ใช่สิ ถ้าไม่รู้จักก็คงไม่มีใครทำอะไรให้คนแปลกหน้าขนาดนี้หรอก
ร่างสูงกระดิกนิ้วสั่งให้เดินเข้ามาใกล้ๆ ดูอีจึงขยับตัวเข้าหาโดยไม่สงสัยเลยสักนิดว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ แล้วยอนกระดิกนิ้วอีกครั้งเพื่อสั่งให้นั่งลง เขาก็ทำตามเหมือนเดิมจนอีกฝ่ายกระตุกยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูน่าสงสัย ดูอีเริ่มรู้สึกปั่นป่วนในใจแล้ว
จากนั้นยอนก็คว้าคอเสื้อคนตรงหน้าทันทีพร้อมกับออกแรงกระชากจนต้องหงายเงิบไปด้านหลัง ดูอีตกใจและสะบัดเท้าเพื่อยันตัวจะลุกหนี แต่นั่นทำให้อีกฝ่ายออกแรงบีบรัดบบคอเสื้อมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ใครนายส่งมา หา? ไอ้เวรฮากยองมันส่งมาเหรอ ฮะ? ฉันเอาเงินฟาดหัวสั่งให้นายกลับไปบอกมันว่าเลิกยุ่งสักทีได้ไหมเนี่ย เฮ้ย ตอบดิวะ”
“อึก…”
ดูอีไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้แต่คิดว่าตัวเองโชคร้ายเพราะดันช่วยชีวิตคนนิสัยไม่ดี แย่ชะมัด ไม่เข้าใจว่าจะบีบคอกันทำไม แล้วก็ไม่รู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“เฮ้ย ยังไง ถ้าไม่ใช่ไอ้ฮากยอง งั้นใคร… ป้าส่งมาเหรอ สั่งให้มาคุมฉันแล้วอยู่เงียบๆ หรือไง หา?”
เดี๋ยว เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อวาน จะไปรู้เหรอว่าป้าคุณเป็นใคร แล้วจะถูกใครส่งมาได้ยังไง คงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ เพราะล้มป่วยไปเป็นวัน สีหน้าดูอีเริ่มเปลี่ยนสี เขาพยายามขยับปากร้องขอชีวิตจากยอน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
ขณะหายใจไม่ออกจนรู้สึกเหมือนกำลังจะตายแล้ว ร่างบางก็หันไปเห็นว่าบนพื้นข้างตัวว่ามีพวกการ์ดและบัตรประชาชนของคนที่กระชากคอเสื้อเขาวางอยู่ ดูอีจึงใช้แรงทั้งหมดเพื่อเอื้อมมือไปหยิบเป้าหมายมาจากบนพื้น เขาคว้าบัตรประชาชนใบนั้นแล้วยื่นมาตรงหน้าเจ้าตัว
คงได้ผล เพราะอีกฝ่ายยอมผ่อนแรงมือจนลำคอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ดูอีไอค่อกๆ แค่กๆ จากความอึดอัดและเริ่มเจ็บ พลางขยับหนีไปนั่งอีกทาง เนื่องจากกลัวว่าคนนิสัยเสียจะเปลี่ยนใจมาทำร้ายกันอีกรอบ
“แค่ก ระ เรื่องชื่อ ผม… อะ แอบดู จาก…จากบัตร ครับ… ปะ ปลุก ให้ตื่นมา…กิน…กิน แค่กๆ ขอ…ขอโทษ…”
ระหว่างอธิบายก็หยิบหมวกที่หลุดจากศีรษะตอนถูกกระชากคอเสื้อขึ้นมาสวมใหม่อีกรอบ จากนั้นก็แอบเหลือบมองปฏิกิริยาของคนใจร้อน ดูท่าคงจะไม่เข้ามาคว้าคอเสื้อกันอีกรอบแล้วล่ะ ถึงสีหน้าจะอ่านยาก แต่ก็คิดว่าสถานการณ์คงไม่แย่เท่าก่อนหน้านี้
“ดูชื่อจากบัตรประชาชนในกระเป๋าสตางค์ ก็เลยรู้จักงั้นเหรอ”
ดูอีพยักหน้ารับ เพราะอีกฝ่ายคาดเดาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
“เหอะ เออ แก้ตัวได้ดี”
เรื่องจริงต่างหาก… ดูอีขณะจ้องเจ้าของหน้าตาถากถางเหมือนจะหาเรื่องกัน แต่ภายนอกก็ทำเพียงแค่ยืนนิ่งๆ คล้ายรู้อยู่แล้วว่าถึงแก้ตัวอย่างไร ก็ไม่ได้ผลลัพธ์แตกต่างจากเดิมอยู่ดี
สำคัญกว่านั้นคือส้มที่ซื้อมากระจุยกระจาย ส่วนพื้นก็ยังเลอะด้วยรอยเลือด ไหนจะไม่โอเคกับการต้องเห็นรอยเลือดเปรอะบนผ้าห่มผืนหนาอีก ผ้าปูที่นอนดูจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่นัก เรื่องใหญ่คือผ้าห่มนั่นแหละ ตอนนี้เหลือแค่ผ้าห่มบางๆ สำหรับหน้าร้อนเท่านั้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนตัวเองเก็บคนเอาใจยากที่สุดในโลกเข้ามาอยู่ด้วย
ดูอีกะพริบตาด้วยความง่วงงุนและมีสีหน้าเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ชวนช็อกเมื่อครู่ เขาถอดเสื้อนอกออกแล้วลุกขึ้นยืน
คงต้องเริ่มจากเช็ดพื้นก่อน เพราะคราบเลือดมักจะซักไม่ออกหากปล่อยทิ้งเอาไว้นาน พร้อมกับคิดคำนวณว่าคงต้องใส่ผ้าลงในเครื่องซัก ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูจากซอกของตู้เสื้อผ้าที่เขาเพิ่งแขวนเสื้อนอกเก็บเข้าไป ตามด้วยการหยิบผ้าขี้ริ้วแล้วชุบไปน้ำจากซิงค์ล้างจานในครัว

คอมเมนต์

Chapter List