ยอดสายลับโอเมก้า ตอนที่ 7

Reader Settings

Size :
A-16A+

ตอนที่ 7 วิกตอเรีย

20.00 น.
ท่าเรือไห่อวิ๋น
ประเทศจีน
บุคคลผู้มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกต่างทยอยกันขึ้นมาบนเรือสำราญสุดหรูที่จอดเทียบท่าอยู่ ฉากหลังที่แผ่ไพศาลด้วยผืนน้ำสีดำสนิทและพรหมแดงขนาดใหญ่ที่ทอดยาวราวแคทวอร์ค ยิ่งใหญ่สมฐานะของผู้ที่มาร่วมงาน ทางเข้าทั้งสองด้านล้วนเบียดเสียดไปด้วยสื่อมวลชนที่แห่แหนกันมาจากทั่วทุกสารทิศ นอกจากนี้ยังมีดาราและนักแสดงชั้นนำจากหลายประเทศมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย บริเวณท่าเรือถูกบรรดาเหล่าแฟนคลับของศิลปินเหล่านั้นครอบครองพื้นที่ไปจนหมดสิ้น พวกเขาต่างก็ได้ยลโฉมดารานักร้องจากต่างประเทศไปพร้อมกับการได้ส่งเสียงตะโกนโห่ร้องให้กับไอดอลของตัวเอง บรรดาหนุ่มสาวที่ปรารถนาในความหรูหราเช่นนี้ล้วนตกลงไปใน ‘หลุมรัก’ อย่างไม่อาจถอนตัว
เนื่องจากแขกบนเรือต่างเป็นบุคคลสำคัญและมีฐานะร่ำรวยกันทั้งนั้น ทางเจ้าภาพจัดงานจึงได้เชิญตำรวจท้องถิ่นมาดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณงาน เหล่าตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบรวมถึงกองกำลังพิเศษที่แฝงตัวอยู่หลายนายต่างกระจายกำลังกันอยู่ภายในพื้นที่บริเวณงานและคอยควบคุมความเรียบร้อยกันอย่างเคร่งครัด สื่อมวลชนและเหล่าแฟนคลับที่ยืนออเพื่อถ่ายรูปกันอยู่ด้านนอกต่างไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในบริเวณงานแม้แต่ก้าวเดียว
แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีแฟนคลับบางพวกที่คลั่งไคล้ในตัวศิลปินอย่างเกินพอดีพยายามที่จะฝ่าแนวป้องกันของตำรวจเข้ามาใกล้ไอดอลของตัวเองและกระโจนใส่พวกเขาเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง เดือดร้อนถึงตำรวจที่ต้องเข้าควบคุมตัวเพื่อพาไปสอบสวนและรับบทลงโทษตามกฎหมาย สถานการณ์จึงได้กลับมาเป็นปกติ การมีตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยให้ในงาน ทำให้แขกเหรื่อที่ได้รับเชิญมาเข้าร่วมงานสามารถวางใจและสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่บนเรือวิกตอเรียแห่งนี้
เฉินอันหลานมาในฐานะตัวแทนของตระกูลเฉินจึงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่โตในครั้งนี้ด้วย อีกทั้งเฉินหยิ่นหลินยังเป็นคนโทรศัพท์ไปกล่าวทักทายกับฝ่ายเจ้าภาพด้วยตัวเอง เป็นการอำนวยความสะดวกให้เฉินอันหลานสามารถเข้าไปภายในงานได้เลยเพียงแค่แสดงบัตรเชิญเท่านั้นโดยที่ไม่ต้องถูกตรวจสอบแต่อย่างใด
แต่ในขณะที่เฉินอันหลานกำลังจะก้าวขึ้นไปบนเรือนั้น จู่ ๆ ก็ถูกมือหนึ่งลากลงมา นอกจากนี้ยังมีบอดี้การ์ดชุดดำกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาหลายคน ก่อนจะแยกไปยืนเรียงรายกันอยู่ทั้งสองฝั่งของบันได เป็นการกั้นไม่ให้ใครเข้ามาใช้ทางเข้าฝั่งนี้ได้อีก
เฉินอันหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ปรายตามองไปทางกลุ่มคนที่ทะลักเข้ามาอย่างฉับพลัน และกลุ่มบอดี้การ์ดชุดหนึ่งที่กำลังต้อนสื่อมวลชนและบรรดาแฟนคลับให้หลบไปอยู่บริเวณด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ตรงกลางให้กว้างขึ้น จากนั้นไม่นานรถออฟโรดสีดำคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอด
ทันทีที่ประตูรถถูกเปิดออกความหรูหราของรองเท้าหนังราคาแพงที่ถูกเย็บปักด้วยงานฝีมือชั้นเยี่ยมคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน
“นายน้อย”
“นายน้อย”
เว่ยเชียนเฉินและหมิงจวงก้าวลงมาและยืนขนาบอยู่ด้านข้างตัวรถ รอผู้เป็นนายให้ก้าวลงมาด้วยความเคารพ
ความยิ่งใหญ่ที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผู้คนในงานต่างเริ่มส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ ไม่เว้นแม้แต่สื่อมวลชน หรือแม้แต่แขกเหรื่อท่านอื่นที่ได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานเองต่างก็เริ่มสงสัยและพยายามที่จะค้นหาสถานะของแขกผู้ที่มาเยือนคนนี้
‘คนตระกูลเอสเต’ เสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นทำให้เสียงอื่นๆภายในงานเงียบลงในทันที
แฟนคลับที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวบางคนยังคงตะโกนโห่ร้องออกมา แต่ก็ต้องถูกความเงียบฉับพลันที่เกิดขึ้นนั้นกดดันจนไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาอีก
คนของตระกูลเอสเต?
เฉินอันหลานหรี่ตาทั้งสองข้างลง ภายในหัวสมองของเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของพี่ใหญ่ที่กล่าวถึงตระกูลเก่าแก่ที่แสนลึกลับของอิตาลี ว่ากันว่าตระกูลนี้เป็นผู้กุมชะตาชีวิตของผู้คนทั้งยุโรปเอาไว้ เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนตระกูลนี้ทั้งสิ้น ความมั่งคั่งร่ำรวยของพวกเขาที่ไม่มีตระกูลไหนอาจหาญเทียบเทียมได้ อีกทั้งยังลือกันด้วยว่าคนในตระกูลเอสเตมักจะสามารถสร้างความกดดันให้กับผู้คนรอบข้างได้เพียงแค่พบเห็นเท่านั้น ดังนั้นโดยปกติแล้วจึงมีคนพบเห็นพวกเขาได้น้อยมาก นอกจากนี้ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลคนปัจจุบันยังเป็นอัลฟ่าชั้นสูงอีกด้วย เป็นผู้มีสายเลือดสูงส่งเสียจนไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้ ชื่ออะไรนะ…
โอดิน?
นั่นสินะ ทุกคนต่างเรียกเขาด้วยชื่อนี้กันทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ผู้นำตระกูลเอสเตจะไม่มีชื่อและนามสกุลอย่างแน่นอน นั่นหมายความว่าชื่อของเขาเป็นความลับและเขาไม่ต้องการให้ใครก็ตามรู้สถานะที่แท้จริงของตน
แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ยอมเปิดเผยตัวออกสู่สาธารณะได้กัน ไหนจะเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนเรียงรายกันมากมายจนดูเอิกเกริกพวกนี้อีก
แปลกคนจริงๆ
แต่กระนั้นเฉินอันหลานก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้นำตระกูลที่แสนประหลาดคนนี้เท่าใดนัก เป้าหมายของเขาในการเข้ามาในเรือวิกตอเรียลำนี้มีเพียงแค่การสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด 3 ตันที่เวลส์ซุกซ่อนเอาไว้ในตัวเรือต่างหาก เพราะหลังจากที่ภารกิจนี้เสร็จสิ้นลง เขาก็จะสามารถลาพักร้อนยาวๆและใช้เวลาช่วงวันหยุดนั้นอยู่กับเด็กน้อยของเขาที่กำลังเดินทางมาจากที่แสนไกลได้
ลานเซลอตก้าวลงมาจากรถและเดินขึ้นเรือไปตามทางซึ่งสองข้างขนาบด้วยบอดี้การ์ดของเขา ที่ด้านหลังมีเว่ยเชียนเฉินและหมิงจวงเดินตามมา เดิมทีรัศมีความเป็นอัลฟ่าจากตัวพวกเขาทั้งสองคนก็สามารถกดข่มทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้อยู่แล้ว ยิ่งในเวลานี้ที่มีอัลฟ่าชั้นสูงอย่างนายน้อยของพวกเขาเดินนำอยู่ด้านหน้าด้วยแล้ว ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบข้างกดดันมากขึ้นไปอีก ฟีโรโมนมหาศาลที่แผ่กลิ่นอายออกมาโดยรอบสามารถสะกดให้ทุกคนบนเรือต่างชะงักงัน
แม้ในความเป็นจริงแล้วตัวเฉินอันหลานจะเพิ่งเคยเจออัลฟ่าชั้นสูงขนาดนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องยอมรับว่าชายที่ทุกคนต่างเรียกเขาว่า ‘โอดิน’ ผู้นี้นั้น นอกจากจะมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งแล้วยังมีโครงหน้าคมคาย อีกทั้งผิวกายที่ขาวผุดผ่องและจมูกโด่งเป็นสันที่ได้รับมาจากเชื้อสายทางฝั่งยุโรป เป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับพระผู้เป็นเจ้าใช้เวลาทั้งหมดของพระองค์ในการบรรจงสรรค์สร้างขึ้นมา ฟีโรโมนที่แผ่ออกมาจากชายผู้นี้ไม่เพียงแต่สะกดให้โอเมก้าและเบต้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้ว แม้แต่อัลฟ่าบางส่วนยังไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ เลยด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะเฉินอันหลานฉีดยาระงับฮีทเป็นประจำพ่วงด้วยคุณสมบัติด้านจิตใจอันแข็งแกร่งที่ได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าเขาเองก็คงไม่อาจระงับความหวาดกลัวที่มีต่อผู้ชายคนนี้ได้อย่างแน่นอน
ลานเซลอตที่กำลังเดินเข้ามานั้นพลันสังเกตเห็นสายตาของชายคนหนึ่งที่ถูกกักขังอยู่ด้านหลังบอดี้การ์ดของเขากำลังจับจ้องมาทางนี้อย่างไม่มีความเกรงกลัวคล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากฟีโรโมนของพวกเขาทั้งสิ้น จนกระทั่งลานเซลอตก้าวผ่านขั้นบันไดขึ้นมา เวลานั้นเองที่เขาได้ประจันหน้ากับเจ้าของดวงตาคู่นั้น ดูเหมือนจะเป็นแค่อัลฟ่าชั้นต่ำคนหนึ่ง แต่แววตาของคนคนนี้กลับกร้าวแกร่ง ทรงพลัง และดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
“นายน้อยครับ?”
เว่ยเชียนเฉินที่เดินตามหลังมาและพบว่าลานเซลอตนั้นหยุดลง จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าออกมาเตือนด้วยเสียงอันเบา
ลานเซลอตถูกเสียงของเว่ยเชียนเฉินดึงออกมาจากภวังค์แห่งความคิด เขาละสายตาจากเฉินอันหลาน แล้วก้าวเดินต่อไปด้วยแววตาวูบไหว โดยไม่ได้หันกลับไปมองเฉินอันหลานอีก
ในเวลาไม่กี่วินาทีที่ได้สบตากันนั้น เฉินอันหลานสัมผัสได้ถึงความกดดันรูปแบบหนึ่งที่ส่งมาผ่านดวงตาคู่นั้น ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกราวกับประกายตาที่ส่งมาจากผู้ชายตรงหน้าสามารถมองทะลุเข้ามาในสมองของเขา และล้วงเอาทุกความคิดในหัวออกมาได้อย่างหมดจด
แทบจะในชั่วพริบตาเดียว เฉินอันหลานก็สัมผัสได้ถึงความไม่เหมาะสมบางอย่าง แต่ไม่นานความไม่เหมาะสมนั้นก็มลายหายไป ดังนั้นเฉินอันหลานจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากมายนัก เขารอให้บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นสลายตัวไปอย่างใจเย็น จากนั้นจึงก้าวขึ้นเรือวิกตอเรียไปพร้อมกับคนอื่น ๆ

คอมเมนต์

Chapter List