ปรุงรักเติมใจ คุณชายไฮโซ ตอนที่ 2-4

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 2-4 การพบเจอ (2)

หลังจากจัดการเรื่องชั้นในเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คือกับข้าว ดูอีครุ่นคิดว่าควรทำอะไรให้ยอนกินดี ถึงจะลดความไม่พอใจของอีกฝ่ายลงได้ ก่อนจะตัดสินใจหยิบข้าวสารมาล้างน้ำ เพราะคิดว่าเริ่มจากหุงข้าวน่าจะดีกว่า จากนั้นก็นึกถึงกับข้าวจากรองผู้จัดการร้านไปพลางๆ
จริงด้วย เขาคิดว่าอันนั้นอร่อยดี ทำให้กินดีไหมนะ แต่มันค่อนข้างจะกินยากสำหรับครั้งแรกเหมือนกัน แถมเพิ่งจะหายจากอาการป่วยมา กินอาหารอ่อนๆ หน่อยคงจะดีกว่า
เอาเป็นชวีนามุล (ต้มผักสดและเนื้อ) ยอนดูบูฮเว (เต้าหูซอสทรงเครื่อง) ส่วนจีเก… ก็เป็นทเวนจังจีเก (แกงเต้าเจี้ยว) แล้วกัน
ข้าวจะอร่อยกว่าเดิมถ้าหากเติมข้าวโพดลงไป ควรจะใส่ด้วยดีไหม อ้อ แล้วก็ไข่ม้วนเพิ่มอีกอย่าง…
สุดท้ายเมนูก็เพิ่มขึ้นเรื่อยเปื่อยจนเดาไม่ถูกเลยว่าดูอีจะเข้าเรียนทันไหม แต่มันก็ทำให้ดูอีสามารถบรรลุชีวิตในจินตานาการของตัวเองได้ หลังจากใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอดหกปี ยกเว้นสองปีในกรมทหาร
การทำอาหารสำหรับสองที่ กลับเป็นทั้งความฝันและชีวิตในจินตนาการ ถึงมันจะค่อนไปทางความไร้สาระจนดูประหลาด แต่หากได้ฟังเรื่องราว ก็พอจะเข้าใจได้
ชีวิตในจินตนาการของเขาเริ่มต้นจากการไม่ชอบกินข้าวคนเดียว และชอบช่วยเหลือดูแลคนอื่น โชคร้ายที่ไม่มีใครรู้ความจริงข้อนี้เลย… รวมกับความนิสัยดี ทั้งหมดเลยรวมกันจนกลายเป็นความฝัน ดูอีกำลังสนุกสนานกับการต้อนรับแขกคนแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่เมื่อวานซืน นั่นคือความลับของเขา
พ่อแม่เขามักจะยุ่งกับการดูแลพี่ชายจนทำให้เขาต้องกินข้าวคนเดียวเสมอ และจนถึงตอนนี้ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง
ถึงจะยอมแพ้ไปมากกว่าครึ่งของความคิด แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลุดลอย โลภแค่นี้คงไม่มีใครสนใจหรอกมั้ง ไม่มีคนรู้ด้วย… ว่าแล้วก็แอบยิ้มกับตัวเองใต้หมวกแก๊ปใบเดิม
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ยอนเข้าไปอาบน้ำตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า และใช้เวลาชั่วโมงครึ่งกับการล้างขัดตัว ประตูห้องน้ำถึงจะเปิดออกอีกครั้ง อีกฝ่ายใส่กางเกงเทรนนิ่งขาสั้น ส่วนเสื้อกลับถือไว้ในมือ สีหน้ายังมีแต่ความหงุดหงิดเหมือนเดิม
“ห้องน้ำโคตรแคบ”
ระหว่างใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเปียกชื้น ก็บ่นอุบกับการอาบน้ำครั้งแรกในรอบหลายวัน เป็นจังหวะเดียวกับที่ดูอียกแกงมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าวตัวเล็กพอดี ทั้งคู่จึงสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ และนั่นทำให้ดูอีส่งยิ้มบางๆ ด้วยสายตาแปลความหมายว่าให้อีกคนรีบนั่งลง
“โอ๊ะ ทีอย่างนี้ยิ้มเป็นแล้วเหรอ”
พอเห็นยอนยิ้มตอบ เขาก็เลยคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ตัดสินว่าอาหารมื้อนี้เลวร้ายอะไร ร่างบางมีสีหน้าดีขึ้นหลังได้สนุกกับชีวิตในจินตนาการ แต่พอรู้สึกเหมือนถูกจับได้ก็ทำตาโต ก่อนจะปรับสีหน้าให้นิ่งเฉยอีกครั้ง
ดูอีถอดหมวกแก๊ปออกเพราะต้องจัดการกับเรื่องอาหาร ทำให้ยอนมองเห็นใบหน้าใต้หมวกได้ชัดเจนอีกครั้งเหมือนตอนช่วงเช้ามืดของวัน ความหมองเศร้าจากนัยน์ตาที่ดูห่วงกังวลตลอดเวลาทำให้ดูอีมีดวงตาคล้ายจะร้องไห้อยู่เสมอ แต่นั่นทำให้คนตัวเล็กดูมีความอ่อนโยนในแบบของคนเป็นแม่
ยอนไม่ถนัดการนั่งกับพื้นเท่าไหร่ แต่ก็ยอมนั่งขัดสมาธิลงฝั่งตรงข้ามกับดูอี โดยใช้ขาข้างที่เจ็บทับอยู่ด้านบน แถมต้องปรับความสูงให้เข้ากับโต๊ะด้วยตัวเอง เพราะสูงและตัวใหญ่กว่าเจ้าของห้อง ยอนต้องก้มตัวลงจนทำให้หงุดหงิดกับความลำบากลำบนนี้
อยากบ่นออกมาเหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าน่าสงสารยิ่งกว่าทุกครั้งที่ใส่หมวกปิด ยอนจึงเลือกหยิบถ้วยข้าวขึ้นมาถือแล้วยืดหลังตรงแทน
“ทำอะไร รีบกินเข้าไปดิ”
“คะ…ครับ”
ร่างสูงตักข้าวผสมข้าวโพดเข้าปาก ดูอีเองก็ตักข้าวอย่างเรียบร้อยพลางยกยิ้มด้วยความชอบใจกับสถานการณ์ตอนนี้ รู้สึกดีที่ตัวเองทำกับข้าวได้ไม่แย่หลังจากใช้ชีวิตคนเดียวมานาน ไข่ม้วนออกมาน่ากิน แกงเต้าเจี้ยวก็รสชาติโอเค ส่วนอาหารอื่นๆ ก็พอใช้ได้เช่นกัน
ส่วนยอนก็กำลังแปลกใจกับฝีมือทำอาหารที่ดีกว่าที่คิดของอีกคน เทียบกับเพื่อนที่อาศัยอยู่คนเดียวตอนสมัยเรียน หรือป้าแม่บ้าน รวมถึงผู้หญิงที่เขาเคยคบทุกคนแล้ว อาหารพวกนี้มีทั้งรสชาติและหน้าตาถูกใจยิ่งกว่าที่คนอื่นๆ ทำให้กิน ไอ้หมอนี่ใส่ยาเสพติดไว้ในอาหารเหรอวะ
แต่จริงๆ เขาไม่ค่อยได้กินอาหารธรรมดาๆ แบบนี้เท่าไหร่ ยอนครุ่นคิดว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไอ้ตัวเล็กเคยเขียนโน้ตบอกว่าออกไปทำงานพิเศษ
“นี่ นายทำงานพิเศษที่ร้านอาหารเหรอ”
“…ครับ…”
“เป็นพ่อครัว?”
“ปะ…เปล่า…ครับ”
พอได้ยินดูอีตอบว่าทำร้านอาหาร ยอนก็เลยคิดว่าไม่แปลกอะไร แต่ก็ต้องมึนงงเมื่อตอบว่าไม่ได้เป็นพ่อครัว
“คะ คือ เป็น…ผู้ ผู้ช่วย…ในครัว คอย ล้างจาน ระ…หรือ ทำความ…สะอาด ใน…ในร้าน…”
“อ๋อ”
อีกฝ่ายตอบรับส่งๆ ทั้งที่ยังอาหารเต็มปาก เป็นผู้ช่วยในครัวก็คงมองแล้วก็เรียนรู้มาบ้างมั้ง
“อายุเท่าไหร่”
ดูอีกลืนข้าวลงคอ ก่อนจะค่อยๆ ตอบด้วยสีหน้าติดเขินอาย
“ยี่…สิบ…”
“ยี่สิบเหรอ!?”
ตะโกนย้อนถามด้วยความเหลือเชื่อเพราะนึกว่าตัวเองเข้าใจผิดจากรูปลักษณ์ เมื่อได้ยินแบบนั้น เจ้าตัวก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดแก้ไขอย่างรวดเร็ว
“ปะ เปล่าครับ ยี่สิบ…แปด”
“อายุขนาดนั้นแล้วยังทำงานพิเศษอยู่อีกงั้นเหรอ”
คำถามจี้ใจดำทำเอาหยุดมือที่กำลังกินข้าว แล้วก็เบนสายตามองพื้นอย่างละอายใจ จริงด้วยสิ ใกล้จะเข้าช่วงสอบกลางภาคแล้ว… คนอื่นๆ ต่างก็ตั้งใจกับการเพิ่มคุณสมบัติของตัวเอง ทั้งคะแนนโทอิก ทั้งดูแลตัวเอง แต่ตัวเขากลับไม่มีอะไรเลยทั้งๆ ที่อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังทำแค่งานพิเศษอยู่เท่านั้น ดูอีได้แต่นั่งนิ่งไม่ต่างจากเวลาฟังพ่อแม่บ่น
“เพราะ ค่า… ค่าเทอม พะ แพง…ครับ”
“ค่าเทอม? อย่าบอกนะว่านายยังเรียนอยู่ อายุเท่านี้อะนะ”
“คะ…ครับ ปะ ปีสาม”
เนื่องจากยอนเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุยี่สิบ โดยไม่ได้พักการเรียนเพื่อเข้ากรมกลางคัน และเรียนจบอย่างรวดเร็วเพื่อเข้ามาช่วยพ่อบริหารบริษัท จึงไม่เข้าใจสถานการณ์ยากลำบากของอีกคน จนทำสีหน้าเหมือนโลกนี้พลิกกลับด้าน
ดูอีรู้สึกแย่แทบตายเมื่อได้รับรู้ความเป็นจริงของโลกกว้างผ่านสีหน้าและสายตาของฮายอน แม้เขาจะพยายามหันหลังและทำเป็นไม่สนใจมาตลอด แต่การถูกเจาะโลกแห่งจินตนาการจนแตกโพล๊ะแล้วกลับมาสู่โลกความเป็นจริงอย่างรวดเร็วแบบนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกอายและอยากหายตัวเข้ารูหนูสักแห่ง
ค่าเทอมนั่นจะสักเท่าไหร่กันเชียว ยอนคิดพลางทำเสียงจึ๊ๆ ในปาก โดยไม่คำนึกถึงความแตกต่างเลยว่าตัวเองเกิดมาบนกองเงินกองทอง ใครเห็นก็คงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยทั้งนั้น
และหลังจากนั้น เรื่องราวก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่ดูอีคิดเลย เพราะยอนเอาแต่พูดถึงความเก่งกาจว่าตัวเองเป็นคนมีฝีมือแค่ไหน ตามด้วยเรื่องไร้สาระ ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์อะไรนัก ถึงมันจะน่าเศร้านิดหน่อย แต่ดูอีก็รู้สึกดีกับการมีคนอื่นเข้ามานั่งคุยด้วยในบ้าน เขาพยักหน้ารับฟังอย่างแข็งขันและตั้งอกตั้งใจ
ร่างสูงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อบ้วนปากเมื่อกินข้าวหมดเรียบร้อย อุตส่าห์ตื่นเช้า ทว่าตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบเก้าโมงแล้ว กว่าจะเอาเสื้อผ้าไปส่งร้านซักรีดแล้วเข้าเรียนตอนสิบโมงให้ทัน เขาต้องรีบออกไปแล้ว
ดูอีหยิบเสื้อคลุมของคณะบริหาร มหาวิทยาลัยเอที่มักจะสวมเป็นประจำเกินสามครั้งต่อสัปดาห์ออกจากตู้เสื้อผ้า ดันกระเป๋าไปไว้หน้าประตู หยิบหมวกมาสวมลงบนศีรษะ ก่อนจะเตรียมกล่องปฐมพยาบาลรอ ซึ่งพอดีกับยอนเดินกะเผลกออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดปากตัวเอง
“ผม…”
เขาชี้ผ้าก็อซเปียกๆ จากการอาบน้ำ ยอนเลยพึมพำเบาๆ ว่าไอ้เด็กเจ้าของห้องเอ๊ย ก่อนทิ้งตัวลงนั่งเหยียดขา
“รีบทำ”
ดูอีเลยดึงผ้าก็อซออกจากฝ่าเท้า ทำความสะอาดแผลและทายาให้ จากนั้นก็ใช้ผ้าก็อซแผ่นใหม่แปะแผล โชคดีไปที่แผลสมานกันแล้ว ต่อไปก็เป็นรอยแตกบนหน้า
ร่างบางใช้เข่าขยับตัวเข้าไปใกล้ด้วยความรีบร้อนจนปลายจมูกเฉียดกัน และไม่ทิ้งช่วงให้ยอนได้สบถกับความใกล้เกินระยะปลอดภัยจนไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ ดูอีก็ดึงพลาสเตอร์ตรงตาและปากออก ทายาซ้ำบนรอยแผลแล้วติดพลาสเตอร์แผ่นใหม่อีกครั้ง จริงๆ อาจไม่ต้องติดพลาสเตอร์แล้วเพราะแผลเริ่มตกสะเก็ด แต่จากนิสัยของผู้ชายคนนี้แล้ว พอทายาเสร็จเดี๋ยวก็คงได้แกะเกาจนแผลไม่หายแน่นอน
หลังทำอะไรทุกอย่างเรียบร้อย ดูอีก็หยิบของที่เตรียมไว้แล้วสะพายกระเป๋า เอ่ยบอกคนที่ยังทำหน้าบูดไม่เลิกว่ามีเรียนแค่ตอนเช้า เดี๋ยวจะกลับมาช่วงกลางวัน จากนั้นก็รีบใส่รองเท้าแล้วออกไปทันทีเพราะใกล้จะสายจริงๆ แล้ว มีเสียงวิ่งลงบันไดตึงตังๆ ดังมาจากด้านนอกให้ได้ยิน
“ไอ้…ไอ้เวรนี่…”
ยอนจ้องประตูนิ่งพลางใช้ปลายนิ้วแตะพลาสเตอร์บนใบหน้า กล้าแตะตัวเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตขนาดนี้ รู้สึกแปลกจนควบคุมความขุ่นเคืองไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงสะบัดตัวเอี้ยวไปมาอย่างหงุดหงิดจนไม่เป็นอันทำอะไร

คอมเมนต์

Chapter List