ภูพิงค์เคียงตฤณ ตอนที่ 6
ตอนที่ 6 ข้อเสนอของมาเฟีย
“จอดข้างหน้าเลยครับคุณลุง”
ชมพูเอ่ยบอกกับคุณลุงวินมอไซค์ที่ขับรถมาจากหน้าปากซอยมาส่งเขาที่หน้ารั้วคฤหาสน์สีทอง ปกติหากเป็นเวลากลางวันชมพูก็เดินเข้ามาเองได้ แต่ตอนนี้เป็นเวลาสองเกือบจะสามทุ่มแล้วจึงทำให้ทางเดินเข้ามาค่อนข้างเปลี่ยว อีกทั้งในซอยนี้ก็มีเพียงคฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้หลังเดียวเท่านั้น
คนตัวเล็กตั้งใจจะเดินไปทางเรือนคนใช้ด้านหลัง แต่สายตาคู่สวยเหลือบเห็นเหมือนมีแสงไฟในคฤหาสน์หลังใหญ่น่าจะลืมปิดอีกแล้ว สงสัยพี่เหว่าจะลืมปิดไฟอีกแน่ๆเลย หากป้านวลรู้คงไม่วายถูกบ่น เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่ายชมพูจึงตั้งใจจะไปปิดให้
บรรยากาศห้องโถงของคฤหาสน์เงียบสงัดเพราะทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ส่วนพวกบอดี้การ์ดจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาข้างในและดูแลความเรียบร้อยแค่ภายนอกเท่านั้น จะมีก็แต่ป้านวลพี่เหว่าและชมพูที่สามารถเดินเข้าออกได้
ในห้องโถงมีไฟส่องสว่าง ก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักอยู่ภายในห้องครัว เสียงนั้นดังถี่ขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนข้างในกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
“หรือจะเป็นขโมย”
คิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กจึงย่องไปทางห้องเก็บของใต้บันไดก่อนจะคว้าได้ไม้เบสบอลมา สองขาเรียวค่อยๆย่ำเดินไปทางด้านหลัง ก่อนจะเห็นแผ่นหลังของคนที่คิดไปเองว่าเป็นขโมย
“หยุดนะ”
“…”
ปึก!
สิ้นเสียงขู่เหมือนแมวคนที่กำลังเปิดลิ้นชักค้นหาของก็หันกลับมาก่อนจะโดนไม้เบสบอลฟาดไปที่หัวอย่างแรงจนคาดว่าหัวของมันน่าจะแตก แต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของโจรร่างใหญ่ตรงหน้าเลยสักนิด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
น้ำเสียงทุ้มดังตวาดลั่นทำเอาชมพูขนลุกซู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสั่นสู้สุดชีวิตยกไม้ขึ้นสูงเหนือหัวขู่ฟอดๆเหมือนแมว แสงไฟสลัวที่สาดส่องมาจากไฟทางเดินทำให้เห็นใบหน้าคนร้ายไม่ชัดนัก เพราะงั้นอาจจะต้องทำให้มันสลบแล้วค่อยไปตามคนมาช่วย
ความคิดยิ่งใหญ่ทั้งที่ตัวเองก็ตัวเล็กจิ๊ดเดียว
ปึก!
ร่างสูงตรงหน้าคว้าไม้เบสบอลให้มือพร้อมกับขบกรามจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปน
เคร้ง!
เพียงแค่กระชากด้วยมือข้างเดียวก็สามารถแย่งไม้ในมือไปจากคนตัวเล็กได้ก่อนจะทุ่มมันลงพื้นด้วยความโกรธจัด เสียงวัตถุดังสนั่นห้องครัวทำเอาชมพูหัวใจเต้นเร็วเขาคิดว่าอาจจะถูกทำร้ายได้
พรึบ!
“จะหนีไปไหน!”
ข้อมือขาวถูกคว้าและบีบเอาไว้อย่างแรงจนชมพูรู้สึกเจ็บจนน้ำตาจะไหล ไม่คิดว่าความรู้สึกกลัวจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ถึงแม้จะตะเกียกตะกายดิ้นแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดออกจากพันธนาการนี้ไปได้แถมยังถูกลากออกจากห้องครัวไปตามทางเดินและมาหยุดอยู่ที่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ที่เปิดไฟสว่างจ้า
“คะ คุณตฤณ”
ในตอนนั้นเองที่ดวงตากลมโตสุกใสของชมพูต้องเบิกกว้าง ผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อคลุมสีกรมท่าปักไหมทองลายมังกรยืนขบกรามเอาไว้แน่น ที่ศีรษะมีเลือดสีแดงสดไหลลงมาอาบที่ข้างขมับแต่สีหน้าเรียบเฉยราวกลับว่าไม่เจ็บเลยสักนิด
มะ เมื่อกี้ชมพูเอาไม้ฟาดหัวเจ้าของบ้าน!
“คะ คุณตฤณ….ชม…ชม”
ชมพูกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเลือกซิบออกมา เขาทำผิดจนไม่น่าให้อภัย คุณตฤณที่เพียงนั่งเฉยๆก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นัยส์ตาสีนิลหรี่มองอย่างวาวโรจน์
“ฉันใจดีกับนายมากเกินไปเหรอภูพิงค์!!”
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณตฤณภพเรียกชื่อของคนตรงหน้า แถมยังเรียกเป็นชื่อจริงเสียด้วย ชมพูรู้สึกกลัวยามที่ถูกตวาดเสียงดัง ดวงตาร้อนผ่าวแต่ก็ต้องฝืนเอาไว้ หัวไหล่ห่อเข้าหากันยามที่ถูกคนใจร้ายบีบบ่าทั้งสองข้างเขย่าอย่างแรง จะบอกยังไงนะว่าชมไม่ได้ตั้งใจ แต่อยากดูแลคฤหาสน์หลังนี้ให้ดีเท่านั้นเอง
“ขะ ขอโทษชมขอโทษ ชมนึกว่าขโมย ฮึก”
“บ้านฉันมีบอดี้การ์ดเดินเวรตลอด24ชั่วโมง ขโมยที่ไหนมันจะกล้าเข้ามาในนี้ นี่นายโง่กว่าที่ฉันคิดนะภูพิงค์ ไอ้ที่ส่งเสียให้เรียนมาปีนึงไม่พัฒนาเซลล์สมองในหัวนายเลยเหรอ”
เจ็บ
คำพูดที่บาดลึกยิ่งกว่าการที่ถูกพ่อกับน้องด่าเช้าด่าเย็นเสียอีก ชีวิตของภูพิงค์มันไร้ค่าไร้ราคาถึงขนาดที่ใครๆก็สามารถด่าทอได้โดยไม่คิดว่าภูพิงค์คนนี้ก็มีหัวใจ มีความรู้สึก เลยใช่ไหม
ชมพูเป็นแค่ขยะที่ไร้ค่า
“ฉันพูดด้วย จะก้มหน้าทำไม!”
“!!!”
มาเฟียชะงักไปชั่วครู่ยามที่ฝ่ามือหน้าล็อคปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ทะนุถนอมและไม่อ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย หยาดน้ำตาไหลพรั่งพรูบนใบหน้าเนียน ดวงตากลมโตไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนใจร้ายอีกต่อไปเมื่อน้ำสีใสบดบังเอาไว้ทั้งหมด
ใจร้าย
“ไสหัวไปซะ ทีหลังอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“ขอโทษครับ ชมแค่กลัวว่าขโมยจะขึ้นบ้าน ชมแค่อยากฮึก ช่วยดูแล ชมขอโทษที่โง่”
กึก
ความน้อยอกน้อยใจของชมพูเอ่อล้นออกมา เขาเพียงแค่อยากปกป้องทรัพย์สินของคุณตฤณภพ มันดูโง่ในสายตาคุณเขามากเลยใช่ไหม
“แล้วเลือดที่หัวฉันนายจะรับผิดชอบยังไง”
น้ำเสียงยังคงดุดันแต่ก็ลดลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว ตฤณภพกอดอกวางสายตาไว้ที่กลุ่มผมสีน้ำตาลเพราะคนตรงหน้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตา
“เงยหน้าขึ้นมาภูพิงค์ เวลาคุยกับผู้ใหญ่ใครใช้ให้ก้มหน้ากัน”
ชมพูเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง แต่ดันเผลอไปสบตากับคุณเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาฉ่ำน้ำล่อกแล่กไปมาราวกับไม่รู้ว่าจะผละออกจากนัยน์ตาสีนิลนั้นได้ยังไง เขาเหมือนถูกสะกดให้จ้องมองมันและถูกสาปไม่ให้หลบสายตาไปไหน พอไม่ได้มองใบหน้ามองแค่แววตานั้นมันทำให้หัวดวงน้อยๆของชมพูเต้นแรง
ตึกตึก
นี่มันอะไรกัน กลัวจนขึ้นระบบประสาทไปแล้วแน่ๆ
“ภูพิงค์”
“…”
“ภูพิงค์!”
“คะ ครับ”
“จะมองอีกนานไหม ไปเอากล่องทำแผลมาสิ”
“คะครับ”
สิ้นเสียงคำสั่งดึงสติของหนุ่มน้อยร่างบางกลับมาได้ ชมพูรีบก้มหน้าหลบสายตาก่อนจะรีบวิ่งย้อนกลับไปที่ห้องครัวเพื่อหากล่องยาสามัญ เขาหาแค่ครู่เดียวก็เจอแล้วเพราะชมพูแทบจะรู้ทุกซอกทุกมุมภายในคฤหาสน์แห่งนี้เป็นอย่างดี
พอกลับออกมาก็มองเห็นแผ่นหลังของคุณตฤณภพกำลังนั่งอยู่ที่โซฟากำมะหยี่ คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้
“รีบทำเข้าสิ ดึกแล้ว”
“คะ ครับ”
มือสวยเปิดกล่องทำแผลออกมา เขาหยิบสำลีมาซับเอาคราบเลือดสีสดที่ขมับออกให้อย่างแผ่วเบา คนเจ็บนั่งนิ่งเฉยแต่เป็นชมพูเสียงเองที่ขมวดคิ้วตลอดเวลายามที่สำลีสัมผัสกับผิวหนัง อย่างกับเป็นคนเจ็บเสียเอง
นี่คุณตฤณภพยังมีจิตวิญญาณอยู่ไหมนะ แต่ก็น่าจะมีเพราะตอนนี้ท่อนแขนเล็กของชมพูที่เฉียดไปเฉียดมาอยู่ตรงปลายจมูกโด่งของคุณเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ตลอดเวลา
“เจ็บนิดนึงนะครับ”
“…..”
“ซี๊ด”
ยามที่สำลีแต้มยาสีเหลืองเข้มป้ายลงไปบนแผลเสียงซี๊ดซ๊าดก็เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชมพูเผลอแสดงความเจ็บปวดแทนคนตรงหน้า โดยไม่รู้ว่าถูกสายตาคมจ้องมองราวกับว่ารำคาญเต็มทีแล้ว
“มันเจ็บมากนักหรือไง”
กึก
ชมพูเพิ่งรู้สึกตัว เข้าเม้มปากเพื่อเก็บเสียงก่อนผละออกมาเพื่อค้นหาพลาสเตอร์ปิดแผลหรือผ้าก็อตแต่ก็ไม่เจอ น่าจะหมดตอนที่มีคนงานขอไปทำแผลเมื่อไม่กี่วันก่อน หากจะปล่อยแผลของคุณตฤณเอาไว้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ก็กลัวว่าแผลจะติดเชื้อ
ชมพูผละออกมาก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าผ้าที่เผลอวางทิ้งไว้ขึ้นมา เขาค้นหาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเจอกับกระเป๋าสตางค์ราคาถูกของตัวเอง จากนั้นจึงเปิดออกเพื่อหยิบเอาพลาสเตอร์ปิดแผลที่อยู่ในนั้น เขาซื้อมาปิดแผลถลอกที่ข้อศอกนั่นล่ะ
“คือว่าพลาสเตอร์ในกล่องหมด จะเป็นอะไรไหมครับถ้าคุณตฤณจะติดอันนี้ไปก่อน”
ดวงตาสีนิลมองมาที่พลาสเตอร์ลายหมีแคร์แบร์สีชมพู ตรงหน้าท้องของมันเป็นรูปสายรุ้งสีพาสเทล ทำเอาคิ้วเข้มผูกกันเป็นโบ ชมพูเม้มปากมองมันและพิจารณาอีกรอบ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบสิ่งน่ารักๆแบบนี้สุดท้ายจึงเตรียมเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
“ติดเร็วๆ”
“อะ เอ๋”
ร่างบางเบิกตากว้างพร้อมกับกระพริบแพรขนตาอย่างน่ารัก
“อย่าให้พูดซ้ำหลายรอบได้ไหมภูพิงค์!”
“ครับ”
ชมพูพยักหน้าก่อนจะรีบแกะกระดาษออกจากพลาสเตอร์สีสันน่ารัก จากนั้นจึงแปะมันลงบนเนื้อผิวที่ข้างขมับของคุณตฤณภพอย่างเบามือ ทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าคุณเขาไม่สะเทือนผิวเลยแม้แต่น้อย
“เสร็จแล้วครับ”
“….”
“คุณตฤณครับ”
เมื่อเห็นว่ามาเฟียเจ้าของคฤหาสน์พันล้านนิ่งเงียบไปคนตัวเล็กจึงพูดยิ้มอีกครั้งก่อนจะได้รับหางตาดุร้ายเหมือนเหยี่ยวมองกลับมา คุณตฤณไม่ได้พูดอะไรต่อ ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้า
“ทำไมเพิ่งจะกลับ”
“คือว่าชมไป-“
“อย่าลืมว่านายเป็นลูกหนี้ฉันอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรตามอำเภอใจ มัวแต่เที่ยวเล่นกลับบ้านดึกดื่นแบบนี้”
“คือว่าชม”
“อย่าเถียง ที่ฉันพูดไม่เข้าใจตรงไหนหรือไง ถ้าอยากเป็นอิสระทำอะไรตามอำเภอใจก็เอาเงินสิบห้าล้านมากองตรงนี้ แล้วจากนั้นนายจะไปไหนก็เชิญ”
คำพูดถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอ ชมเพียงแต่อยากจะอธิบายว่าเขาเปลี่ยนเวลาทำความสะอาดบ้านจากที่ต้องทำหลังเลิกเรียนเป็นทำในช่วงตีสามถึงตีห้าแทน เพื่อที่จะได้ไปทำงานพิเศษต่อ แต่ดูเหมือนอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อเจ้าของบ้านมองเขาเป็นแบบอื่นไปแล้ว
“ชมจะรีบหาเงินมาใช้คืนคุณตฤณให้เร็วที่สุดครับ”
ถึงแม้ชาตินี้ไม่รู้จะหาเงินจำนวนมหาศาลนั้นได้หรือเปล่าแต่เขาจะพยายามหามันมาให้ได้ อย่างน้อยต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะได้ออกไปโบยบินอย่างอิสระ
“หึ อวดดี แต่มีอย่างหนึ่งที่นายสามารถทำได้ตอนนี้ และถ้าทำได้ดีนายก็จะเป็นอิสระได้เร็วขึ้น”
ชมพูเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างมีความหวัง แววตาเป็นประกายเห็นได้ชัดว่าเขานั้นดีใจมากแค่ไหน เขาเฝ้ารอให้คุณตฤณภพเอื้อนเอ่ยอย่างใจจดใจจ่อ จะให้เขาไปทำงานหนักตรากตรำหรือต่อให้หนทางยากแค่ไหนเขาก็ยอมทำ
“นอนกับฉัน”
“!!!!”
หนุ่มน้อยร่างบางในชุดนักศึกษาดวงตาเบิกกว้าง เขาจ้องมองสบแววตาของคุณตฤณภพ ชายหนุ่มตรงหน้าเขายกยิ้มมุมปากหยามเหยียดก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นไปบนบันไดคฤหาสน์
“หึ ตัดสินใจได้แล้วก็ตามมา”
*****
คอมเมนต์