ยอดสายลับโอเมก้า ตอนที่ 12
ตอนที่ 12 สถานการณ์ตึงเครียด
เวลา 2 ทุ่ม
งานเลี้ยงสังสรรค์เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เฉินอันหลานตั้งใจออกจากห้องช้าไปครึ่งชั่วโมงเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะฟังการกล่าวสุนทรพจน์และคำอวยพรยืดยาวเหล่านั้น ในตอนที่เขาออกมาจากห้องพัก เขาพบว่าประตูห้องของโอดินปิดลงแล้ว ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้นจะลืมปิดประตูจริง ๆ ช่วงเวลานี้คนตระกูลเอสเตน่าจะอยู่ในงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างไรชื่อของเขาก็อยู่บนสุดของรายชื่อแขกที่ได้รับเชิญมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ เจ้าภาพไม่มีทางตกหล่นในการดูแลเขาอย่างแน่นอน
“คุณเฉิน”
“เชิญทางนี้ครับ”
ประตูงานเลี้ยงเปิดออกทั้งสองข้าง เสียงดนตรีแสนไพเราะดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ ตามมาด้วยเสียงหยอกล้อและเสียงกระซิบกระซาบของหนุ่มสาว ช่วยให้บรรยากาศภายในงานเลี้ยงค่อนข้างเรียบหรูและดูงดงาม
เฉินอันหลานเดินตามบอดี้การ์ดเข้าไปในงานเลี้ยง สมาชิกของทุกตระกูลต่างกระจายตัวตามโต๊ะต่างๆรอบงานเลี้ยง เขาถูกพามายังโต๊ะที่ถูกติดป้ายชื่อว่า ‘เฉินอันหลาน’ เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย บอดี้การ์ดที่เดินนำเขาเข้ามาก็ส่งสัญญาณให้บริกรยกผลไม้และแชมเปญมาเสิร์ฟ จากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดก็โค้งตัวให้เขาและขอตัวจากไป ช่วงเวลาหลังจากนี้จึงจะเป็นเวลาให้แขกได้ทำกิจกรรมและสนุกกับงานเลี้ยงได้อย่างอิสระ บอดี้การ์ดและบริกรจะไม่เข้ามารบกวนอีก
หลังจากนั่งจิบแชมเปญอยู่สักพัก เฉินอันหลานก็ถูกใครคนหนึ่งเดินเข้ามาชวนคุย
คนที่ยกแก้วแชมเปญเดินเข้ามาเป็นโอเมก้าที่มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่นคนหนึ่ง ท่อนขาเรียวยาวและผิวกายขาวผ่อง เป็นที่ล่อตาล่อใจสำหรับพวกอัลฟ่าไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เฉินอันหลานไม่ใช่อัลฟ่าจริงๆเสียหน่อย ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกแรงดึงดูดจากโอเมก้าตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เฉินอันหลานต้องตาต้องใจคือเหลียงลั่วหยินเด็กหนุ่มรูปร่างบอบบาง ทั้งยังดูใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้นต่างหาก คนที่ได้มองแค่แวบเดียวก็ทำให้เกิดความรู้สึกอยากปกป้องดูแล และทะนุถนอมไว้ไม่ให้บอบช้ำ ไม่ใช่แมวป่าที่เอาแต่โปรยเสน่ห์ยั่วยวนผู้คนไปทั่วเหมือนคนตรงหน้า
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?”
“ตามสบายครับ”
โอเมก้าหนุ่มวางแก้วแชมเปญราคาแพงลงบนโต๊ะและเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายเฉินอันหลาน เขาใช้ปลายนิ้วกรีดกรายลงบนปกเสื้อสูทเรียบกริบของเฉินอันหลานอย่างยั่วยวน จากนั้นจึงเข้าประชิดตัวและเบียดร่างแนบชิดกับร่างของอีกฝ่าย
เฉินอันหลานขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
“ผมชื่อเซียร์ เป็นสมาชิกตระกูลล็อก”
“เฉินอันหลาน”
“ผมรู้ คุณเป็นสมาชิกของตระกูลเฉินจากประเทศจีน”
เฉินอันหลานไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะถ้าสายตาไม่มีปัญหาย่อมเห็นป้ายชื่อสีทองที่เขียนว่า ‘ตระกูลเฉิน’ ตั้งเด่นหราบนโต๊ะอยู่แล้ว
เซียร์ยกมือขึ้นโอบไล่ของเฉินอันหลานพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะติดกัน
“คุณเป็นอัลฟ่าที่ไม่เลวเลยนะ มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ดูเหมือนว่าผมจะตกหลุมรักคุณเข้าซะแล้วล่ะสิ” น้ำเสียงทุ้มหวานกระซิบลงข้างหูของชายหนุ่มอย่างยั่วเย้า
“ตอนที่เดินเข้ามาเมื่อกี้ ผมเห็นคุณนั่งอยู่กับผู้ชายอีกคนนี่ครับ”
“คุณสนใจผมแล้วล่ะสิ”
“ผมชอบคนรักที่ซื่อสัตย์ครับ”
“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะไม่ใช่คนรักที่ซื่อสัตย์ของคุณ” เซียร์ยิ้มพร้อมกับเอาหน้าไปแนบชิดใบหูของเฉินอันหลาน ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำ
“หึ หึ มีผู้ชายคนหนึ่งกลัวว่าคนรักของตัวเองจะไม่ซื่อสัตย์กับเขา ทั้งๆที่ตัวเขาเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้คู่รักพอใจ…คุณคิดว่าเขาเป็นคนยังไงล่ะ?”
เฉินอันหลานขมวดคิ้วแน่นขึ้น หากไม่ใช่เพราะตัวเขามีหน้าที่ที่ต้องทำ ทั้งยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ เขาคงจะใช้กำลังจับคุณชายตระกูลล็อกผมลอนคนนี้โยนออกไปนอกเรือนานแล้ว เวลาที่ถูกร่างนั้นแนบชิดและถูกลมหายใจร้อนๆนั้นเป่ารดอยู่ข้างหูแบบนี้มันช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี
ถ้ายังคงทำตัวน่ารังเกียจอยู่แบบนี้ล่ะก็…
“โอ๊ะโอ นั่นมันไอ้ไก่อ่อนตระกูลเฉินนี่นา”
น้ำเสียงเย้ยหยันที่คุ้นเคยจากคนคนเดิม ต่อให้ไม่มองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเว่ยเชียนเฉินและหมิงจวงคู่แฝดนรกตัวติดกัน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมอง และเลือกที่จะนั่งจิบแชมเปญในมือต่อไป
ในตอนนั้นเอง เซียร์ที่เดิมทีอิงแอบแนบชิดกับเฉินอันหลานอยู่ก็ผุดลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน โอเมก้าคนสวยจ้องมองไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว เฉินอันหลานรู้สึกแปลกใจขึ้นมาในทันทีจึงมองตามสายตาของเซียร์ไปด้วยความสงสัย และในครรลองสายตาของเขาก็ปรากฏผู้ชายตระกูลเอสเตคนนั้นที่เขาได้พบเจอก่อนขึ้นเรือกำลังเดินเข้ามาในงาน
ร่างสูงโดดเด่นของอัลฟ่าหนุ่มก้าวเข้ามาในงานพร้อมกับเสียงของผู้คนที่ค่อยๆเงียบลง เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงดนตรีที่ยังคงบรรเลงขับกล่อม
เสียงคนคนเดียวที่ยังดังอยู่คือเสียงของเว่ยเชียนเฉินที่กล่าวเยาะเย้ยเฉินอันหลานไม่หยุด คนในงานได้ยินชัดและรับรู้เรื่องราวแต่ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว พวกเขาทำเพียงก้มหน้าก้มตา สนใจแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น
“ไอ้ไก่อ่อน นี่แฟนนายเหรอเนี่ย” เว่ยเชียนเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะมองสำรวจร่างของเซียร์ที่ยืนอยู่ข้างกายเฉินอันหลาน ก่อนจะแสยะยิ้มแล้วพูดขึ้น
“อืมม รูปร่างใช้ได้”
“……..”
เซียร์ไม่กล้าส่งเสียง ตระกูลล็อกของเขาไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าโต้เถียงออกมาต่อหน้าคนตระกูลเอสเต
เฉินอันหลานเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา หลังจากละสายตาจากลานเซลอต เขาก็ยังคงก้มหน้าดื่มแชมเปญอยู่อย่างนั้น
ลานเซลอตสังเกตเห็นอัลฟ่าชั้นต่ำคนนั้นที่เขาเจอก่อนขึ้นเรือ ตอนนั้นเป็นยังไง ตอนนี้ที่อยู่ในงานก็ยังเป็นแบบเเดิม ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด
“ไอ้ไก่อ่อน !…..”
“อย่าโง่น่า”
หมิงจวงดึงเว่ยเชียนเฉินไว้ไม่ให้เข้าไปสั่งสอนเฉินอันหลาน เขาส่งสัญญาณเพื่อเตือนให้เพื่อนสนิทรู้ตัวว่าลานเซลอตยืนอยู่และอย่าทำอะไรวู่วาม เว่ยเชียนเฉินเข้าใจได้ในทันที เขาจึงรีบเก็บอาการและก้าวถอยหลังไปสองก้าวเพื่อไปยืนข้างกายของลานเซลอตก่อนจะจ้องเขม็งไปที่เฉินอันหลานโดยไม่พูดอะไรอีก
“นายน้อยโอดิน” เมื่อเห็นความโกรธของทั้งสองฝ่ายหายไปแล้ว เซียร์จึงกล้ากล่าวทักทายลานเซลอต
ลานเซลอตไม่แม้แต่จะปรายตามองเซียร์ นั่นทำให้โอเมก้าหนุ่มรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย แต่เพราะเขาไม่ได้อยู่ในจุดที่จะสามารถพูดอะไรได้มากนักจึงทำได้แค่ยืนอยู่เงียบๆเท่านั้น
หมิงจวงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างกายลานเซลอตกวาดตามองเฉินอันหลานครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปสังเกตเจ้านายของตนครั้งหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงบรรยากาศบางอย่างจากคนทั้งคู่ …สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดจนน่าอึดอัด
คอมเมนต์