ย้อนเวลามาเป็นท่านอ๋องน้อย ตอนที่ 1-3

Reader Settings

Size :
A-16A+

เล่มที่ 1 บทที่ 3 บทพิสูจน์ชาติกำเนิดที่แท้จริง

หากเผชิญหน้ากับพวกคนเลวทรามยังสามารถที่จะสังหารแล้วก็ถือว่าสิ้นเรื่องสิ้นราว แต่การต้องมาเผชิญหน้ากับหญิงชราเช่นท่านย่าหลี่ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะลงมือจัดการด้วยวิธีใด ท่านย่าหลี่เองก็มิได้ออมแรงเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเหล่านั้นได้แต่คอยหลบหลีก หากไปกระทบถูกท่านย่าหลี่แล้วทำให้ท่านย่าหลี่บาดเจ็บขึ้นมาจะกลายเป็นความผิดของพวกเขาไปเสีย ทว่าท่านย่าหลี่นั้นเป็นคนที่ไม่ฟังเหตุผลและค่อนข้างที่จะป่าเถื่อนอยู่สักหน่อย หลานชายเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของนาง หากใครต้องการเปลี่ยนความคิดของหลานชายตัวน้อย เช่นนั้นแล้วนางก็เตรียมตัวที่จะเอาชีวิตเข้าแลก
“ท่านแม่ ท่านระวังอย่าทำให้ตนเองบาดเจ็บนะเจ้าคะ”
“หลี่เหล่าไท่ไท่ โปรดฟังข้าอธิบาย”
“หลี่เหล่าไท่ไท่ ท่านโปรดวางไม้กวาดลงก่อน”
คนทั้งบ้านสับสนอลหม่านไปหมด หลี่ลั่วไม่สามารถทนดูต่อไปได้อีกแล้วจริงๆ เขาจึงเดินออกมาจากห้องของตน “ท่านย่า” เสียงนี้ดังขึ้นเพียงครั้งเดียวราวกับเป็นยันต์เครื่องรางของขลังที่สามารถควบคุมท่านย่าหลี่ได้ในทันใด นางถือไม้กวาดเดินมาเบื้องหน้าหลี่ลั่ว รวบกอดหลี่ลั่วเข้ามาในอ้อมแขนของตน “เสี่ยวเป่าเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ย่าอยู่ที่นี่ ใครก็แย่งเจ้าไปไม่ได้ ไม่ต้องกลัว”
หากว่าก่อนเดินทางมาที่นี่เพียงแค่สงสัยว่าหลี่ลั่วเป็นบุตรชายของเหล่าโหวเหฺย [1] แล้วละก็ ตอนนี้คุณชายหลี่ผู้ซึ่งเดินทางมาจากเมืองหลวงกลับมีความมั่นใจถึงสิบส่วน หน้าตาของเด็กน้อยคนนี้เหมือนกับฮูหยิน [2] ราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เว้นเสียแต่ดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกับโหวเหฺย เด็กคนนี้ช่างเกิดมาหน้าตาน่ามองยิ่งนัก ดวงตาทั้งคู่ดำราวกับน้ำหมึก ดำขลับและกระจ่างใสสะอาดบริสุทธิ์
“ท่านย่า ไม่เป็นไรขอรับ” หลี่ลั่วตบหลังของท่านย่าหลี่เบาๆ “ข้ามีคำถามบางอย่างอยากจะถามเขา” ขณะที่เอ่ยวาจานั้นเขาก็มองไปที่คุณชายหลี่
“เจ้า…เจ้าจะถามอะไรเล่า?” ท่านย่าหลี่ย่อมรู้ดีว่าหลานชายเป็นคนเจ้าอารมณ์และฉลาดเฉลียว แต่ผู้คนเหล่านั้นเขามาจากเมืองหลวง มองดูก็รู้ว่าเป็นขุนนางที่มียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โต ทว่านางไม่มีทางเลือก จึงได้แต่อาละวาดทำตัวราวกับคนเถื่อน
คุณชายหลี่ผู้นั้นดูแล้วไม่ใช่คนที่อ่อนข้อให้ใครง่ายๆ รูปร่างสูงใหญ่ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ลั่วกลับเต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ “ผู้น้อยหลี่จงหมิง คารวะคุณชาย”
“ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าคือคนที่ท่านกำลังตามหา?” หลี่ลั่วถาม
หลี่จงหมิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าหลี่ลั่วจะถามคำถามเหล่านี้ออกมาได้อย่างสงบนิ่ง แต่ก็อธิบายไปตามความจริง “ความจริงแล้วพวกเราได้ไปตามหาตามหมู่บ้านละแวกนี้มามากมายหลายหมู่บ้าน และสอบถามผู้ใหญ่บ้านว่าในหมู่บ้านมีเด็กคนใดบ้างที่มีอายุในวัยห้าถึงหกขวบ ภายในสี่ปีมานี้ พวกเราเดินทางไปทั่วหลายที่ ประจวบเหมาะถามมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ได้ทราบว่าคุณชายเป็นเด็กที่บ้านนี้รับมาเลี้ยง จึงเกิดความสงสัย ข้าน้อยได้สอบถามไปทางผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวกับเวลาและสถานการณ์ในช่วงที่รับคุณชายเข้ามาแล้ว ช่วงที่หลี่ซื่อหลางผู้รับราชการทหารอุ้มท่านกลับมาบ้านนั้นประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่คุณชายหายตัวไปพอดี สถานการณ์นั้นสอดคล้องกัน วันนี้ได้พบคุณชายอีกครั้ง คุณชายมีใบหน้าที่คล้ายคลึงฮูหยินถึงเจ็ดส่วน ทำให้ข้าน้อยยิ่งแน่ใจขอรับ”
“ใต้หล้านี้มีคนมากมายที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน หากว่าวันหนึ่งมีคนหน้าตาเหมือนกันปรากฏตัวขึ้นมา อีกทั้งอายุและอย่างอื่นก็ค่อนข้างดูน่าเชื่อถือไปหมดเล่า” หลี่ลั่วถามอีก เขาไม่อยากให้ถึงวันที่ตัวเองต้องถูกไล่ออกจากบ้าน
หลี่จงหมิงรู้สึกว่าช่างเหนือความคาดหมาย เด็กคนนี้ฉลาดยิ่งนัก “ตอนที่คุณชายหายตัวไป ฮูหยินได้ทิ้งรอยฟันไว้ที่แขนซ้ายของคุณชายขอรับ ยังมีลูกประคำอีกหนึ่งสาย ลูกประคำสายนั้นฮูหยินไปขอมาก่อนที่จะตั้งครรภ์ ไต้ซือ [3] ได้ทำการเบิกเนตรให้ด้วย”
หลี่ลั่วลูบมือไปมาที่แขนข้างซ้ายของตน ให้ตายเถอะ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขายังคิดอยู่เลยว่า ใครกันนะช่างไร้รสนิยม ทิ้งรอยฟันเสียลึกขนาดนี้ลงบนแขนของเขา ส่วนเรื่องลูกประคำ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาก็ห้อยอยู่บนคอแล้ว
หลี่ลั่วพลิกปกคอเสื้อขึ้น แล้วหยิบลูกประคำสายนั้นออกมา “ใช่สิ่งนี้หรือไม่?” ลูกประคำมีทั้งหมดเก้าสิบเก้าเม็ด แต่ละเม็ดมีสีแดงเข้มจนดูไม่เหมือนไม้ มีกลิ่นหอมของไม้ชนิดหนึ่ง ทำให้สมองปลอดโปร่งจิตใจผ่องใส ต่อให้มันมาปรากฏอยู่ในศตวรรษที่ 21 มันก็เป็นของที่มีราคาค่างวดสูงมากๆ มันคือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้แห่งพระยูไล [4] ตามความเชื่อในศาสนาพุทธที่มีผู้นับถือและเลื่อมใส
“ใช่แล้วขอรับ ลูกประคำพระยูไล” ในตำนานกล่าวไว้ว่า ก่อนที่พระยูไลจะทรงตรัสรู้นั้นได้ปลูกต้นไม้ต้นนี้ด้วยมือตนเอง
“ต่อให้เป็นเช่นนี้ เสี่ยวเป่าเอ๋อร์ก็กินข้าวกินน้ำที่บ้านนี้จนเติบโตขึ้นมา ท่านจงเลิกล้มความคิดที่จะพาเสี่ยวเป่าเอ๋อร์ไปจากที่นี่ซะเถิด” ท่านย่าหลี่กอดหลี่ลั่วไว้แน่น
“ท่านย่า เชิญมาที่ห้อง ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับท่านขอรับ”
———————
[1] เหล่าโหวเหฺย (老侯爷) เหล่า คือคำเรียกผู้อาวุโสแสดงถึงการให้ความเคารพ ในที่นี้หมายถึงท่านโหวผู้อาวุโส หรือก็คือบิดาที่แท้จริงของหลี่ลั่ว ส่วนเสี่ยวโหวเหฺย หมายถึงท่านโหวน้อย หรือก็คือหลี่ลั่ว
[2] ฮูหยิน (夫人) หรือ ฟูเหริน เป็นคำที่ใช้เรียกสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว ในกรณีสามัญชนที่เป็นขุนนางก็จะเรียกภรรยาเอกของขุนนางว่า ฟูเหริน เช่นกัน
[3] ไต้ซือ (大师) ใช้เรียกนักพรต นักบวช
[4] หรูไหลฝอ (如来佛) หรือ พระยูไล เป็นคำเรียกแทนพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซี่งเป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกตัวพระองค์เอง ไม่ได้หมายถึงพระนามที่เป็น “ชื่อเฉพาะ” ของพระองค์ใดเลย ในที่นี้เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์

คอมเมนต์

Chapter List